Concerning potential benefits of or

Concerning potential benefits of organic farming for producers, an important question is if such price premiums can be sustained in the long run or if they will also vanish, as in the case of the MD2 variety. The recent development in the
banana market shows, for example, that a price premium for organic products cannot be guaranteed over time. Premiums have also been declining for other organic food products due to increasing competition in the organic sector as well
as economies of scale in shipping, processing and distribution of some products as a result of increased levels of trade (Didier and Lucie, 2008). Whether this is a temporary development or a long-term trend depends on the value added by the organic certification label. Thus, the answer lies in why these premiums exist in the first place. Price premiums include a reflection of the “value added” by the organic nature of the production of the product (UNCTAD, 2006).
Our analysis shows that, for the period from September 2007 to August 2009, price premiums have fluctuated between 0.00 € and 0.76 € with mean and standard deviation of 0.50 € and 0.20 € respectively. As can be seen from the
graph below, a declining trend cannot be observed over this period. The comparison of the price behaviour of conventional pineapple and the price premium shows, however, that the premium and the conventional price moved in
opposite directions over the observed time period. This might suggest that either the price for organic pineapple is more stable and has less seasonal fluctuations than the conventional pineapple price, or that prices for organic and conventional
pineapple even experience contrary movements. The latter, however, seems to be ruled out, as can be seen in Figure 6. In Figure 7 it seems that, even though organic prices have a larger variation over time, conventional prices vary more
frequently and short-term fluctuations are larger for conventional than for organic prices. This might imply that over short periods of time, organic prices are indeed more stable.There are several possible explanations for this observation. First, niche markets have been reported to have less volatile prices. This is true for current prices for the “old” Smooth Cayenne variety compared to the MD2 (e.g. Paqui, 2007) and could also be true for the organic market compared to the conventional market.Second, the fierce competition between very few companies could make the conventional market more volatile, because it depends completely on the behaviour of very few actors (compared to a less oligopolistic structure in the organic market). Third, for conventional pineapple, the European market is dependent on the Latin American supply position. For organic pineapple, this dependence does not (yet) exist. Hence, for instance weather conditions or new plant diseases in this part of the world do not exert such influence on the organic
pineapple market in Europe.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ที่มีศักยภาพของเกษตรอินทรีย์สำหรับผู้ผลิต คำถามที่สำคัญคือ ถ้าเบี้ยราคาดังกล่าวสามารถยั่งยืนในระยะยาว หรือ ถ้าพวกเขาจะยัง กลีบ เช่นในกรณีของความหลากหลาย MD2 การพัฒนาล่าสุดในการตลาดกล้วยแสดง ตัวอย่าง ที่พรีเมี่ยมราคาสำหรับสินค้าเกษตรอินทรีย์ไม่สามารถรับประกันเวลาการ ยังมีการคำนวณเบี้ยสำหรับผลิตภัณฑ์อาหารอินทรีย์อื่น ๆ เนื่องจากการเพิ่มการแข่งขันในภาคการเกษตรอินทรีย์เป็นอย่างดีเป็นเศรษฐกิจของขนาด ในการจัดส่ง การประมวลผลผลิตภัณฑ์บางจากระดับการเพิ่มขึ้นของการค้า (Didier และ Lucie, 2008) ว่า นี้เป็นการพัฒนาชั่วคราวหรือแนวโน้มระยะยาวขึ้นอยู่กับค่าที่ได้ป้ายรับรองเกษตรอินทรีย์ ดังนั้น คำตอบอยู่ในเหตุเบี้ยเหล่านี้มีอยู่ในสถานที่แรก ราคาเบี้ยรวมภาพสะท้อนของ "มูลค่าเพิ่ม" โดยธรรมชาติอินทรีย์ของการผลิตของผลิตภัณฑ์ (UNCTAD, 2006)การวิเคราะห์ของเราแสดงว่า สำหรับรอบระยะเวลาจาก 2550 กันยายนถึง 2552 สิงหาคม เบี้ยราคาได้ fluctuated ระหว่าง 0.00 € € 0.76 มีค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.50 € และ€ 0.20 ตามลำดับ สามารถเห็นได้จากการกราฟด้านล่าง ไม่มีสังเกตแนวโน้มลดลงช่วงนี้ การเปรียบเทียบพฤติกรรมราคาสับปะรดธรรมดาและพรีเมี่ยมราคาแสดง อย่างไรก็ตาม ให้ค่าจ้างพิเศษและราคาปกติย้ายในตรงข้ามกับทิศทางในช่วงเวลาที่สังเกต นี้อาจแนะนำว่า ราคาใดสำหรับสับปะรดอินทรีย์จะมีเสถียรภาพมากขึ้น และมีความผันผวนตามฤดูกาลน้อยกว่าราคาสับปะรดทั่วไป หรือว่าราคาธรรมดา และอินทรีย์สับปะรดยังพบความเคลื่อนไหวตรงกันข้าม หลัง ไร ดูเหมือนว่าปกครอง สามารถเห็นได้ในรูปที่ 6 ในรูปที่ 7 ดูเหมือนว่า แม้ว่าอินทรีย์ราคามีการปรับเปลี่ยนขนาดใหญ่เวลา ราคาปกติแตกต่างกันมากบ่อย และความผันผวนระยะสั้นที่มีขนาดใหญ่สำหรับทั่วไปกว่าราคาอินทรีย์ นี้อาจมากกว่าระยะเวลาสั้น อินทรีย์ราคาแน่นอนมั่นคงคุณสามารถเป็นสิทธิ์แบบนี้ มีหลายคำอธิบายได้สำหรับเก็บข้อมูลนี้ ครั้งแรก ตลาดนิชมีการรายงานให้ราคาเปลี่ยนแปลงได้น้อย นี้เป็นจริงสำหรับราคาปัจจุบันหลายป่นเรียบ "เก่า" ที่เปรียบเทียบกับ MD2 (เช่น Paqui, 2007) และยังอาจเป็นจริงสำหรับตลาดอินทรีย์เปรียบเทียบกับตลาดทั่วไป สอง การแข่งขันที่รุนแรงระหว่างบริษัทน้อยมากสามารถทำให้ตลาดทั่วไประเหยมากขึ้น เพราะมันขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของนักแสดงน้อยมาก (เมื่อเทียบกับโครงสร้าง oligopolistic น้อยในตลาดเกษตรอินทรีย์) ที่สาม สำหรับสับปะรดทั่วไป ตลาดยุโรปได้ขึ้นอยู่กับตำแหน่งซัพพลายริกา สำหรับสับปะรดอินทรีย์ พึ่งพานี้ไม่ (ได้) มี ดังนั้น เช่นสภาพอากาศหรือโรคพืชใหม่ในส่วนนี้ของโลกไม่แรงอิทธิพลดังกล่าวที่อินทรีย์ตลาดสับปะรดในยุโรป

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เกี่ยวกับประโยชน์ของการทำเกษตรอินทรีย์สำหรับผู้ผลิตซึ่งเป็นคำถามที่สำคัญคือถ้าพรีเมี่ยมราคาดังกล่าวสามารถอย่างยั่งยืนในระยะยาวหรือถ้าพวกเขายังจะหายไปเช่นในกรณีของความหลากหลาย MD2 การพัฒนาล่าสุดในตลาดกล้วยแสดงให้เห็นตัวอย่างเช่นที่พรีเมี่ยมราคาสำหรับสินค้าเกษตรอินทรีย์ไม่สามารถรับประกันได้เมื่อเวลาผ่านไป
พรีเมี่ยมยังได้รับการลดลงสำหรับผลิตภัณฑ์อาหารอินทรีย์อื่น ๆ
เนื่องจากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในภาคเกษตรอินทรีย์เป็นอย่างดีในขณะที่การประหยัดจากขนาดในการจัดส่งการประมวลผลและการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์บางประการที่เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของระดับการค้า(ดิดิเย่ร์และลูซี 2008) ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาชั่วคราวหรือแนวโน้มในระยะยาวขึ้นอยู่กับมูลค่าเพิ่มโดยการรับรองฉลากอินทรีย์ ดังนั้นคำตอบอยู่ในเหตุผลที่พรีเมี่ยมเหล่านี้อยู่ในสถานที่แรก พรีเมี่ยมราคารวมถึงภาพสะท้อนของ "มูลค่าเพิ่ม" โดยธรรมชาติอินทรีย์ของการผลิตของผลิตภัณฑ์ (UNCTAD, 2006).
การวิเคราะห์ของเราแสดงให้เห็นว่าในช่วงเวลาตั้งแต่เดือนกันยายน 2007 ถึงสิงหาคม 2009 ที่พรีเมี่ยมราคามีความผันผวนระหว่าง 0.00 €และ 0.76 €มีค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.50 €และ 0.20 ตามลำดับ€ ที่สามารถเห็นได้จากกราฟด้านล่างมีแนวโน้มที่ลดลงไม่สามารถสังเกตได้ในช่วงนี้
การเปรียบเทียบพฤติกรรมราคาของสับปะรดธรรมดาและแสดงให้เห็นว่าพรีเมี่ยมราคา
แต่ที่พรีเมี่ยมและราคาเดิมย้ายไปในทิศทางตรงข้ามในช่วงเวลาที่สังเกต ซึ่งอาจแสดงให้เห็นว่าทั้งราคาสับปะรดอินทรีย์มีเสถียรภาพมากขึ้นและมีความผันผวนตามฤดูกาลน้อยกว่าราคาสับปะรดธรรมดาหรือว่าราคาสำหรับอินทรีย์และสับปะรดได้ประสบการณ์การเคลื่อนไหวทางตรงกันข้าม
หลัง แต่ดูเหมือนว่าจะถูกตัดออกเป็นสามารถมองเห็นได้ในรูปที่ 6 รูปที่ 7
มันก็ดูเหมือนว่าแม้ว่าราคาอินทรีย์มีการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ในช่วงเวลาที่แตกต่างกันราคาธรรมดามากขึ้นบ่อยครั้งและความผันผวนในระยะสั้นมีขนาดใหญ่สำหรับธรรมดากว่าราคาอินทรีย์ นี้อาจบ่งบอกว่าในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ราคาอินทรีย์เป็นจริงมากขึ้น stable.There คำอธิบายที่เป็นไปได้หลายอย่างสำหรับการสังเกตนี้ ครั้งแรกที่ตลาดได้รับรายงานว่าจะมีราคาที่ผันผวนน้อย นี้เป็นจริงสำหรับราคาปัจจุบัน "เก่า" หลากหลาย Cayenne เรียบเมื่อเทียบกับ MD2 (เช่น Paqui 2007) และยังอาจจะเป็นจริงสำหรับตลาดอินทรีย์เมื่อเทียบกับ market.Second ทั่วไปการแข่งขันที่รุนแรงระหว่าง บริษัท น้อยมากที่จะทำให้ ตลาดทั่วไปผันผวนมากขึ้นเพราะมันขึ้นอยู่อย่างสมบูรณ์ในการทำงานของนักแสดงไม่กี่มาก (เมื่อเทียบกับโครงสร้าง oligopolistic น้อยในตลาดอินทรีย์) ประการที่สามสำหรับสับปะรดทั่วไปตลาดยุโรปจะขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่อุปทานในละตินอเมริกา สำหรับสับปะรดอินทรีย์พึ่งพาอาศัยกันนี้ไม่ได้ (ยัง) อยู่ ดังนั้นสำหรับตัวอย่างเช่นสภาพอากาศหรือโรคโรงงานใหม่ในส่วนหนึ่งของโลกนี้ไม่ได้ออกกำลังกายมีอิทธิพลดังกล่าวในอินทรีย์ตลาดสับปะรดในยุโรป

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เกี่ยวกับประโยชน์ของการทำเกษตรอินทรีย์ สำหรับผู้ผลิต คำถามที่สำคัญคือถ้าเบี้ยราคาดังกล่าวสามารถยั่งยืนในระยะยาวหรือถ้าพวกเขาจะหายไป เช่นในกรณีของ md2 หลากหลาย การพัฒนาล่าสุดในตลาดกล้วย
แสดง ตัวอย่าง ราคาพรีเมี่ยม ผลิตภัณฑ์อินทรีย์ไม่สามารถรับประกันได้ตลอดเวลาเบี้ยยังได้รับการลดลงในผลิตภัณฑ์อาหารอินทรีย์อื่นๆ เนื่องจากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในภาคอินทรีย์เช่นกัน
เป็นการประหยัดจากขนาด ในการจัดส่ง การประมวลผล และการกระจายของผลิตภัณฑ์บางอย่าง เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของระดับการค้า ( ดิดิเยร์ และ ลูซี่ ปี 2551 ว่า นี่คือการพัฒนาชั่วคราวหรือแนวโน้มระยะยาวขึ้นอยู่กับมูลค่าเพิ่ม โดยฉลากรับรองอินทรีย์ดังนั้น คำตอบก็คือ ทำไมเบี้ยเหล่านี้มีอยู่ในสถานที่แรก ราคารวมค่าการสะท้อนของ " เพิ่มมูลค่า " จากธรรมชาติอินทรีย์ของการผลิตของผลิตภัณฑ์ ( UNCTAD , 2006 ) .
การวิเคราะห์ของเราแสดงให้เห็นว่า ในช่วงเดือนกันยายน 2550 ถึงสิงหาคม 2552 เบี้ยประกันราคาได้ผันแปรระหว่าง 0.00 ด้านและ 0.76 ด้านที่มีค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.50 และโลก 020 ด้าน ตามลำดับ ที่สามารถเห็นได้จาก
กราฟด้านล่าง แนวโน้มลดลง ไม่สามารถสังเกตได้ผ่านช่วงเวลานี้ การเปรียบเทียบพฤติกรรมของสับปะรดราคาปกติและราคาพิเศษ แสดง , อย่างไรก็ตาม , ที่พรีเมี่ยมและราคาปกติย้าย
ทิศทางตรงกันข้ามมากกว่า สังเกตช่วงเวลานี้อาจจะแนะนำว่าให้ราคาสับปะรดอินทรีย์มีเสถียรภาพมากขึ้น และมีความผันผวนตามฤดูกาลน้อยกว่าราคาสับปะรดที่ปกติ หรือราคา ที่อินทรีย์และ
สับปะรดแม้แต่ประสบการณ์การเคลื่อนไหวที่ขัดแย้ง หลัง อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าจะปกครองออก , ที่สามารถเห็นได้ในรูปที่ 6 ในรูปที่ 7 ดูเหมือนแม้ว่าราคาอินทรีย์มีขนาดใหญ่การเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ราคาปกติแตกต่างกันมากขึ้น
บ่อยและความผันผวนระยะสั้นมากขึ้นกว่าราคาปกติ สำหรับอินทรีย์ นี้อาจบ่งบอกว่าผ่านช่วงเวลาสั้น ๆ , ราคาอินทรีย์ที่แน่นอนมั่นคง มีหลายคำอธิบายที่เป็นไปได้สำหรับการสังเกตนี้ ครั้งแรกโพรงตลาดได้รับการรายงานที่มีราคาผันผวนน้อยลง นี้เป็นจริงสำหรับราคาปัจจุบัน " เก่า " เรียบ Cayenne ความหลากหลายเมื่อเทียบกับ md2 ( เช่น paqui , 2007 ) และยังอาจจะจริงสำหรับตลาดอินทรีย์เมื่อเทียบกับตลาดปกติ สอง การแข่งขันที่รุนแรงระหว่างบริษัทน้อยมาก อาจทำให้ตลาดผันผวนมากกว่าปกติ ,เพราะมันขึ้นอยู่อย่างสมบูรณ์ในพฤติกรรมของนักแสดงน้อยมาก ( เมื่อเทียบกับโครงสร้าง oligopolistic น้อยลงในตลาดอินทรีย์ ) ประการที่สาม สำหรับสับปะรดทั่วไป ตลาดยุโรปจะขึ้นอยู่กับตำแหน่งจัดหาละตินอเมริกัน สำหรับสับปะรดอินทรีย์ , การพึ่งพาไม่ได้ ( ยัง ) อยู่ ดังนั้นเช่นสภาพอากาศหรือโรคพืชใหม่ในส่วนหนึ่งของโลกนี้ไม่ได้ออกแรงอิทธิพลดังกล่าวในตลาดสับปะรดอินทรีย์
ในยุโรป