The choice of intercrop will depend

The choice of intercrop will depend on several factors relating to local needs,
capital required, access to markets and agroclimatic conditions. According to
Jayasena & Herath (1986), banana appears to be the most popular intercrop of rubber
in Sri Lanka. This could be due to the versatility of banana as evident by its
ubiquitous presence in home gardens (Hitinayake, 1996; Rodrigo et al., 2001a).
Recommendations for intercropping in Sri Lanka are for a single row of banana
planted between the rows of rubber. This low planting density, in which banana is
planted at a density of only ca. 30% of that found in monocrops, is designed to
minimise the risk of latex yield losses through competitive effects on the young
rubber tree (Chandrasekera, 1984).
Intercropping offers a means of increasing income and land use efficiency
during the unproductive immature phase of rubber (Rodrigo, 1997) and current
recommendations for the planting density of banana in banana/rubber intercrops
appear to be well below that which either crop can tolerate. We aimed to test this
view by evaluating the effects of a range of planting densities of banana on intercrop
performance. The specific aims of the study were; (i) to determine the optimum
planting density for banana when grown in combination with an immature rubber tree
crop, (ii) to quantify the effects of planting density on seasonal light and water use of
banana and rubber and (iii) to evaluate the financial performance of different density
intercrops.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ทางเลือกของ intercrop จะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการที่เกี่ยวข้องกับความต้องการท้องถิ่นทุนจำเป็น การเข้าถึงตลาดและเงื่อนไข agroclimatic ตามที่Jayasena และ Herath (1986), กล้วยปรากฏเป็น intercrop นิยมมากที่สุดของยางในประเทศศรีลังกา อาจเป็น เพราะความคล่องตัวของกล้วยเป็นที่เห็นได้ชัดโดยของมีอยู่แพร่หลายในบ้านสวน (Hitinayake, 1996 Rodrigo et al., 2001a)คำแนะนำสำหรับ intercropping ในศรีลังกามีแถวเดียวของกล้วยปลูกระหว่างแถวยาง นี้ต่ำปลูกความหนาแน่น ในกล้วยซึ่งเป็นปลูกที่ความหนาแน่นเฉพาะ ca 30% ของที่พบใน monocrops แห่งลดความเสี่ยงของการสูญเสียผลผลิตยางโดยหนุ่มสาวผลแข่งขันต้นยาง (Chandrasekera, 1984)Intercropping เสนอวิธีการเพิ่มรายได้และที่ดินใช้ประสิทธิภาพระยะ immature ก่อยาง (Rodrigo, 1997) และปัจจุบันคำแนะนำสำหรับความหนาแน่นการปลูกกล้วยในกล้วย/ยาง intercropsต้องดีที่ต่ำกว่าพืชใดที่สามารถทน เรามีวัตถุประสงค์เพื่อทดสอบดู โดยประเมินผลในช่วงของการปลูกความหนาแน่นของกล้วย intercropประสิทธิภาพของ มีจุดมุ่งหมายเฉพาะของการศึกษา (i) การกำหนดเหมาะสมปลูกความหนาแน่นสำหรับกล้วยเมื่อปลูกร่วมกับต้นยางพารา immatureพืช (ii) การวัดปริมาณผลกระทบของการปลูกความหนาแน่นตามฤดูกาลแสงและน้ำใช้กล้วย และยาง และ (iii) การประเมินประสิทธิภาพทางการเงินของความหนาแน่นแตกต่างกันintercrops

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ทางเลือกของแซมจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการที่เกี่ยวข้องกับความต้องการของท้องถิ่น,
เงินทุนที่จำเป็นในการเข้าถึงตลาดและเงื่อนไข agroclimatic ตามที่
Jayasena และ Herath (1986),
กล้วยดูเหมือนจะเป็นที่นิยมมากที่สุดแซมยางในประเทศศรีลังกา ซึ่งอาจจะเป็นเพราะความเก่งกาจของกล้วยเป็นที่เห็นได้ชัดจากการที่การปรากฏแพร่หลายในบ้านสวน (Hitinayake 1996. โรดริโก, et al, 2001a). คำแนะนำสำหรับแซมในศรีลังกามีแถวเดียวของกล้วยที่ปลูกระหว่างแถวยาง. นี้ความหนาแน่นของการปลูกต่ำซึ่งในกล้วยมีการปลูกที่มีความหนาแน่นของรัฐแคลิฟอร์เนียได้เพียง 30% ของที่พบใน monocrops ถูกออกแบบมาเพื่อลดความเสี่ยงของการสูญเสียผลผลิตน้ำยางผ่านผลกระทบในการแข่งขันเมื่อวันที่หนุ่มต้นยาง(Chandrasekera, 1984). แซมมีวิธีการเพิ่มรายได้และมีประสิทธิภาพการใช้ประโยชน์ที่ดินในช่วงที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะหมันยาง(โรดริโก, 1997) และในปัจจุบันคำแนะนำสำหรับความหนาแน่นของการปลูกกล้วยกล้วย/ ยาง intercrops ดูเหมือนจะต่ำกว่าที่ทั้งพืชสามารถทนต่อ เรามีวัตถุประสงค์เพื่อทดสอบมุมมองโดยการประเมินผลกระทบของช่วงของความหนาแน่นของการปลูกกล้วยในแซมประสิทธิภาพ จุดมุ่งหมายที่เฉพาะเจาะจงของการศึกษาคือ; (i) การกำหนดที่เหมาะสมความหนาแน่นของการปลูกกล้วยเมื่อปลูกร่วมกับยางที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะต้นไม้พืช(ii) ปริมาณผลกระทบของความหนาแน่นของการปลูกไฟตามฤดูกาลและการใช้น้ำของกล้วยและยางและ(iii) การประเมินทางการเงิน ประสิทธิภาพการทำงานของความหนาแน่นที่แตกต่างกันintercrops

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ทางเลือกของร่องจะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการที่เกี่ยวข้องกับความต้องการของท้องถิ่น ,
ทุนที่ต้องการเข้าถึงตลาดและเงื่อนไข agroclimatic . ตาม
jayasena & herath ( 1986 ) , กล้วยที่ดูเหมือนจะเป็นที่นิยมมากที่สุดของพืชแซมยาง
ในศรีลังกา ซึ่งอาจเป็นเพราะความเก่งกาจของกล้วยเป็นประจักษ์โดย
ตนแพร่หลายในบ้านสวน ( hitinayake , 1996 ; โรดริโก้ et al . ,2001a ) .
คำแนะนำสำหรับการปลูกในศรีลังกามีแถวเดียวของกล้วย
ปลูกระหว่างแถวยาง นี้ต่ำปลูก ซึ่งปลูกกล้วย
ความหนาแน่นเพียงประมาณ 30% ของที่พบใน monocrops ถูกออกแบบมาเพื่อ
ลดความเสี่ยงจากการสูญเสียผลผลิตน้ำยาง ผลการแข่งขัน ในต้นยางเล็ก

( chandrasekera , 1984 )และมีการเพิ่มรายได้ การใช้ที่ดินอย่างมีประสิทธิภาพ
ในระยะยางอ่อนไม่ ( โรดริโก้ , 1997 ) และข้อเสนอแนะปัจจุบัน
สำหรับปลูกกล้วยกล้วย / ยางมี
ปรากฏเป็นด้านล่างที่ให้พืชสามารถทน เรามุ่งที่จะทดสอบนี้
มุมมองโดยการประเมินผลของช่วงการปลูกพืชแซมในการแสดงความหนาแน่นของกล้วย

วัตถุประสงค์เฉพาะของการศึกษามีดังนี้ ( 1 ) เพื่อศึกษาสภาวะ
ปลูกกล้วย เมื่อปลูกร่วมกับยางพาราอ่อน
พืช ( II ) ที่มีผลของการปลูกในฤดูกาล และการใช้น้ำของ
แสงกล้วยและยางพารา และ ( 3 ) เพื่อประเมินประสิทธิภาพทางการเงินของ
มีความหนาแน่นแตกต่างกัน