Ford et al12 conducted a cross-sect

Ford et al12 conducted a cross-sectional study that explored how an existent surveillance system could be used to estimate chronic disease needs for a natural disaster by using the 2004 Behavioral Risk Factor Surveillance System to estimate prevalence of diabetes, heart disease, stroke, hypertension, and asthma. Car-diopulmonary disease was not included. A quarter of respondents had at least 1 chronic disease, 15.6% had 1 condition, 8.4% had 2 conditions, 1.1% had 3 conditions, and 0.3% had 4 or more conditions. This study revealed that preexisting surveillance systems, such as the Behavioral Risk Factor Surveillance System, can aid disaster response personnel in assessing chronic disease needs among disaster-affected populations. Ford et al12 demonstrated that chronic disease management after a disaster is an understudied research priority.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ฟอร์ด et al12 ดำเนินศึกษาเหลวที่อุดมวิธีระบบการเฝ้าระวังที่มีอยู่สามารถใช้ประเมินความต้องการโรคภัยธรรมชาติโดย 2004 พฤติกรรมปัจจัยเสี่ยงเฝ้าระวังระบบการประเมินการชุกของโรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง ความดันโลหิตสูง และโรคหอบหืด รถ diopulmonary โรคไม่รวม ไตรมาสของผู้ตอบมีน้อย 1 โรค 15.6% มีเงื่อนไข 1, 8.4% มี 2 เงื่อนไข 1.1% มีเงื่อนไข 3 และ 0.3% มีเงื่อนไขอย่าง น้อย 4 การศึกษานี้เปิดเผยว่า ระบบเฝ้าระวังอิง เช่นระบบเฝ้าระวังพฤติกรรมของปัจจัยเสี่ยง สามารถช่วยบุคลากรตอบสนองภัยพิบัติในการประเมินต้องโรคเรื้อรังในประชากรที่ได้รับผลกระทบภัยพิบัติ ฟอร์ด et al12 สาธิตการจัดการโรคเรื้อรังหลังจากภัยพิบัติ ที่สำคัญงานวิจัย understudied

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ฟอร์ด et al12 ดำเนินการศึกษาแบบตัดขวางที่สำรวจวิธีการที่ระบบการเฝ้าระวังที่มีอยู่สามารถนำมาใช้ในการประเมินโรคความต้องการเรื้อรังภัยพิบัติทางธรรมชาติโดยใช้ปัจจัยเสี่ยงพฤติกรรม 2004 ระบบเฝ้าระวังที่จะประเมินความชุกของโรคเบาหวานโรคหัวใจโรคหลอดเลือดสมองความดันโลหิตสูง และโรคหอบหืด โรครถ diopulmonary ไม่ได้ถูกรวม หนึ่งในสี่ของผู้ตอบแบบสอบถามมีอย่างน้อย 1 โรคเรื้อรัง 15.6% มีแอร์ 1 8.4% มี 2 เงื่อนไข 1.1% มี 3 เงื่อนไขและ 0.3% มี 4 หรือมากกว่าเงื่อนไข การศึกษาครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าระบบการเฝ้าระวังมาก่อนเช่นปัจจัยเสี่ยงเกี่ยวกับพฤติกรรมของระบบเฝ้าระวังสามารถช่วยบุคลากรรับมือกับภัยพิบัติในการประเมินความต้องการของผู้ป่วยโรคเรื้อรังในหมู่ประชากรได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ ฟอร์ด et al12 แสดงให้เห็นว่าการจัดการโรคเรื้อรังหลังภัยพิบัติเป็นลำดับความสำคัญของงานวิจัย understudied

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ฟอร์ด และ al12 ทำการศึกษาสำรวจวิธีการที่ระบบเฝ้าระวังที่มีอยู่ สามารถใช้ประเมินผู้ป่วยโรคเรื้อรังต้องการสำหรับภัยพิบัติธรรมชาติ ใช้ 2004 ระบบเฝ้าระวังพฤติกรรมปัจจัยเสี่ยงการประมาณความชุกของเบาหวาน โรคหัวใจ อัมพาต ความดันโลหิตสูง และหอบหืด โรค diopulmonary รถไม่ได้ถูกรวมหนึ่งในสี่ของผู้ตอบแบบสอบถาม มีอย่างน้อย 1 เรื้อรัง 15.6 % มี 1 เงื่อนไข 8.4 % มี 2 เงื่อนไข , 1.1% มี 3 เงื่อนไข และ 0.3% มี 4 หรือมากกว่านั้น จากการศึกษานี้พบว่า ระบบการเฝ้าระวัง เช่น ระบบการเฝ้าระวังปัจจัยเสี่ยงกับพฤติกรรม สามารถช่วยการตอบสนองภัยพิบัติบุคลากรในการประเมินความต้องการของผู้ป่วยโรคเรื้อรังภัยพิบัติได้รับผลกระทบตามจำนวนประชากรฟอร์ด และ al12 แสดงว่าเรื้อรังการจัดการหลังภัยพิบัติเป็น 8 เรื่องการวิจัยสำคัญ