Ministry: No new licence for iPSTAR

Ministry: No new licence for iPSTAR
The Information and Communication Technology Ministry insists there is no legal requirement for Thaicom Plc's iPSTAR broadband satellite to carry a new licence as suggested by a member of the national telecom regulator.
ICT permanent secretary Chaiyan peungkiatpairote said the satellite operated by the country's sole private satellite operator is part of the existing concession agreement with the ministry.
The move came after Prawit Leesathapornwongsa of the National Broadcasting and Telecommunication Commission (NBTC) raised doubts about whether Thaicom's iPSTAR needs a separate licence to be in compliance with an earlier Supreme Court ruling.
In a case stemming from deposed prime minister Thaksin Shinawatr's assets seizure in February 2010, the Supreme Court ruled that iPSTAR could not be considered a back-up satellite for Thaicom 3.
The court ruled the Thaksin cabinet had allowed Thaicom to change the terms of its concession to launch the iPSTAR broadband satellite as its main satellite rather than as a back-up for Thaicom 3 as stipulated in the terms of the concession agreement.
The Council of State also found in 1997 that past concession amendments of telecom operators including those of Thaicom did not comply with the terms of the Public-Private Joint Venture Act of 1992.
Thaicom needs the ICT Ministry to clarify all the unclear details.
Mr Chaiyan pointed out in fairness to Thaicom that iPSTAR's concession took effect before the NBTC was formed.
As well, a change in the concession terms yo allow thaicom to launch iPSTAR as its main satellite instead of as a back-up for Thaicom3 was legally approved and done with the ICT Ministry's consent, he said.
Thaicom pays more than 500 million baht a year to the ICT Ministry under a revenue-sharing agreement, 40% of which comes solely from IPSTAR operations.
Founded in 1991, Thaicom was granted a 30- year concession from the Transfer -operate contract.
But the concession, which is due to expire in 2021,now belongs to the ICT Ministry.
The NBTC's telecom committee will discuss the issue tomorrow.
Jesada Sivaraks, secretary to the NBTC's vice-chairman, admitted the committee will likely agree with the ICT Ministry.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

กระทรวง: ไม่ใหม่ใบอนุญาตสำหรับ iPSTAR
กระทรวงเทคโนโลยีการสื่อสารและข้อมูลที่รมย์มีข้อกำหนดทางกฎหมายสำหรับดาวเทียมความเร็วสูง iPSTAR ไทยจำกัด(มหาชน)เพื่อดำเนินการใบอนุญาตใหม่แนะนำโดยกรรมการโทรคมนาคมแห่งชาติควบคุม
Peungkiatpairote ICT เลขานุการถาวร Chaiyan กล่าวว่า ดาวเทียมที่ดำเนินการ โดยดำเนินการผ่านดาวเทียมส่วนตัวแต่เพียงผู้เดียวในประเทศเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงสัมปทานที่มีอยู่กับกระทรวง
ย้ายมาจากประวิทย์ Leesathapornwongsa ของวิทยุกระจายเสียงแห่งชาติ และคณะกรรมาธิการโทรคมนาคม (กสทช) ขึ้นบกว่า iPSTAR ของไทยต้องใบอนุญาตที่แยกต่างหากเพื่อให้เป็นไปตามก่อนหน้านี้ศาลฎีกาปกครอง
ในกรณีอันเนื่องมาจากการบุกยึดสินทรัพย์แจฮยอนจากตระกูลนายกรัฐมนตรีทักษิณ Shinawatr ในเดือนกุมภาพันธ์ 2553 พ.ศ. ศาลฎีกาพิพากษาว่า iPSTAR อาจไม่พิจารณาดาวเทียมสำรองไทยคม 3.
ศาลพิพากษาทักษิณคณะรัฐมนตรีได้อนุญาตให้ไทยเปลี่ยนเงื่อนไขของสัมปทานเพื่อเปิดสัญญาณดาวเทียมความเร็วสูง iPSTAR เป็นดาวเทียมเป็นหลักไม่ ใช่ เป็นการสำรองสำหรับไทยคม 3 เป็นกำหนดในเงื่อนไขของข้อตกลงสัมปทาน
สภารัฐนอกจากนี้ยังพบในปี 1997 ว่า เลยแก้ไขสัมปทานโทรคมนาคมของ ผู้ประกอบการรวมทั้งไทยได้สอดคล้องกับเงื่อนไขของพระราชบัญญัติร่วมทุนรัฐเอกชนของ 1992.
ไทยต้องการกระทรวง ICT เพื่อชี้แจงทั้งหมดชัดเจนรายละเอียด.
Chaiyan นายชี้ออกในยุติธรรมเพื่อไทยสัมปทานของ iPSTAR ที่ ได้ผลก่อนก่อตั้งกสทช.
เช่น, การเปลี่ยนแปลงในเงื่อนไขสัมปทานยอ ให้ไทยเปิด iPSTAR เป็นดาวเทียมหลักการแทนค่าย้อนกลับ Thaicom3 ถูกกฎหมายอนุมัติ และทำ ด้วยความยินยอมของกระทรวง ICT เขากล่าวว่า .
ไทยจ่ายมากกว่า 500 ล้านบาทต่อปีให้กระทรวง ICT ภายใต้การร่วมรายได้ข้อตกลง 40% ที่มาแต่เพียงผู้เดียวจากการดำเนินงานของ IPSTAR
ก่อตั้งขึ้นในปีพ.ศ. 2534, ไทยได้รับสัมปทาน 30 ปีในการโอนย้าย-มีสัญญา
แต่สัมปทาน ซึ่งมีค.ศ. 2021 ขณะนี้อยู่การ ICT กระทรวงการ
คณะกรรมการโทรคมนาคมกสทชจะหารือเกี่ยวกับวันพรุ่งนี้ปัญหา.
Jesada Sivaraks เลขานุการรองประธานของกสทช ยอมรับคณะกรรมการอาจจะเห็นด้วยกับกระทรวง ICT

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

กระทรวง: ไม่มีใบอนุญาตใหม่สำหรับไอพีสตา
สารสนเทศและการสื่อสารกระทรวงเทคโนโลยียืนยันไม่มีข้อกำหนดทางกฎหมายสำหรับดาวเทียมไทยคมจํากัดของไอพีสตาดาวเทียมบรอดแบนด์ในการดำเนินการใบอนุญาตใหม่ตามความเห็นของสมาชิกคนหนึ่งของชาติโทรคมนาคมควบคุม
ICT ปลัดไชยยันต์พึ่งเกียรติไพโรจน์กล่าวว่าดาวเทียมที่ดำเนินการ โดย แต่เพียงผู้เดียวผู้ประกอบการดาวเทียมเอกชนของประเทศเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาสัมปทานที่มีอยู่กับกระทรวง
ย้ายมาหลังจากประวิทย์ Leesathapornwongsa ของบีบีซีและคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช) ยกข้อสงสัยเกี่ยวกับว่าดาวเทียมไทยคมของไอพีสตาต้องมีใบอนุญาตที่แยกต่างหากที่จะเป็นไปตาม ก่อนหน้านี้ศาลฎีกาพิจารณาคดี
ในกรณีที่เกิดจากการขับไล่นายกรัฐมนตรีทักษิณ Shinawatr สินทรัพย์จับกุมในเดือนกุมภาพันธ์ 2010, ศาลฎีกาตัดสินว่าไอพีสตาไม่สามารถได้รับการพิจารณาดาวเทียมสำรองสำหรับไทยคม 3
ศาลปกครองตู้ทักษิณได้รับอนุญาตให้ไทยคมไป เปลี่ยนเงื่อนไขของสัมปทานที่จะเปิดตัวดาวเทียมบรอดแบนด์ไอพีสตาเป็นดาวเทียมหลักแทนที่จะเป็นสำรองสำหรับไทยคม 3 ตามที่กำหนดไว้ในเงื่อนไขของสัญญาสัมปทาน
สภาแห่งรัฐและยังพบว่าในปี 1997 ที่ผ่านมาการแก้ไขสัญญาสัมปทานโทรคมนาคม ผู้ประกอบการรวมถึงผู้ที่ดาวเทียมไทยคมไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดของพระราชบัญญัติร่วมทุนภาครัฐและเอกชน 1992
ดาวเทียมไทยคมความต้องการของกระทรวงไอซีทีเพื่อชี้แจงทุกรายละเอียดที่ชัดเจน
นายไชยชี้ให้เห็นในความเป็นธรรมให้กับไทยคมที่สัมปทานไอพีสตาร์ได้รับผลกระทบก่อนที่กสทช ที่ถูกสร้างขึ้น
รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงในแง่สัมปทานโยให้ดาวเทียมไทยคมที่จะเปิดตัวเป็นดาวเทียมไอพีสตาหลักแทนที่จะเป็นสำรองสำหรับ Thaicom3 ถูกต้องตามกฎหมายได้รับการอนุมัติและทำด้วยความยินยอมของกระทรวงไอซีทีของเขากล่าวว่า
ดาวเทียมไทยคมจ่ายมากกว่า 500 ล้านบาทต่อปีให้กับกระทรวงไอซีทีภายใต้สัญญารายได้ร่วมกัน, 40% ของที่มา แต่เพียงผู้เดียวจากการดำเนินงานไอพีสตา
ก่อตั้งขึ้นในปี 1991 ไทยคมได้รับสัมปทาน 30 ปีจากการโอนสัญญา -operate
แต่สัมปทานซึ่งเป็น เนื่องจากจะหมดอายุใน 2021 ตอนนี้เป็นของกระทรวงไอซีที
คณะกรรมการโทรคมนาคมกสทชจะหารือเกี่ยวกับปัญหาในวันพรุ่งนี้
เจษฎาศิวรักษ์เลขานุการกสทชรองประธานคณะกรรมการยอมรับว่ามีแนวโน้มที่จะเห็นด้วยกับกระทรวงไอซีที

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

กระทรวง : ไม่มีใบอนุญาต 4
กระทรวงเทคโนโลยีและสารสนเทศ ยืนยันยังไม่มีมาตรการความต้องการของบริษัทไทยคม ดาวเทียมบรอดแบนด์ ซึ่งถือใบอนุญาตใหม่ตามที่แนะนำ โดยสมาชิกของเครื่องโทรคมนาคมแห่งชาติ .
ปลัดกระทรวงไอซีที กล่าวว่า ใน peungkiatpairote ดาวเทียมที่ดำเนินการโดยประเทศแต่เพียงผู้เดียว ส่วนผู้ประกอบการดาวเทียมเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาสัมปทานที่มีอยู่
กับกระทรวงย้ายมาหลังจากประวิทย์ leesathapornwongsa ของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ( กสทช. ) ทำให้สงสัยว่าไทยคมเป็นบริษัทต้องมีใบอนุญาตแยกต่างหากที่จะสอดคล้องกับก่อนหน้านี้ศาลฎีกา .
ในกรณีที่เกิดจากอดีตนายกฯ ทักษิณ shinawatr การยึดทรัพย์ในเดือนกุมภาพันธ์ 2553ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า บริษัทฯ จะไม่ถือว่าเป็นดาวเทียมสำรองไทยคม 3
ศาลวินิจฉัยคณะรัฐมนตรี พ.ต.ท. ทักษิณ ได้รับอนุญาตจากการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขของสัมปทาน เพื่อเปิดตัวดาวเทียมบรอดแบนด์ไอพีสตาร์เป็นดาวเทียมหลัก แทนที่จะเป็นกำลังเสริมให้ไทยคม 3 ตามที่ระบุไว้ในเงื่อนไขของสัญญาสัมปทาน
สภาแห่งรัฐยังพบในปี 1997 ที่ผ่านการแก้ไขของผู้ประกอบการโทรคมนาคมรวมถึงผู้สัมปทานไทยคม ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขของภาครัฐ เอกชน บริษัท ร่วมทุนของพระราชบัญญัติ 1992
ไทยคมต้องการให้กระทรวงไอซีทีชี้แจงทั้งหมดชัดเจนรายละเอียด .
นายไชยันต์ได้ชี้ให้เห็นในความยุติธรรม ประมาณว่าสัมปทานบริษัทจะเอาผลก่อน กสทช. เกิดขึ้น .
เช่นกันเปลี่ยนแปลงในเงื่อนไขสัญญาสัมปทานไทยคม โยให้เปิดไอพีสตาร์เป็นดาวเทียมหลัก แทนที่จะเป็นสำรองสำหรับ thaicom3 ถูกกฎหมายอนุมัติและทำกับกระทรวงไอซีทีก็ยินยอม เขากล่าว
ไทยคมจ่ายมากกว่า 500 ล้านบาทต่อปีต่อกระทรวงไอซีทีภายใต้ข้อตกลงแบ่งปันรายได้จากร้อยละ 40 ซึ่งมาแต่เพียงผู้เดียว จากการดำเนินงานของบริษัท .
ก่อตั้งขึ้นในปี 1991บริษัทได้รับสัมปทาน 30 ปีจากการใช้สัญญา .
แต่เนื่องจากหมดอายุสัมปทาน ซึ่งในตอนนี้ ตอนนี้เป็นของกระทรวงไอซีที .
คณะกรรมการโทรคมนาคมของกสทช. จะหารือเกี่ยวกับปัญหาในวันพรุ่งนี้
เจษฎา ศิวรักษ์ เลขาธิการกสทชรองประธานกรรมการ ยอมรับคณะกรรมการอาจจะเห็นด้วย กับกระทรวงไอซีที .