สารไฮโดรควิโนน(สารปรอท)ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง
ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางเป็นที่นิยมปัจจุบันมีทั้งปลอดภัยและไม่ปลอดภัยเนื่องมาจากส่วนผสมบางชนิดในผลิตภัณฑ์ ทำให้ผิวทำปฎิกิริยากับสารชนิดนั้นๆล้วนแล้วแต่ก่อให้เกิดอันตรายทั้งสิ้น และสารไฮโดรควิโนน คือหนึ่งในสารที่ทำให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้ผลิตภัณฑ์
สารไฮโดรควิโนน(สารปรอท) เป็นสารเคมีซึ่งเป็นที่นิยมในการนำมาเตรียมครีมที่ทำให้หน้าขาว เนื่องจากเห็นผลได้เร็ว โดยการยับยั้งกระบวนการสร้างเม็ดสีของผิวหนัง หรือที่เรียกว่า เมลานิน จึงมีผลทำให้ผิวขาวขึ้นได้ การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของไฮโดรควิโนนนั้นควรใช้กับผู้ที่มีปัญหาฝ้า หรือรอยด่างดำจากสิวที่รุนแรงและจะต้องมีเปอร์เซ็นต์ของตัวยาที่แน่นอนระบุอยู่ นอกจากนี้ควรใช้ในระยะเวลาที่จำกัด ไม่ควรใช้นานเกินไป และไม่ควรหยุดใช้ยาทันทีเนื่องจากอาจจะทำให้ผิวคล้ำลงกว่าเดิมได้จากการที่ผิวหนังเร่งผลิตเซลล์เม็ดสีมาทดแทน นอกจากนี้ยังเป็นสารที่ทำปฏิกิริยากับแสงแดด ซึ่งหากทายาที่มีส่วนผสมของไฮโดรควิโนนแล้วไม่ทาครีมกันแดด ฝ้าจะดำกว่าเดิมได้นี้ไฮโดรควิโนนได้ถูกสั่งห้ามใส่ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่วางจำหน่ายทั่วไป อย่างไรก็ตามในคลินิกที่จ่ายยารักษาฝ้าโดยแพทย์ ยังสามารถจ่ายให้ผู้ป่วยได้ตามความเหมาะสม การใช้ครีมที่มีส่วนผสมของไฮโดรควิโนนที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของแพทย์ เช่น การหาซื้อครีมทาฝ้ามาใช้เอง อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้มักจะผสมไฮโดรควิโนนในปริมาณสูงมากกว่าเกณฑ์ที่กำหนด คือ 3-5%[สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กำหนดให้ผสมสารไฮโดรควิโนนในการรักษาฝ้าได้ไม่เกิน 2%]ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงจากการใช้ได้ เริ่มจาก อาการระคายเคืองต่อผิว เกิดจุดด่างขาวที่หน้า ผิวหน้าดำ เป็นฝ้าถาวร รักษาไม่หาย ทำให้เกิดโรคผิวหนังขึ้น เกิดตุ่มนูนสีดำบริเวณโหนกแก้มและสันจมูก ซึ่งเป็นบริเวณที่ทายาบ่อยๆหากใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานมากกว่า 6 เดือน จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อภายในผิวหนังทำให้เกิดเป็นฝ้าถาวรสีน้ำเงินอมดำได้ ซึ่งอาจเกิดจากการที่ผิวหนังมีการปรับตัวให้สร้างเม็ดสีมากขึ้น รวมทั้งเพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนังด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน
การทดสอบหาสารไฮโดรควิโนน(สารประกอบ) ในเครื่องสำอางสามารถตรวจสอบได้ดังนี้
1.วัสดุอุปการณ์
1.จานสี 2 ใบ
2. หลอดหยด 4 หลอด
3. ก้านพลาสติกปลายมน 2 อัน
4. ก้านไม้ปลายแบน 20 ก้าน
5.สารทดสอบ 10 กรัม
6.ผงซักฟอก 100 กรัม
7.ครีมตัวอย่างทดสอบชนิดละ 10 กรัม
8. กระดาษทิชชู่สีขาว 2 แผ่น
9. บีกเกอร์ขนาด 500 มิลลิลิตร 2 ใบ
10. แท่งแก้ว 2 อัน 2. วิธีการทดลอง
2.1 ทดสอบโดยชุดทดสอบไฮโดรวิโนน
1.ใช้ก้านพลาสติกปลายมนตักสารเคมี 1 ช้อน ลงในหลุมของจานหลุมพลาสติก
2.ใช้ก้านไม้ปลายแบนตักครีมขนาด ประมาณครึ่งเมล็ดถั่วลิสง ลงบนสารเคมี
3.คนให้เข้ากันแล้วสังเกตผลการทดสอบ
ผลบวก เกิดสีเขียวถึงสีน้ำเงินดำ
ผลลบ สีเดิมของตัวอย่างหรือเกิดสีน้ำตาลหรือเกิดสีเขียวอ่อน
2.2 ทดสอบโดย ผงซักฟอก
1. นำผงซักฟอก 10 กรัม ละลายน้ำ 100 มิลลิลิตร
2.ตักครีมตัวอย่างขนาด เท่าครึ่งเมล็ดถั่วลิสง ลงบนกระดาษทิษชู่ แล้วเท ผงซักฟอกที่ละลายน้ำแล้วลงบนครีมตัวอย่าง แล้วคนให้เข้ากัน
3.สังเกตและบันทึกผล
ทดสอบโดยชุดทดสอบไฮโดรวิโนน ใช้ก้านพลาสติกปลายมนตักสารเคมี 1 ช้อน ลงในหลุมของจานหลุมพลาสติกใช้ก้านไม้ปลายแบนตักครีมขนาด ประมาณครึ่งเมล็ดถั่วลิสง ลงบนสารเคมีคนให้เข้ากันแล้วสังเกตผลการทดสอบ ผลบวก เกิดสีเขียวถึงสีน้ำเงินดำผลลบ สีเดิมของตัวอย่างหรือเกิดสีน้ำตาลหรือเกิดสีเขียวอ่อน
จากกการศึกษาการตรวจสอบสารไฮโดรควิโนน(สารปรอท) ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางพบว่าวิธีการใช้ชุดทดสอบไฮโดรวิโนน ในการตรวจสอบมีประสิทธิภาพมากกว่าการใช้ผงซักฟอกละลายน้ำเข้มข้น และมีความคลาดเคลื่อนน้อยกว่า เนื่องจาก ชุดทดสอบไฮโดรวิโนน มีการกำหนดปริมาณสารที่ชัดเจนกว่า จากการทดลองพบว่า ในครีมตัวอย่างทั้งสามชนิดที่นำมาทดสอบ พบสารไฮโดรวิโนน ในครีมตัวอย่างที่ 1 และในครีมตัวอย่างที่ 3 เนื่องจากในครีมตัวอย่างที่ 1 เปลี่ยนเป็นจากสีส้มเป็นสีน้ำตาล และในครีมตัวอย่างที่ 3 ไม่เปลี่ยนสีจากสารตัวอย่าง แต่เมื่อตรวจสอบในผงซักฟอกไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ซึ่งนอกจากนั้นงานวิจัยของ นางสาวอัจฉราพรรณ ตันติปัญจพร และ รองศาสตราจารย์ ดร.พลังพล คงเสรี ภาควิชาเคมี และศูนย์เพื่อความเป็นเลิศด้านการทางานของโปรตีน คณะวิทยาศาสตร์นักวิจัยจากภาควิชาเคมี และศูนย์เพื่อความเป็นเลิศด้านการทำงานของโปรตีน คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล จากงานวิจัยพื้นฐานเกี่ยวกับโลหะในเซลล์ชนิดต่างๆ ได้ศึกษาวิธีการตรวจวัดสารปรอทและพัฒนาให้เหมาะกับการตรวจสอบการปนเปื้อนของสารปรอทในเครื่องสำอาง ทำให้ได้ชุดตรวจที่ใช้ปริมาณสารตัวอย่างน้อยและใช้เวลาสั้นในการอ่านผล สามารถนำไปใช้ในภาคสนามโดยผู้บริโภคทั่วไป หน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภครวมถึงผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องสำอาง ผู้บริโภค รวมถึงผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องสำอาง ชุดทดสอบอยู่ในรูปขวดหยดที่ใช้น้ำยาเพียง 1 หยด ต่อการทดสอบกับตัวอย่างประมาณ 0.2 ซีซี ถ้าสารตัวอย่างมีปริมาณปรอทเกินกว่า 1,000 ส่วนในล้านส่วน จะเกิดการเปลี่ยนสีในเวลา 1-2 นาที และสามารถเทียบปริมาณได้กับจากสีมาตรฐานเมื่อเวลาผ่านไป 5 นาที ชุดตรวจสอบสารปรอทในเครื่องสำอางได้รับการพัฒนาขึ้นจากงานวิจัยพื้นฐาน ผลิตภัณฑ์มีความเสถียร สามารถเก็บไว้ใช้ได้นาน มีขั้นตอนการใช้งานที่สะดวก ให้ผลรวดเร็ว ชัดเจน เพื่อความมั่นใจของผู้บริโภค ผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย รวมถึงหน่วยราชการที่จะมีวิธีตรวจสอบสารปรอทที่เป็นพิษได้อย่างมีประส