Cultural practices. Given the stron

Cultural practices. Given the strong relationship between infested surface residue and the development of gray leaf spot, management strategies aimed at reducing the amount of residue are among the most effective in preventing severe epidemics of this disease. Cefcospom zeae-mayd/s is known to be pathogenic only to maize and according to Latterell and Rossi (34), does not survive in maize residue in the field beyond one year. One-to-two years of rotation away from maize is dften enough to reduce the survival of the fungus (39). However, the effectiveness of crop rotation and tillage depends on their widespread adoption, since neighboring fields may serve as sources of inoculum. Other cultural practices that may be effective against gray leaf spot are planting date and genotype maturity. Both of these approaches aim at avoiding disease-favorable conditions and delaying the onset of the disease. Late-maturing hybrids are at greater risk from gray leaf spot than early maturing hybrids because they are exposed to the disease during a greater portion of the grainfill period (54).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ปฏิบัติทางวัฒนธรรม กำหนดความสัมพันธ์ระหว่างคราบรบกวนผิวและการพัฒนาของสีเทาใบจุด การจัดการกลยุทธ์ลดปริมาณของสารตกค้างอยู่ในหมู่ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการป้องกันโรคระบาดรุนแรงของโรคนี้ เรียกว่าจะทำให้เกิดโรคเฉพาะ ในข้าวโพด และ ตาม Latterell และรอสซี (34), Cefcospom zeae-mayd เอสไม่รอดในกากข้าวโพดในฟิลด์เกินกว่าหนึ่งปี หนึ่งถึงสองปีของการหมุนจากข้าวโพดเป็น dften เพียงพอเพื่อลดความอยู่รอดของเชื้อรา (39) อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพของการปลูกพืชหมุนเวียนและ tillage ขึ้นอยู่กับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ตั้งแต่เขตเพื่อนบ้านอาจเป็นแหล่งของ inoculum ปฏิบัติวัฒนธรรมอื่น ๆ ที่อาจมีผลกับจุดสีเทาใบจะปลูกครบกำหนดวันและจีโนไทป์ ทั้งสองวิธีการเหล่านี้มุ่งหลีกเลี่ยงเงื่อนไขที่ดีโรค และชะลอการโจมตีของโรค เวลาสุกลูกผสมมีความเสี่ยงมากกว่าจุดใบสีเทากว่าลูกผสมสุกก่อน เพราะพวกเขากำลังเผชิญกับโรคในระหว่างงวด grainfill (54) ส่วนมาก

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การปฏิบัติทางวัฒนธรรม ที่กำหนดความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างสารตกค้างบนพื้นผิวที่รบกวนและการพัฒนาของโรคใบจุดสีเทากลยุทธ์การจัดการมุ่งเป้าไปที่การลดปริมาณของสารตกค้างอยู่ในหมู่ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการป้องกันโรคระบาดอย่างรุนแรงของโรคนี้ Cefcospom zeae-mayd / S เป็นที่รู้จักกันเท่านั้นที่จะทำให้เกิดโรคข้าวโพดและตาม Latterell และรอสซี (34) ไม่ได้อยู่รอดในกากข้าวโพดในสนามเกินหนึ่งปี หนึ่งต่อสองปีของการหมุนออกไปจากข้าวโพดเป็น dften พอที่จะลดความอยู่รอดของเชื้อรา (39) แต่ประสิทธิภาพของการปลูกพืชหมุนเวียนและเตรียมจะขึ้นอยู่กับการยอมรับอย่างกว้างขวางของพวกเขาตั้งแต่เขตใกล้เคียงอาจทำหน้าที่เป็นแหล่งที่มาของเชื้อ การปฏิบัติทางวัฒนธรรมอื่น ๆ ที่อาจจะมีผลต่อโรคใบจุดสีเทาปลูกวันที่ครบกําหนดและจีโนไทป์ ทั้งสองวิธีการเหล่านี้มีจุดมุ่งหมายที่หลีกเลี่ยงเงื่อนไขโรคที่ดีและการชะลอการเริ่มมีอาการของโรค ปลายสุกลูกผสมที่มีความเสี่ยงมากขึ้นจากใบจุดสีเทากว่าต้นสุกลูกผสมเพราะพวกเขากำลังเผชิญกับโรคระหว่างส่วนที่มากขึ้นของระยะเวลา grainfill นี้ (54)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การปฏิบัติทางวัฒนธรรม ให้ความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งระหว่างที่รบกวนผิวหน้ากาก และการพัฒนาของโรคใบจุดสีเทา กลยุทธ์การจัดการเพื่อลดปริมาณสารตกค้างอยู่ในหมู่ที่สุดที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการระบาดอย่างรุนแรงของโรคนี้ cefcospom zeae mayd / s เรียกโรคเฉพาะ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และตาม latterell และรอสซี่ ( 34 ) ไม่รอดในข้าวโพดกากในสนามเกิน 1 ปี หนึ่งถึงสองปีของการหมุนออกไปจากข้าวโพดเป็น dften พอที่จะลดการอยู่รอดของเชื้อรา ( 39 ) ผลของการปลูกพืชหมุนเวียนและการไถพรวน ขึ้นอยู่กับการยอมรับอย่างกว้างขวางของพวกเขา เนื่องจากสาขาที่ใกล้เคียงอาจเป็นแหล่งที่มาของเชื้อ . การปฏิบัติทางวัฒนธรรมอื่นๆที่อาจจะมีประสิทธิภาพต่อโรคใบจุดสีเทามีวันปลูกและวุฒิภาวะทางพันธุกรรม . ทั้งสองวิธีเหล่านี้มุ่งหลีกเลี่ยงโรคสภาพที่ดีและหน่วงเวลา onset ของโรค ช้าสุกลูกผสมมีความเสี่ยงมากขึ้นจากโรคใบจุดสีเทามากกว่าลูกผสมอายุสั้นเพราะพวกเขาจะสัมผัสกับโรค ระหว่างส่วนที่มากขึ้นของระยะเวลา grainfill ( 54 )