ประวัติกีฬา "ซูโม่" ที่คุณต้องไม่พลาด
ซูโม่ ญี่ปุ่น: 相撲 sumō ซูโม หรือมวยปล้ำญี่ปุ่นเป็นกีฬาประจำชาติที่ได้รับความนิยมในญี่ปุ่น ประวัติของซูโม่สามารถย้อนกลับไปได้ไกลถึงศตวรรษที่ 8 โดยวังหลวงได้คัดเลือกนักมวยปล้ำจากกองทัพมาสู้กัน เพื่อสร้างความบันเทิงแก่ชาววังในเกียวโต และพัฒนาจนกลายเป็นกีฬาอาชีพในปัจจุบัน นอกจากนั้นยังเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมจากประเทศในยุโรป เช่น อังกฤษ เป็นต้น อีกด้วย
ประเพณีที่ยึดถือในกีฬาซูโม่นั้นมีความเก่าแก่มาก และยึดถือเป็นแบบปฏิบัติต่อเนื่องกันมาถึงปัจจุบัน เช่น การโปรยเกลืออันเป็นสัญลักษณ์แสดงความบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นประเพณีที่ซูโม่ถูกนำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งในศาสนาชินโต การใช้ชีวิตของนักปล้ำซูโม่นั้นเคร่งครัดเป็นอย่างยิ่ง และอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ที่กำหนดโดยสมาคมซูโม่ นักปล้ำซูโม่อาชีพจะใช้ชีวิตร่วมกันภายใต้ค่ายสังกัด (heya) ของตนเอง โดยแบบแผนการดำเนินชีวิตในทุกด้าน นับตั้งแต่อาหารการกิน ไปจนกระทั่งการแต่งกายนั้น ถูกกำหนดด้วยประเพณีปฏิบัติอันเคร่งครัด
ลักษณะ
คู่ปล้ำจะมีรูปร่างอ้วนใหญ่ และจะต้องมีน้ำหนักตัวจะต้องไม่ต่ำกว่า 75 กก.ทั้งสองฝ่ายต้องพยายามทำให้อีกฝ่ายหนึ่งล้ม ทำให้อวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายนอกเหนือจากฝ่าเท้าแตะกับพื้น หรือดันคู่ต่อสู้ให้ออกจากวงกลมขนาดเล็ก การต่อสู้ใช้เวลาไม่นานและเริ่มต้นด้วยพิธีกรรมซึ่งรวมถึงการโปรยเกลือบนพื้นในกรอบวงกลม เป็นเครื่องหมายของความบริสุทธิ์ เนื่องจากซูโม่เป็นกีฬาที่มีเกียรติ ผู้ที่ก้าวไปถึงตำแหน่ง "โยโกสุนะ" ซึ่งเป็นตำแหน่งสูงสุดของซูโม่ถือว่าเป็นผู้พิชิตอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
ฤดูกาลแข่งขันซูโม่ของนักซูโม่อาชีพ เปิดการแข่งขันปีละ 6 ครั้ง คือในเดือนมกราคม มีนาคม พฤษภาคม กรกฎาคม กันยายน และพฤศจิกายน โดยแต่ละครั้งใช้เวลานาน 15 วัน
ซูโม่ ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกในศตวรรษที่8 เป็นความบันเทิงสำหรับขุนนางเจ้านายในราชสำนักเกียวโต (เมืองหลวงเก่าของประเทศญี่ปุ่น)ซึ่งจะทำการคัดเลือกทหารในกองทัพที่แข็งแรงให้มาประลองมวยปล้ำหน้าพระที่นั่ง ก่อนจะพัฒนามาเป็นกีฬาของเหล่าซามุไรในเวลาต่อมา
ในศตวรรษที่17 ซูโม่จึงกลายเป็นกีฬาอย่างเป็นทางการ โดยจัดแข่งขันตามศาลเจ้าต่างๆในลัทธิชินโต ริ้วขบวนต่างๆ เครื่องแต่งกายและพิธีกรรมของกีฬาซูโม่ในปัจจุบัน เป็นการอนุรักษ์ประเพณีที่ล้วนมีอิทธิพลมาจากลัทธิชินโตทั้งสิ้น
ซูโม่ เป็นกีฬาที่น่าทึ่งที่ประมวลเอาหลายสิ่งหลายอย่างเข้าไว้ด้วยกัน ทั้งพละกำลัง เทคนิค พิธีกรรมโบราณ ระเบียบที่ว่าด้วยความประพฤติ แนวคิดที่เกี่ยวกับศาสนา ระบบอาวุโสตลอดจนการฝึกซ้อมที่สืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่นจากยุคศักดินา การก้าวขึ้นไปสู่จุดสูงสุดในกีฬาชนิดนี้ จำเป็นต้องอาศัยกำลังกาย-ใจที่กล้าแกร่ง ต้องผ่านการพักผ่อนไม่เพียงพอ คลุกดินอาบเหงื่อต่างน้ำ การถูกกดขี่ข่มเหง การต้องคอยรับใช้ ประกอบอาหาร วิ่งส่งของ ตลอดจนขัดหลังให้กับผู้อื่นเพียงเพื่อแลกกับที่อยู่ที่กิน หากต้องการเงินเดือน ก็ต้องก้าวขึ้นไปอยู่ในชั้นแนวหน้าให้ได้!
ความใฝ่ฝันของนักซูโม่หน้าใหม่ทุกคนคือ ต้องก้าวขึ้นไปเป็น“เซกิโทริ”ให้จงได้ “เซกิโทริ” คือยอดฝีมือ50อันดับแรกจากนักซูโม่ทั้งหมดกว่า 600คน หากเป็น“เซกิโทริ”ได้ ก็จะได้ทั้งชื่อเสียง เงินเดือน สตรี และรุ่นน้องมาคอยบริการรับใช้ และใน 50 อันดับแรกนี้ จะมีเพียง2คนเท่านั้นที่ก้าวขึ้นไปเป็น“โยโคะสึนะ”หรือสุดยอดแชมเปี้ยนได้สำเร็จ!
ในแต่ละปี มีการจัดการแข่งขันซูโม่ ทั้งสิ้น 6 ครั้งๆละ 2 สัปดาห์ โดยจะจัดที่ สนามโคคุกิคัง ในเขตเรียวโกะกุ ของกรุงโตเกียว 3ครั้งในเดือนมกราคม, พฤษภาคม และกันยายน นักซูโม่แต่ละคนจะลงแข่งขันวันละนัดทุกวันตลอด 2 สัปดาห์ ผู้ชนะเลิศจะได้ครองถ้วยพระราชทานจากสมเด็จพระจักรพรรดิ เงินก้อนโต เนื้อวัวชั้นดี และข้าวสารในปริมาณที่มากเพียงพอที่จะเลี้ยงคนในค่ายซูโม่ต้นสังกัดได้เป็นปีเลยทีเดียว