Studies on the effect of vitamin C

Studies on the effect of vitamin C supplementation on wound healing have reported somewhat mixed results. Data from laboratory animals and humans show that vitamin C deficiency results in poor wound healing, and vitamin C supplementation in deficient individuals shows significant benefits (31, 59-61). Although vitamin C levels appear to increase collagen synthesis and decrease inflammatory responses at the site of the wound, neither vitamin C supplementation (62-64) or increased plasma vitamin C status (55) increases wound closure time in otherwise healthy individuals. This suggests that vitamin C may only affect specific facets of the wound healing response. Topical ascorbic acid has not been properly evaluated prior to or during wound healing in humans.

Vitamin C is included in oral therapies for pressure ulcers (bed sores) and burns, along with vitamin E, zinc, and other nutritive factors (65-67).

Dry skin
Higher intakes of dietary vitamin C have been correlated with a decreased risk of dry skin (51), suggesting that ascorbic acid may have effects on trans-epidermal water loss (TEWL). In cell culture models, addition of vitamin C promotes the synthesis of barrier lipids, which would establish a functioning stratum corneum with low water permeability (58, 68). One study using topical vitamin C in human subjects correlated its use with decreased skin roughness (21). However, another study suggested vitamin C increased TEWL when applied to the skin (14). Thus, the effects of vitamin C on skin dryness are not clear.

Other functions
Environmental pollutants, such as ozone, can decrease vitamin C levels in the skin and lead to free radical damage (5). Smoking also leads to increased wrinkling and decreased collagen synthesis, which corresponds to a decline in plasma vitamin C levels (55); however, it is unclear if this correlates to lower vitamin C levels in skin. Topical ascorbic acid has not been evaluated against pollution-related damage.

Topical vitamin C may be useful against acne to reduce inflammatory lesions. However, studies have primarily focused on the use of sodium ascorbyl phosphate, a synthetic derivative that may be poorly absorbed by the skin (20, 69). Topical vitamin C may also have mild skin lightening effects that are caused by reductions in melanin production and melanin oxidation (70).

Conclusion
Vitamin C is an essential part of skin health both as a small molecular weight antioxidant and as a critical factor for collagen synthesis. Vitamin C contributes to photoprotection, decreases photodamage, and is needed for adequate wound healing. Oral supplementation with vitamin C may help prevent UV-induced damage, especially in combination with supplemental vitamin E. Dietary vitamin C may also provide photoprotection, but the extent of the protective effects will require additional research. Topical application of vitamin C appears to be an effective route for delivering ascorbic acid to the skin because ascorbic acid appears to be taken up readily at an acidic pH. Despite inconsistencies in vitamin C preparations and study design, the data suggest that vitamin C is most effective in protecting against damage induced by UV light and also has utility in the treatment of photodamage and/or skin wrinkling. Although vitamin C appears to benefit dry skin and may support wound healing, further research is needed to determine the effect of vitamin C on both. Lastly, the greatest effects of vitamin C supplementation are seen when it is combined with other micronutrients, such as vitamin E and zinc.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การศึกษาผลของการเสริมวิตามินซีในการรักษาบาดแผลได้รายงานผลผสมค่อนข้าง ข้อมูลจากห้องปฏิบัติการสัตว์และมนุษย์แสดงว่า ผลการขาดวิตามินซีในคนยากจนการรักษาบาดแผล และวิตามินซีเสริมในบุคคลขาดแสดงผล (31, 59-61) ถึงแม้ว่าวิตามินซีจะ เพิ่มการสังเคราะห์คอลลาเจน และลดการตอบสนองการอักเสบบริเวณที่แผล ไม่เสริมวิตามินซี (62-64) หรือเพิ่มขึ้นสถานะพลาวิตามิน C (55) เพิ่มแผลปิดเวลาในสุขภาพบุคคล นี้แสดงให้เห็นว่า วิตามินซีอาจมีผลเฉพาะแง่มุมของการตอบสนองของแผลเท่านั้น วิตามินซีทาไม่ถูกถูกประเมินค่าก่อน หรือใน ระหว่างการรักษาบาดแผลในมนุษย์วิตามินซีจะรวมอยู่ในช่องปากรักษาแรงดันแผล (แผลเตียง) และไหม้ วิตามินอี สังกะสี และปัจจัยอื่น ๆ บำรุง (65-67)ผิวแห้งสูงบริโภคอาหารวิตามินซีได้รับความสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่ลดลงของผิวแห้ง (51), การแนะนำว่า วิตามินซีอาจมีผลกระทบต่อการสูญเสียน้ำที่ผิวหนังทรานส์ (ใช้เครื่องสำอาง ในรูปแบบวัฒนธรรมเซลล์ เพิ่มวิตามินซีส่งเสริมการสังเคราะห์ของไขมันอุปสรรค ซึ่งจะสร้างเป็นชั้น corneum ทำงานกับน้ำต่ำซึมผ่าน (58, 68) ศึกษาการใช้ยาวิตามิน C ในวิชามนุษย์สัมพันธ์การใช้กับความหยาบของผิวลดลง (21) อย่างไรก็ตาม การศึกษาอื่นแนะนำเพิ่มวิตามินซีใช้เครื่องสำอางเมื่อใช้กับผิวหนัง (14) ดังนั้น ผลของวิตามินซีในผิวแห้งกร้านไม่ชัดเจนฟังก์ชั่นอื่น ๆมล โอโซน สามารถลดระดับวิตามินซีในผิว และทำให้อนุมูลอิสระ (5) บุหรี่นอกจากนี้ยังนำไปสู่ริ้วรอยเพิ่มขึ้น และลดการสังเคราะห์คอลลาเจน ซึ่งหมายถึงมีการลดระดับวิตามินซีพลา (55); อย่างไรก็ตาม มันเป็นที่ชัดเจนว่านี้มีความสัมพันธ์กับระดับวิตามินซีในผิว เฉพาะวิตามินซีได้รับการประเมินมลพิษความเสียหายไม่เฉพาะวิตามินซีอาจมีประโยชน์ต่อสิวเพื่อลดการอักเสบของแผล อย่างไรก็ตาม การศึกษาได้เน้นหลักในการใช้โซเดียมฟอสเฟต ascorbyl อนุพันธ์สังเคราะห์ที่อาจถูกดูดซึม โดยผิว (20, 69) เฉพาะวิตามินซีอาจมีผิวลดน้ำหนักผลที่เกิดจากการลดการผลิตเมลานินและการเกิดออกซิเดชันเมลานิน (70)สรุปวิตามินซีเป็นส่วนสำคัญของสุขภาพผิวทั้ง เป็นสารที่มีน้ำหนักโมเลกุลขนาดเล็ก และ เป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการสังเคราะห์คอลลาเจน วิตามินซีช่วย photoprotection ลดเคมี และจำเป็นสำหรับการรักษาบาดแผลอย่างเพียงพอ วิตามินซีเสริมช่องปากอาจช่วยป้องกันความเสียหายที่เกิดจากรังสียูวี ในชุดที่มีเสริมวิตามินอีอาหารโดยเฉพาะ วิตามินซีอาจให้ photoprotection แต่ขอบเขตของการป้องกันผลกระทบที่จะต้องวิจัยเพิ่มเติม โปรแกรมเฉพาะวิตามินซีดูเหมือนจะ เป็นเส้นทางที่มีประสิทธิภาพสำหรับการส่งวิตามินซีให้ผิว เพราะวิตามินซีจะถูกนำขึ้นพร้อมที่มี pH เป็นกรด แม้จะไม่สอดคล้องกันในวิตามินซีเตรียมและศึกษาออกแบบ ข้อมูลแนะนำว่า วิตามินซีมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันความเสียหายที่เกิดจากแสงยูวี และยัง มีประโยชน์ในการรักษาเคมีหรือผิวขาวกระจ่างใส แม้ว่าวิตามินซีปรากฏประโยชน์ผิวแห้ง และอาจสนับสนุนการรักษาบาดแผล การวิจัยจำเป็นเพื่อตรวจสอบผลของวิตามินซีในทั้งสอง สุดท้าย ผลกระทบยิ่งใหญ่ที่สุดของวิตามินซีเสริมจะเห็นเมื่อนั้นพร้อมกับธาตุอาหารอื่น ๆ เช่นวิตามินอีและสังกะสี

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การศึกษาเกี่ยวกับผลกระทบของการเสริมวิตามินซีในการรักษาแผลได้มีการรายงานผลการผสมค่อนข้าง ข้อมูลจากสัตว์ทดลองและมนุษย์แสดงให้เห็นว่าผลการขาดวิตามินซีในการรักษาแผลที่ไม่ดีและการเสริมวิตามินซีในบุคคลที่ขาดแสดงให้เห็นถึงผลประโยชน์ที่สำคัญ (31, 59-61) แม้ว่าระดับวิตามินซีปรากฏเพื่อเพิ่มการสังเคราะห์คอลลาเจนและลดตอบสนองการอักเสบที่เว็บไซต์ของแผลไม่เสริมวิตามินซี (62-64) หรือเพิ่มขึ้นสถานะพลาสมาวิตามินซี (55) เพิ่มเวลาการปิดแผลในบุคคลที่มีสุขภาพดีอย่างอื่น นี้แสดงให้เห็นว่าวิตามินซีอาจส่งผลกระทบเพียงแง่มุมที่เฉพาะเจาะจงของการตอบสนองต่อการรักษาบาดแผล วิตามินซีเฉพาะที่ยังไม่ได้รับการประเมินอย่างถูกต้องก่อนหรือระหว่างการรักษาแผลในมนุษย์.

วิตามินซีจะรวมอยู่ในการรักษาช่องปากแผลกดทับ (แผลเตียง) และการเผาไหม้พร้อมกับวิตามินอี, สังกะสี, และปัจจัยทางโภชนาการอื่น ๆ (65-67) .

ผิวแห้ง
ที่สูงขึ้นของการบริโภคอาหารที่มีวิตามินซีได้รับการมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่ลดลงของผิวแห้ง (51) ชี้ให้เห็นว่าวิตามินซีอาจมีผลต่อการสูญเสียน้ำทรานส์ผิวหนัง (TEWL) ในรูปแบบการเพาะเลี้ยงเซลล์นอกจากนี้วิตามินซีส่งเสริมการสังเคราะห์กรดไขมันในอุปสรรคที่จะสร้างการทำงาน corneum ชั้นที่มีการซึมผ่านของน้ำต่ำ (58, 68) การศึกษาชิ้นหนึ่งที่ใช้เฉพาะวิตามินซีในวิชามนุษย์มีความสัมพันธ์กับการใช้ความหยาบกร้านของผิวลดลง (21) อย่างไรก็ตามการศึกษาอื่นแนะนำวิตามินซีเพิ่มขึ้น TEWL เมื่อนำมาใช้กับผิว (14) ดังนั้นผลของวิตามินซีต่อความแห้งกร้านผิวไม่ชัดเจน.

ฟังก์ชั่นอื่น ๆ
มลพิษสิ่งแวดล้อมเช่นโอโซนสามารถลดระดับวิตามินซีในผิวและนำไปสู่ความเสียหายอนุมูลอิสระ (5) การสูบบุหรี่ยังนำไปสู่การเกิดริ้วรอยที่เพิ่มขึ้นและลดลงการสังเคราะห์คอลลาเจนซึ่งสอดคล้องกับการลดลงของระดับวิตามินซีพลาสม่า (55); แต่ก็ไม่มีความชัดเจนว่ามีความสัมพันธ์นี้เพื่อลดระดับวิตามินซีในผิว วิตามินซีเฉพาะที่ยังไม่ได้รับการประเมินความเสียหายจากมลพิษที่เกี่ยวข้อง.

เฉพาะวิตามินซีอาจจะเป็นประโยชน์กับสิวเพื่อลดการอักเสบ อย่างไรก็ตามการศึกษาส่วนใหญ่เน้นการใช้งานของฟอสเฟตโซเดียมวิตามินซีอนุพันธ์สังเคราะห์ที่อาจจะถูกดูดซึมโดยผิวหนัง (20, 69) เฉพาะวิตามินซีนอกจากนี้ยังอาจมีผลกระทบไม่รุนแรงลดน้ำหนักผิวที่เกิดจากการลดลงของการผลิตเมลานินและเมลานินออกซิเดชัน (70).

สรุป
วิตามินซีเป็นส่วนสำคัญของการมีสุขภาพผิวที่เป็นทั้งขนาดเล็กสารต้านอนุมูลอิสระที่มีน้ำหนักโมเลกุลและเป็นปัจจัยสำคัญในการสังเคราะห์คอลลาเจน . วิตามินซีมีส่วนช่วยใน photoprotection ลด photodamage และเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการรักษาแผลที่เพียงพอ เสริมช่องปากด้วยวิตามินซีอาจช่วยป้องกันความเสียหาย UV-induced โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการทำงานร่วมกับวิตามินอีเสริมอาหารวิตามินซีอาจให้ photoprotection แต่ขอบเขตของการป้องกันผลกระทบจะต้องมีการวิจัยเพิ่มเติม โปรแกรมเฉพาะของวิตามินซีที่ดูเหมือนจะเป็นเส้นทางที่มีประสิทธิภาพสำหรับการส่งมอบวิตามินซีเพื่อผิวเพราะวิตามินซีดูเหมือนจะถูกนำขึ้นพร้อมที่ที่เป็นกรดด่าง แม้จะมีความไม่สอดคล้องกันในการเตรียมวิตามินซีและการออกแบบการศึกษาข้อมูลที่ชี้ให้เห็นว่าวิตามินซีมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการป้องกันความเสียหายที่เกิดจากแสงยูวีและยังมียูทิลิตี้ในการรักษา photodamage และ / หรือย่นผิว แม้ว่าวิตามินซีดูเหมือนจะเป็นประโยชน์ต่อผิวแห้งและอาจสนับสนุนการรักษาบาดแผลการวิจัยเพิ่มเติมเป็นสิ่งจำเป็นในการกำหนดผลของวิตามินซีทั้ง สุดท้ายผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของการเสริมวิตามินซีจะเห็นเมื่อมันถูกรวมกับธาตุอาหารอื่น ๆ เช่นวิตามินอีและสังกะสี

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การศึกษาผลของการเสริมวิตามินซีในการสมานแผลได้รายงานผลผสมบ้าง ข้อมูลจากสัตว์ทดลองและมนุษย์ แสดงให้เห็นว่า ภาวะขาดวิตามินซีส่งผลให้แผลหายช้า และการเสริมวิตามินซีในบุคคลที่ขาดแสดงประโยชน์อย่างมีนัยสำคัญ ( 31 , 59-61 ) แม้ว่าระดับวิตามินซีปรากฏเพื่อเพิ่มการสังเคราะห์คอลลาเจน และลดการตอบสนองการอักเสบที่เว็บไซต์ของแผล และการเสริมวิตามินซี ( 62-64 ) หรือเพิ่มวิตามินซีในพลาสมา สถานะ ( 55 ) เพิ่มเวลาปิดบาดแผลในบุคคลอื่นเพื่อสุขภาพ พบว่าวิตามินซีอาจมีผลเฉพาะกับแง่มุมที่เฉพาะเจาะจงของการสมานแผล การตอบสนอง หัวข้อ : กรดแอสคอร์บิกได้รับการประเมินอย่างถูกต้องก่อนหรือระหว่างการรักษาบาดแผลในมนุษย์วิตามินรวมอยู่ในช่องปากสำหรับการรักษาแผลกดทับ ( แผลกดทับ ) และ เบิร์น พร้อมกับวิตามินอี สังกะสี และปัจจัยทางโภชนาการอื่น ๆ ( 65-67 )ผิวหนังแห้งการบริโภคที่สูงขึ้นของวิตามิน อาหารเสริม มีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่ลดลงของผิวแห้ง ( 51 ) แนะนำว่าวิตามินซีอาจมีผลในการสูญเสียน้ำทรานส์ epidermal ( tewl ) ในแบบจำลองการเพาะเลี้ยงเซลล์ , นอกจากนี้ วิตามิน ซี ส่งเสริมการสังเคราะห์ของอุปสรรคไขมันซึ่งจะสร้างการทำงาน stratum corneum ด้วยอัตราการซึมต่ำ ( 58 68 ) หนึ่งการศึกษาการใช้ topical วิตามิน C ในวิชามนุษย์กับการใช้กับผิวลดความหยาบ ( 21 ) อย่างไรก็ตาม การศึกษาอื่นแนะนำวิตามินซีเพิ่มขึ้น tewl เมื่อใช้กับผิวหนัง ( 14 ) ดังนั้น ผลของวิตามิน C ต่อผิวหนังแห้ง ไม่ใสฟังก์ชั่นอื่น ๆมลพิษสิ่งแวดล้อม เช่น โอโซนสามารถลดระดับวิตามินในผิวหนังและทำให้เกิดความเสียหายอนุมูลอิสระ ( 5 ) การสูบบุหรี่ยังทำให้ย่นลดลงและเพิ่มการสังเคราะห์คอลลาเจน ซึ่งสอดคล้องกับการลดลงของระดับพลาสม่าวิตามิน ( 55 ) ; อย่างไรก็ตาม , มันไม่ชัดเจนถ้านี้เกี่ยวข้องกับการลดระดับวิตามินซีในผิว หัวข้อ : กรดแอสคอร์บิกไม่ได้รับการประเมินกับมลพิษที่เกี่ยวข้องกับความเสียหายวิตามิน ซี เฉพาะที่อาจจะมีประโยชน์กับแผลสิวลดการอักเสบ อย่างไรก็ตาม การศึกษาได้เน้นหลักในการใช้โซเดียม ascorbyl ฟอสเฟต อนุพันธ์สังเคราะห์ที่อาจจะไม่ค่อยดูดซึมโดยผิวหนัง ( 20 , 69 ) วิตามินซีทาอาจไม่รุนแรง Skin lightening ผลกระทบที่เกิดจากการลดลงของการผลิตเมลานินและเมลานินออกซิเดชัน ( 70 )สรุปวิตามิน ซี เป็นส่วนสําคัญของผิวสุขภาพทั้งสองเป็นสารต้านอนุมูลอิสระโมเลกุลขนาดเล็กและเป็นปัจจัยสำคัญที่การสังเคราะห์คอลลาเจน วิตามิน C มีส่วนช่วย photoprotection , ลดลง photodamage และต้องการให้เพียงพอ รักษาบาดแผล การเสริมวิตามินซีอาจช่วยป้องกัน UV เกิดความเสียหาย โดยเฉพาะการเสริมวิตามินอี อาหาร วิตามิน ซี ยังอาจให้ photoprotection แต่ขอบเขตของผลป้องกันจะต้องมีการวิจัยเพิ่มเติม การใช้วิตามิน C ที่ดูเหมือนจะเป็นเส้นทางที่มีประสิทธิภาพสำหรับการส่งวิตามินซีเพื่อผิว เพราะวิตามินซีจะปรากฏขึ้นพร้อมที่เป็นกรดด่างแม้จะมีความไม่สอดคล้องกันในการเตรียมวิตามิน C และศึกษาการออกแบบข้อมูลที่ชี้ให้เห็นว่าวิตามิน C เป็นมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการปกป้องความเสียหายที่เกิดจากแสง UV และยังมีประโยชน์ใน การรักษา photodamage และ / หรือผิว wrinkling . แม้ว่าวิตามินจะปรากฏขึ้นเพื่อประโยชน์ผิวแห้งและอาจสนับสนุนสมานแผล การวิจัยเพิ่มเติมเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อตรวจสอบผลของวิตามิน C ต่อทั้งคู่ สุดท้าย ผลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของการเสริมวิตามินซีจะเห็นเมื่อมันรวมกับรูปอื่นๆ เช่น วิตามิน E และสังกะสี