The Allied occupation of Japan at t

The Allied occupation of Japan at the end of World War II was led by General Douglas MacArthur, the Supreme Commander for the Allied Powers, with support from the British Commonwealth. Unlike in the occupation of Germany, the Soviet Union was allowed little to no influence over Japan. This foreign presence marked the only time in Japan's history that it had been occupied by a foreign power.[1] It transformed the country into a parliamentary democracy that recalled American "New Deal" priorities of the 1930s politics by Roosevelt.[2] The occupation, codenamed Operation Blacklist,[3] was ended by the San Francisco Peace Treaty, signed on September 8, 1951 and effective from April 28, 1952, after which Japan's independence – with the exception, until 1972, of the Ryukyu Islands – was restored.
According to John Dower, in his book Cultures of War: Pearl Harbor/Hiroshima/9-11/Iraq, the factors behind the success of the occupation were:
Discipline, moral legitimacy, well-defined and well-articulated objectives, a clear chain of command, tolerance and flexibility in policy formulation and implementation, confidence in the ability of the state to act constructively, the ability to operate abroad free of partisan politics back home, and the existence of a stable, resilient, sophisticated civil society on the receiving end of occupation policies – these political and civic virtues helped make it possible to move decisively during the brief window of a few years when defeated Japan itself was in flux and most receptive to radical change.[4]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

มีนำอาชีพพันธมิตรของญี่ปุ่นเมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง โดยทั่วไปดักลาสแมกอาเธอร์ เพื่อที่จะได้อำนาจ ด้วยการสนับสนุนจากเครือจักรภพอังกฤษ ไม่เหมือนในการยึดครองของเยอรมนี สหภาพโซเวียตได้รับอนุญาตเล็ก ๆ ไม่มีอิทธิพลเหนือญี่ปุ่น อยู่ต่างประเทศนี้ทำเครื่องหมายเป็นครั้งเดียวในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นที่ว่า มันได้ถูกครอบครอง โดยพลังงานต่างประเทศ [1]สามารถเปลี่ยนประเทศเข้าสู่ประชาธิปไตยรัฐสภาที่เรียกอเมริกัน "New Deal" ลำดับความสำคัญของการเมืองช่วงทศวรรษ 1930 โดยรูสเวลท์ [2 สิ้นสุด โดยสนธิสัญญาสันติภาพซานฟรานซิสโก เซ็นชื่อบน 8 กันยายน 1951 อาชีพ] ใช้งาน บัญชีดำ/ [3] และมีประสิทธิภาพจาก 28 เมษายน 1952 อิสรภาพเอกราชที่ญี่ปุ่นซึ่งมีข้อยกเว้น จนกระทั่ง 1972 หมู่เกาะรีวกีว – บูรณะตามจอห์น Dower ในเขาจองวัฒนธรรมสงคราม: เพิร์ลฮาร์เบอร์/ฮิโรชิ มา/9-11/อิรัก ปัจจัยเบื้องหลังความสำเร็จของอาชีพถูก:วินัย ความชอบธรรมทางศีลธรรม วัตถุประสงค์ชัดเจน และชัดเจน ห่วงโซ่ของคำสั่งชัดเจน ความอดทน และความยืดหยุ่นในการกำหนดนโยบายและการดำเนินงาน ความเชื่อมั่นในความสามารถของรัฐที่จะทำหน้าที่สร้างสรรค์ ความสามารถในการใช้งานต่างประเทศฟรีกลับบ้านพรรคการเมือง การดำรงอยู่ที่มีเสถียรภาพ ความยืดหยุ่น ความประชาสังคมท้ายของอาชีพ – คุณธรรมทางการเมือง และพลเมืองเหล่านี้ช่วยทำให้สามารถย้ายเด็ดขาดระหว่างหน้าต่างสั้น ๆ ไม่กี่ปีเมื่อชนะ ญี่ปุ่นเองในฟลักซ์และการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดซึ่งรุนแรงมาก [4]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การยึดครองของพันธมิตรญี่ปุ่นในตอนท้ายของสงครามโลกครั้งที่สองที่นำโดยนายพลดักลาสแมคอาเธอ, ผู้บัญชาการทหารสูงสุดสำหรับพลังพันธมิตรด้วยการสนับสนุนจากเครือจักรภพอังกฤษ ซึ่งแตกต่างจากในการประกอบอาชีพของเยอรมนีสหภาพโซเวียตได้รับอนุญาตเพียงเล็กน้อยที่จะมีอิทธิพลเหนือประเทศญี่ปุ่น การปรากฏตัวนี้ต่างประเทศเป็นครั้งเดียวในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นว่ามันถูกครอบครองโดยต่างชาติ. [1] มันเปลี่ยนประเทศเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภาที่เล่าอเมริกัน "ใหม่" จัดลำดับความสำคัญของการเมืองช่วงทศวรรษที่ 1930 โดยรูสเวล. [2] อาชีพ codenamed กิจการ Blacklist [3] ก็จบลงด้วยซานฟรานซิสนธิสัญญาสันติภาพลงนามเมื่อ 8 กันยายน 1951 และมีผลตั้งแต่ 28 เมษายน 1952 หลังจากที่เป็นอิสระของญี่ปุ่น - ยกเว้นจนกระทั่งปี 1972 ของหมู่เกาะริวกิว - เป็น การบูรณะ.
ตามที่จอห์สามีในวัฒนธรรมของเขาหนังสือแห่งสงคราม: อ่าวเพิร์ล / ฮิโรชิม่า / 9-11 / อิรักปัจจัยที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จในการประกอบอาชีพที่ถูก:
วินัยถูกต้องตามกฎหมายคุณธรรมที่ดีที่กำหนดและมีวัตถุประสงค์ก้องเป็น ห่วงโซ่ที่ชัดเจนของคำสั่งความอดทนและความยืดหยุ่นในการกำหนดนโยบายและการดำเนินการมีความเชื่อมั่นในความสามารถของรัฐในการทำหน้าที่อย่างสร้างสรรค์, ความสามารถในการดำเนินงานในต่างประเทศฟรีพรรคการเมืองกลับบ้านและการดำรงอยู่ของเสถียรภาพความยืดหยุ่นภาคประชาสังคมที่มีความซับซ้อนใน สิ้นสุดการรับนโยบายการประกอบอาชีพ - เหล่าคุณธรรมทางการเมืองและประชาสังคมช่วยทำให้มันเป็นไปได้ที่จะย้ายอย่างเด็ดขาดในช่วงสั้น ๆ ของหน้าต่างไม่กี่ปีที่ผ่านมาเมื่อแพ้ญี่ปุ่นตัวเองอยู่ในฟลักซ์และเปิดกว้างมากที่สุดในการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรง [4].