Most patients who undergo breast ca

Most patients who undergo breast cancer surgery suffer from impairment of upper extremity function. In this study, we investigated the effectiveness of a perioperative educational program for improving upper arm dysfunction in patients with breast cancer. This longitudinal controlled study was conducted between January 2010 and July 2012. Participants comprised 149 patients with primary breast cancer before operation, allocated to intervention and control groups. Intervention comprised a 3-month educational program on monitoring arm function and exercises for preventing shoulder dysfunction and lymphedema. The control group received routine care from on-site staffs. Of the 149 patients analyzed, 69 underwent axillary lymph node dissection (ALND), and 80 underwent sentinel lymph node biopsy (SLNB). The intervention group included 39 patients with ALND and 51 patients with SLNB, while the control group included 30 patients with ALND and 29 patients with SLNB. Arm girth, shoulder range of motion (ROM), and grip strength were measured before surgery and at 1 week, 1 month and 3 months postoperatively. Self-reported questionnaires, the Subjective Perception of Post-Operative Functional Impairment of the Arm (SPOFIA) and the Disabilities of the Arm, Shoulder and Hand (DASH), were administered at the same time points. Among the variables examined, only SPOFIA and grip strength were significantly improved in the intervention group with ALND. In contrast, the perioperative educational program caused no significant improvement for the patients who underwent the surgery with SLNB. Thus, the present program improves the postoperative upper arm function and discomfort in breast cancer patients who undergo surgery with ALND. .

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่รับการผ่าตัดมะเร็งเต้านมต้องทนทุกข์ทรมานจากผลของฟังก์ชันส่วนต้น ในการศึกษานี้ เราตรวจสอบประสิทธิภาพของโปรแกรมการศึกษา perioperative สำหรับทำแขนในผู้ป่วยที่มีมะเร็งเต้านม ศึกษาการควบคุมระยะยาวนี้ได้ดำเนินการระหว่างปี 2553 เดือนมกราคมและ 2555 กรกฎาคม ผู้เข้าร่วมประกอบด้วยผู้ป่วยมะเร็งเต้านมหลักก่อนการดำเนินการ การปันส่วนการแทรกแซงและควบคุมกลุ่ม 149 แทรกแซงประกอบด้วยโปรแกรมการศึกษา 3 เดือนในการตรวจสอบฟังก์ชันแขนและออกกำลังกายสำหรับป้องกันทำไหล่และ lymphedema กลุ่มควบคุมได้รับดูแลตามปกติจากพนักงานบริการ ผู้ป่วยที่ 149 วิเคราะห์ 69 แต่ละโหนน้ำเหลืองที่รักแร้ชำแหละ (ALND), และ 80 ผ่านยามโหนน้ำเหลืองตรวจชิ้นเนื้อ (SLNB) กลุ่มแทรกแซงรวมผู้ป่วย 39 กับ ALND และ SLNB ผู้ป่วย 51 ในขณะที่กลุ่มควบคุมรวมผู้ป่วย 30 กับ ALND และ SLNB ผู้ป่วย 29 อื่น ๆ แขน ช่วงไหล่เคลื่อนไหว (ROM), และความแข็งแรงจับที่วัด ก่อนการผ่าตัด และ ใน 1 สัปดาห์ 1 เดือนและ 3 เดือน postoperatively มีจัดการแบบสอบถามรายงานด้วยตนเอง การตามอัตวิสัยรู้ของหลังการผ่าตัดทำงานผลของแขน (SPOFIA) และความพิการของแขน ไหล่ และมือ (ประ), จุดเวลาเดียวกัน ตัวแปรที่ตรวจสอบ เฉพาะแรง SPOFIA และจับถูกมากดีขึ้นในกลุ่มแทรกแซงกับ ALND ในทางตรงกันข้าม โปรแกรมศึกษา perioperative เกิดไม่ปรับปรุงที่สำคัญสำหรับผู้ป่วยที่รับการผ่าตัด ด้วย SLNB ดังนั้น โปรแกรมปัจจุบันเพิ่มฟังก์ชันในการผ่าตัดแขนและสบายในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่รับผ่าตัดกับ ALND .

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่ได้รับการผ่าตัดมะเร็งเต้านมต้องทนทุกข์ทรมานจากการด้อยค่าของฟังก์ชั่นสุดบน ในการศึกษานี้เราตรวจสอบประสิทธิผลของโปรแกรมการศึกษาผ่าตัดสำหรับการปรับปรุงความผิดปกติของแขนในผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านม การศึกษาครั้งนี้ควบคุมยาวได้ดำเนินการระหว่างเดือนมกราคมปี 2010 และเดือนกรกฎาคม 2012 ผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย 149 ผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านมหลักก่อนการดำเนินการจัดสรรให้กับการแทรกแซงและกลุ่มควบคุม การแทรกแซงประกอบด้วย 3 เดือนโปรแกรมการศึกษาเกี่ยวกับการตรวจสอบการทำงานของแขนและการออกกำลังกายเพื่อป้องกันความผิดปกติของไหล่และ Lymphedema กลุ่มควบคุมได้รับการดูแลตามปกติจากพนักงานในสถานที่เดียวกัน ของผู้ป่วย 149 วิเคราะห์ 69 เข้ารับการผ่าต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้ (ALND) และ 80 แมวมองขนานเนื้อเยื่อน้ำเหลืองโหนด (SLNB) กลุ่มทดลองรวม 39 ผู้ป่วยที่มี ALND และ 51 ผู้ป่วยที่มี SLNB ในขณะที่กลุ่มควบคุมรวม 30 ผู้ป่วยที่มี ALND และ 29 ผู้ป่วยที่มี SLNB เส้นรอบวงแขนช่วงไหล่ของการเคลื่อนไหว (ROM) และความแข็งแรงจับถูกวัดก่อนการผ่าตัดและใน 1 สัปดาห์, 1 เดือนและ 3 เดือนหลังผ่าตัด แบบสอบถามรายงานตนเอง, การรับรู้ของอัตนัยหลังการผ่าตัดการด้อยค่าการทำงานของแขน (SPOFIA) และพิการของแขนไหล่และมือ (DASH), เป็นยาที่จุดในเวลาเดียวกัน ระหว่างตัวแปรการตรวจสอบเพียง SPOFIA และความแข็งแรงจับได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในกลุ่มแทรกแซงด้วย ALND ในทางตรงกันข้ามโปรแกรมการศึกษาผ่าตัดไม่ก่อให้เกิดการปรับปรุงที่สำคัญสำหรับผู้ป่วยที่เข้ารับการผ่าตัดที่มี SLNB ดังนั้นโปรแกรมปัจจุบันช่วยเพิ่มฟังก์ชั่นแขนหลังการผ่าตัดและความรู้สึกไม่สบายในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่ได้รับการผ่าตัดด้วย ALND .

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ส่วนใหญ่ผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดเต้านมมะเร็งทรมานจากความผิดปกติของการทำงานของแขน . การศึกษาประสิทธิผลของโปรแกรมการให้บริการสำหรับการปรับปรุงต้นแขนความผิดปกติในผู้ป่วยมะเร็งเต้านม นี้และควบคุมการศึกษาระหว่างมกราคมและกรกฎาคม 2012ผู้เข้าร่วมประกอบด้วย 149 ผู้ป่วยปฐมภูมิมะเร็งเต้านมก่อนการผ่าตัด มีการแทรกแซงและควบคุมกลุ่ม การแทรกแซงของโปรแกรมการศึกษาประกอบด้วย 3 เดือนในการตรวจสอบการทำงานและแบบฝึกหัดสำหรับการป้องกันความผิดปกติของแขนและไหล่ lymphedema . กลุ่มควบคุมได้รับการดูแลตามปกติจากเจ้าหน้าที่ของโรงแรม ของผู้ป่วย 149 คน วิเคราะห์69 รับรักแร้ต่อมน้ำเหลือง ( alnd ) และจำนวนต่อมน้ำเหลืองเซนติเนล 80 ชิ้นเนื้อ ( slnb ) กลุ่มผู้ป่วยที่มีการแทรกแซงรวม 39 alnd 51 ผู้ป่วย slnb ส่วนกลุ่มควบคุม ได้แก่ ผู้ป่วย alnd 30 และ 29 ผู้ป่วย slnb . เส้นรอบวงแขน ไหล่ ช่วงของการเคลื่อนไหว ( ROM ) และความแข็งแรงก่อนการผ่าตัด และวัดใน 1 สัปดาห์1 เดือน และ 3 เดือนหลังผ่าตัด รายงานของตนเอง แบบสอบถามการรับรู้เชิงอัตนัยของการผ่าตัดการโพสต์การทำงานบกพร่องของแขน ( spofia ) และความพิการของแขน ไหล่ และมือ ( เส้นประ ) ศึกษาณจุดเวลาเดียวกัน ระหว่างตัวแปรตรวจสอบ spofia เท่านั้นและความแข็งแรงเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในกลุ่มที่มี alnd . ในทางตรงกันข้ามโปรแกรมการศึกษาผ่าตัด ทำให้ไม่พบการปรับปรุงสำหรับผู้ป่วยที่เข้ารับการผ่าตัดด้วย slnb . ดังนั้นโปรแกรมปัจจุบันปรับปรุงผ่าตัดต้นแขนฟังก์ชันและความรู้สึกไม่สบายในผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านมที่ผ่าตัดด้วย alnd . .