1. What should be your reasonable r

1. What should be your reasonable required rate of return to use in order to value stock and why?

(The question asked what percentage you should expect as your required rate of return or as your expected return on investing in a stock. You could answer it in percentage term and explain your reasons those justify the percentage. Your answer didn’t need to be exact with my answer to get points. Your reasoning and your explanation of your logic were what I looked for as I had told you on the instruction of the assignment to clearly explain your logic.)

Answer: The reasonable required rate of return should include a rate of inflation, an equity risk premium, and is adjusted for stock price volatility. (The answer is not limited to the above since it’s subjective.) An investor would require at least a rate of return equal to an inflation rate to order to maintain value of money. However, a higher return than the inflation rate should be expected for someone who decides to invest in stock. Since stock is more volatile than bond or even corporate bond, stock investment should yield or require return higher than that of bond investment. Therefore, the investors should be compensated for taking equity risk (buying and holding on to stock). This part can be estimated by calculating the equity risk premium which refers to stock market return over inflation rate. Or, the investors can use a historical average stock market return as a rule of thumb required rate of return. Lastly, if the price of the stock that the investor plans to invest is more volatile than an average stock’s volatility, the investor may want to adjust his/her required rate of return according to the volatility of the particular stock.

2. How will you value a company’s stock of a listed company that its board intends to pay no dividend and net incomes, if any, will be given away to charity?

(The question asked how to value a company that pays no dividend and intends not to pay out any incomes neither.)

Answer: Since the company doesn’t pay out dividend, we couldn’t value the stock based on dividend as our cash flow. However, it doesn’t mean the company has no value. For example, we could buy the company and become an owner or a major shareholder. Then, we could change the dividend policy or use the company’s income as we see fit. Therefore, we could value the company as a whole using company’s earnings as cash flow. Or we can use company’s operating cash flow or free cash flow to come up with the valuation. On another school of thought, we could compare earnings or other financial numbers to those of companies with similar business structure. For example, if the company in question has earnings of X and another company (say company “A”) with similar business structure has earnings of 2X. Then we can estimate a ballpark figure of value of the company in question as half of the value of company A. The ballpark figure can also be adjusted further by debt level or future outlook for example.

How will you value gold (gold bullion) which do not yield cash flow or dividend?

(The question asked how to value gold.)

Answer: Well, some might say to look at gold supply and demand to get some price indications just like when we value other commodities. However, gold is the only commodity where the amount of supply is

literally about 100 times as much as the amount physically used in any year. That is not true of any other commodities, such as wheat or copper, where total supply and annual consumption are much closer in balance, and true shortages can develop. There is never any shortage of gold. So gold’s value is entirely dependent on psychology or those fundamentals that drive psychology. Hence, gold production and consumption figures (supply & demand) could be ignore in their entireties in analyzing gold valuation as annual production and consumption of gold are tiny fraction of supply. Regardless of how much they change, there’s nothing to do with the price of gold. So Price expectation is therefore based wholly on such factors as inflation and the value of the dollar because those are the factors that drive psychology. (I did give point to those who answer supply and demand as way to evaluate gold’s value. Answers to these questions are subjective. You just need to defend your answer in a logical manner to get point.)

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

1.ควรจะกลับไปใช้ในใบสั่งสินค้าคงคลังค่าอัตราต้องการเหมาะสม และทำไม(คำถามถามคุณควรคาดหวังอัตราผลตอบแทนของคุณจำเป็น หรือ เป็นคุณกับที่คาดไว้ในการลงทุนในหุ้นเป็นเปอร์เซ็นต์ คุณไม่สามารถตอบในเปอร์เซ็นต์ และอธิบายเหตุผลของผู้จัดเปอร์เซ็นต์ คำตอบของคุณไม่จำเป็นต้องตรงกับคำตอบของฉันจะได้รับคะแนน การใช้เหตุผลและการอธิบายตรรกะของคุณได้อะไรผมดู ตามที่ผมได้บอกคุณเกี่ยวกับคำแนะนำของการกำหนดอย่างชัดเจนอธิบายตรรกะของคุณ)คำตอบ: อัตราผลตอบแทนต้องเหมาะสมควรมีอัตราเงินเฟ้อ การหุ้นเสี่ยงพรีเมี่ยม และปรับปรุงสำหรับความผันผวนของราคาหุ้น (คำตอบคือไม่จำกัดดังกล่าวเนื่องจากตามอัตวิสัย) นักลงทุนจะต้องมีการสั่งการรักษามูลค่าของเงินกลับเท่ากับอัตราเงินเฟ้อมีอัตราน้อย อย่างไรก็ตาม ควรคาดผลตอบแทนสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อสำหรับคนที่ตัดสินใจที่จะลงทุนในหุ้น เนื่องจากหุ้นผันผวนยิ่งกว่าตราสารหนี้หรือแม้แต่ระเบียบ ลงทุนหุ้นควรอัตราผลตอบแทน หรือต้องการผลตอบแทนสูงกว่าที่ลงทุนตราสารหนี้ ดังนั้น นักลงทุนควรชดเชยสำหรับการเสี่ยงหุ้น (ซื้อ และถือครองไป) ส่วนนี้สามารถถูกประเมิน โดยคำนวณพรีเมี่ยมความเสี่ยงของหุ้นซึ่งหมายถึงหุ้นคืนมากกว่าอัตราเงินเฟ้อ หรือ นักลงทุนสามารถใช้เป็นประวัติศาสตร์เฉลี่ยตลาดหุ้นกลับเป็นอัตราต้องการกฎของหัวแม่มือแทน สุดท้ายนี้ ถ้าราคาหุ้นที่นักลงทุนแผนการลงทุนเป็นระเหยมากขึ้นกว่าการเฉลี่ยหุ้นผันผวน นักลงทุนอาจต้องการปรับปรุงอัตราผลตอบแทนตามความผันผวนของหุ้นเฉพาะเขา/เธอต้อง2.คุณจะมูลค่าหุ้นของบริษัทของบริษัทจดทะเบียนที่มีกรรมการจ่ายเงินปันผลไม่ และรายได้สุทธิ ถ้ามี จะได้รับไปเพื่อการกุศล หรือไม่(คำถามที่ถามว่า ค่าบริษัทที่จ่ายเงินปันผลไม่ และไม่ต้องจ่ายหารายได้ใด ๆ ไม่)คำตอบ: เนื่องจากบริษัทไม่จ่ายเงินปันผลออก เราไม่มูลค่าหุ้นจากเงินปันผลเป็นกระแสเงินสดของเรา อย่างไรก็ตาม อย่างไร บริษัทมีค่าไม่ ตัวอย่าง เราอาจซื้อบริษัท และเป็น เจ้าของหรือผู้ถือหุ้นใหญ่ จากนั้น เราสามารถเปลี่ยนแปลงนโยบายเงินปันผล หรือใช้รายได้ของบริษัท ตามที่เราเห็นว่าเหมาะสม ดังนั้น เราสามารถค่าบริษัททั้งหมดใช้กำไรของบริษัทเป็นกระแสเงินสด หรือเราสามารถใช้งบดำเนินงานหรือกระแสเงินสดอิสระของบริษัทจะเกิดขึ้นกับมูลค่า เราสามารถเปรียบเทียบกำไรหรือหมายเลขอื่น ๆ ทางการเงินกับบริษัทที่มีโครงสร้างคล้ายธุรกิจบนอื่นโรงเรียนของความคิด ตัวอย่าง ถ้าบริษัทมี กำไรของ X และบริษัทอื่น (พูดบริษัท "A") มีโครงสร้างคล้ายธุรกิจได้กำไร 2 X แล้ว เราสามารถประเมินตัวเลขทเดอะบอลปาร์คมูลค่าของบริษัทต้องเป็นครึ่งหนึ่งของค่าของบริษัท a รูปทเดอะบอลปาร์คยังได้ outlook ปรับปรุงเพิ่มเติมตามระดับหนี้ หรือในอนาคตเช่นคุณจะมีค่าทองคำ (ทองคำแท่ง) ซึ่งอัตราผลตอบแทนกระแสเงินสดหรือเงินปันผลไม่ว่า(คำถามที่ถามว่า ค่าทอง)ตอบ: ดี บางคนอาจบอกที่อุปสงค์และอุปทานทองคำจะบ่งชี้ราคาบางเหมือนเมื่อเราค่าสินค้าโภคภัณฑ์อื่น ๆ อย่างไรก็ตาม ทองเป็นสินค้าที่ซื้อขายเท่านั้นที่เป็นยอดของแท้จริงประมาณ 100 ครั้งเท่าจำนวนเงินที่ใช้จริงในปี ที่ไม่เป็นจริงใด ๆ อื่น ๆ สินค้าโภคภัณฑ์ เช่นข้าวสาลีหรือทองแดง ที่จำนวนและปริมาณการใช้รายปีใกล้ชิดมากในดุล และขาดแคลนจริงสามารถพัฒนา ไม่มีการขาดแคลนทองคำ ดังนั้น ค่าของทองมีทั้งหมดขึ้นอยู่กับข้อมูลพื้นฐานของผู้ที่ขับจิตวิทยาหรือจิตวิทยา ดังนั้น ไม่สามารถละเว้นทองผลิตและตัวเลข (จัดหาวัสดุและความต้องการ) ใน entireties ของพวกเขาในการวิเคราะห์ประเมินค่าทองผลิตรายปีและปริมาณทองคำมี เศษเล็ก ๆ ของ ไม่ว่าจะเปลี่ยน มีสิ่งใดที่จะทำกับราคาทองคำ ดังนั้น ความคาดหวังราคาจึงยึดทั้งหมดปัจจัยดังกล่าวเป็นอัตราเงินเฟ้อและค่าเงินดอลลาร์เนื่องจากผู้ที่มีปัจจัยที่ไดรฟ์จิตวิทยา (ผมไม่ได้ให้จุดที่ตอบอุปสงค์และอุปทานเป็นวิธีการประเมินค่าของทอง คำตอบสำหรับคำถามเหล่านี้ได้ตามอัตวิสัย คุณก็ต้องปกป้องคำตอบของคุณในลักษณะที่เป็นตรรกศาสตร์ไปจุด)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

1. สิ่งที่ควรเป็นอัตราที่จำเป็นของคุณที่เหมาะสมของผลตอบแทนที่ใช้ในการสั่งซื้อค่าหุ้นและทำไม? (คำถามที่ถามสิ่งที่ร้อยละคุณควรคาดหวังเป็นอัตราผลตอบแทนของคุณหรือเป็นผลตอบแทนที่คาดว่าจะเกี่ยวกับการลงทุนในสต็อก. คุณสามารถตอบ ในระยะร้อยละและอธิบายเหตุผลของผู้ที่แสดงให้เห็นถึงอัตราร้อยละ. คำตอบของคุณไม่จำเป็นต้องเป็นที่แน่นอนกับคำตอบของฉันจะได้รับคะแนน. เหตุผลและคำอธิบายของคุณตรรกะของคุณของคุณเป็นสิ่งที่ผมมองหาตามที่ผมได้บอกคุณเกี่ยวกับการสอน ของการกำหนดอย่างชัดเจนอธิบายตรรกะของคุณ). คำตอบ: อัตราผลตอบแทนที่เหมาะสมควรจะรวมถึงอัตราเงินเฟ้อพรีเมี่ยมความเสี่ยงหุ้นและจะมีการปรับสำหรับความผันผวนของราคาหุ้น (คำตอบคือไม่ จำกัด ข้างต้นเนื่องจากเป็นอัตนัย.) นักลงทุนจะต้องมีอย่างน้อยอัตราผลตอบแทนเท่ากับอัตราเงินเฟ้อที่จะสั่งซื้อเพื่อรักษาคุณค่าของเงิน แต่ผลตอบแทนที่สูงกว่าอัตราเงินเฟ้อที่คาดว่าควรจะหาใครสักคนที่ตัดสินใจที่จะลงทุนในหุ้น เนื่องจากหุ้นมีความผันผวนมากกว่าพันธบัตรหรือตราสารหนี้ของ บริษัท การลงทุนหุ้นควรผลผลิตหรือต้องกลับมาสูงกว่าการลงทุนในตราสารหนี้ ดังนั้นนักลงทุนควรจะได้รับการชดเชยความเสี่ยงผู้ถือหุ้น (ซื้อและถือครองเพื่อหุ้น) ส่วนนี้สามารถประมาณโดยการคำนวณค่าความเสี่ยงส่วนได้เสียซึ่งหมายถึงผลตอบแทนการลงทุนในตลาดหุ้นมากกว่าอัตราเงินเฟ้อ หรือนักลงทุนสามารถใช้ผลตอบแทนการลงทุนในตลาดหุ้นเฉลี่ยในอดีตเป็นกฎของหัวแม่มืออัตราผลตอบแทน สุดท้ายหากราคาของหุ้นที่นักลงทุนที่มีแผนจะลงทุนมีความผันผวนมากกว่าความผันผวนของหุ้นเฉลี่ยของนักลงทุนอาจต้องการที่จะปรับ / อัตราของตนผลตอบแทนตามความผันผวนของหุ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่ง. 2 วิธีค่าคุณจะได้หุ้นของ บริษัท ในการเป็น บริษัท จดทะเบียนที่คณะกรรมการมีความตั้งใจที่จะจ่ายไม่จ่ายเงินปันผลและรายได้สุทธิถ้ามีจะได้รับออกไปเพื่อการกุศล? (คำถามที่ถามว่าค่า บริษัท ที่จ่ายเงินปันผลและตั้งใจที่จะไม่ จ่ายรายได้ใด ๆ ไม่). คำตอบ: เนื่องจาก บริษัท ไม่ได้จ่ายเงินปันผลเราไม่สามารถมีค่าหุ้นที่ขึ้นอยู่กับการจ่ายเงินปันผลเป็นกระแสเงินสดของเรา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า บริษัท ไม่มีค่า ตัวอย่างเช่นเราสามารถซื้อ บริษัท และกลายเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ จากนั้นเราอาจมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการจ่ายเงินปันผลหรือใช้รายได้ของ บริษัท ฯ ในขณะที่เราเห็นว่าเหมาะสม ดังนั้นเราจะเห็นคุณค่าของ บริษัท โดยรวมโดยใช้รายได้ของ บริษัท ในฐานะที่เป็นกระแสเงินสด หรือเราสามารถใช้กระแสเงินสดจากการดำเนินงานของ บริษัท ฯ หรือกระแสเงินสดอิสระที่จะเกิดขึ้นกับการประเมินมูลค่า ในโรงเรียนแห่งความคิดอื่นเราสามารถเปรียบเทียบผลประกอบการหรือตัวเลขทางการเงินอื่น ๆ กับของ บริษัท ที่มีโครงสร้างธุรกิจที่คล้ายกัน ตัวอย่างเช่นถ้า บริษัท ในคำถามที่มีผลประกอบการของ X และ บริษัท อื่น (พูด "บริษัท ") ที่มีโครงสร้างธุรกิจที่คล้ายกันมีกำไร 2X จากนั้นเราสามารถประเมินเป็นตัวเลขที่สนามเบสบอลของมูลค่าของ บริษัท ในคำถามเป็นครึ่งหนึ่งของมูลค่าของ บริษัท เอร่างเบสบอลยังสามารถปรับต่อไปโดยระดับหนี้หรือแนวโน้มในอนาคตตัวอย่างเช่น. วิธีที่คุณจะได้ค่าทอง (ทองคำแท่ง) ซึ่ง หรือไม่ได้ผลหรือกระแสเงินสดจ่ายเงินปันผล(คำถามที่ถามว่าค่าทอง.) คำตอบ: ดีบางคนอาจจะบอกว่าจะมองไปที่การจัดหาทองและความต้องการที่จะได้รับราคาที่บ่งชี้บางอย่างเช่นเดียวกับเมื่อเราให้สินค้าโภคภัณฑ์อื่น ๆ อย่างไรก็ตามทองคำเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่เดียวที่ปริมาณของอุปทานเป็นตัวอักษรประมาณ 100 เท่าของจำนวนเงินที่ใช้ร่างกายในปีใด นั่นไม่เป็นความจริงของสินค้าโภคภัณฑ์อื่น ๆ เช่นข้าวสาลีหรือทองแดงที่อุปทานรวมและการบริโภคประจำปีมีมากใกล้ชิดในความสมดุลและการขาดแคลนจริงสามารถพัฒนา ไม่ต้องมีปัญหาการขาดแคลนทองใด ๆ ดังนั้นค่าทองทั้งหมดขึ้นอยู่กับปัจจัยพื้นฐานทางจิตวิทยาที่ขับรถจิตวิทยา ดังนั้นการผลิตทองคำและตัวเลขการบริโภค (อุปทานและอุปสงค์) อาจจะไม่สนใจใน entireties ของพวกเขาในการวิเคราะห์การประเมินราคาทองประจำปีการผลิตและการบริโภคของทองส่วนเล็ก ๆ ของอุปทาน โดยไม่คำนึงถึงวิธีการมากที่พวกเขาเปลี่ยนมีอะไรจะทำอย่างไรกับราคาทองคำ ดังนั้นราคาจึงคาดหวังที่จะขึ้นอยู่ในเครือกับปัจจัยต่างๆเช่นอัตราเงินเฟ้อและความคุ้มค่าของเงินดอลลาร์เพราะผู้เป็นปัจจัยที่ผลักดันจิตวิทยา (ผมไม่ให้ชี้ไปที่ผู้ที่ตอบอุปสงค์และอุปทานเป็นวิธีการประเมินมูลค่าของทอง. คำตอบสำหรับคำถามเหล่านี้เป็นอัตนัย. คุณเพียงแค่ต้องปกป้องคำตอบของคุณในลักษณะที่มีเหตุผลที่จะได้รับจุด.)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

1 . สิ่งที่ควรที่เหมาะสมที่ต้องการอัตราผลตอบแทนที่จะใช้ในเพื่อให้มูลค่าหุ้นและทำไม ?

( คำถามที่ถามว่า ค่าตามที่คุณต้องการคุณควรคาดหวังอัตราผลตอบแทนหรืออัตราผลตอบแทนที่คาดหวังของคุณในการลงทุนในหุ้น คุณสามารถตอบได้ในอัตราร้อยละระยะสั้น และอธิบายเหตุผลที่ปรับค่า คำตอบของคุณไม่ต้องมีแน่นอนกับคำตอบที่จะได้รับคะแนนคุณเหตุผลและคำอธิบายของตรรกะของคุณเป็นสิ่งที่ผมตามหา ตามที่ฉันได้บอกคุณเกี่ยวกับเรื่องงานให้ชัดเจนอธิบายตรรกะของคุณ . ) ตอบ

: ที่เหมาะสมที่ต้องการอัตราผลตอบแทนควรจะรวมถึงอัตราเงินเฟ้อมีความเสี่ยงที่หุ้นพรีเมี่ยม และราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้น ( คำตอบคือไม่ จำกัด ดังกล่าวข้างต้น เพราะมันเป็นนามธรรม) นักลงทุนจะต้องมีอย่างน้อยอัตราผลตอบแทนเท่ากับอัตราเงินเฟ้ออัตราดอกเบี้ย เพื่อรักษาค่าของเงิน อย่างไรก็ตาม ผลตอบแทนที่สูงกว่าอัตราเงินเฟ้อควรคาดหวังสำหรับคนที่ตัดสินใจลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ เนื่องจากหุ้นมีความผันผวนมากกว่าพันธบัตรหรือหุ้นกู้ การลงทุนในหุ้นควรผลผลิต หรือต้องกลับสูงกว่าการลงทุนพันธบัตร ดังนั้นนักลงทุนควรจะชดเชยเสี่ยงหุ้น ( ซื้อและถือครองหุ้น ) ส่วนนี้สามารถประมาณได้โดยการคำนวณหุ้น ความเสี่ยงของพรีเมี่ยมซึ่งหมายถึงตลาดหุ้นผลตอบแทนมากกว่าอัตราเงินเฟ้อ หรือ นักลงทุนสามารถใช้ตลาดหุ้นเฉลี่ยในอดีตกลับมาในฐานะที่เป็นกฎของหัวแม่มือที่จำเป็นอัตราผลตอบแทน ท้ายนี้ถ้าราคาของหุ้นที่นักลงทุนวางแผนที่จะลงทุนมีความผันผวนมากขึ้นกว่าค่าเฉลี่ยของหุ้นผันผวน นักลงทุนอาจต้องการปรับของเขา / เธอต้องการอัตราผลตอบแทนตามความผันผวนของหุ้นโดยเฉพาะ

2 วิธีที่คุณจะ มูลค่าหุ้นของ บริษัท ของ บริษัท จดทะเบียนที่คณะกรรมการของ บริษัท มุ่งมั่นที่จะจ่ายปันผล และมีรายได้สุทธิ ถ้ามี จะมอบให้เพื่อการกุศล ?

( คำถามที่ถามว่ามูลค่าบริษัทที่ไม่จ่ายปันผล และตั้งใจที่จะไม่จ่ายเงินใด ๆ รายได้ไม่มี ) ตอบ

: เนื่องจากบริษัทไม่ได้จ่ายปันผล ก็ค่าหุ้นตามจำนวน เช่น กระแสเงินสดของเราไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าบริษัทที่ไม่มีคุณค่า ตัวอย่างเช่นเราสามารถซื้อ บริษัท และกลายเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ จากนั้นเราสามารถเปลี่ยนแปลงนโยบายการปันผล หรือใช้รายได้ของ บริษัท ตามที่เราเห็นสมควร ดังนั้นเราจึงสามารถมูลค่า บริษัท ที่เป็นทั้งการใช้รายได้ของ บริษัท เป็นกระแสเงินสด หรือเราสามารถใช้งานของ บริษัท ของกระแส เงินสดหรือกระแสเงินสดที่จะเกิดขึ้นกับการประเมิน ในอีกความคิดของโรงเรียนเราสามารถเปรียบเทียบรายได้หรือตัวเลขทางการเงินอื่น ๆที่บริษัทมีโครงสร้างทางธุรกิจที่คล้ายกัน ตัวอย่างเช่นถ้า บริษัท ในคำถามมีกำไรของ X และ บริษัท อื่น ( พูด บริษัท " " ) กับโครงสร้างธุรกิจที่คล้ายกันได้ประมาณ 2x แล้วเราสามารถประมาณจำนวนตัวเลขเยอะมากของมูลค่าของ บริษัท ในคำถาม เป็นครึ่งหนึ่งของมูลค่าของ บริษัท ก.นาม รูปก็สามารถปรับเพิ่มเติม โดยระดับหนี้หรือแนวโน้มในอนาคตตัวอย่างเช่น

แล้วคุณจะมูลค่าทอง ( ทอง ) ซึ่งไม่ได้ให้ผลผลิตกระแสเงินสดหรือกำไร ?

( คำถามที่ถามวิธีการทอง ค่า ) ตอบ

: ดี บางคนอาจจะบอกว่า มองจัดหาทอง และความต้องการที่จะได้รับบางบ่งชี้ราคาเหมือนตอนที่เราค่าสินค้าอื่น ๆ อย่างไรก็ตามทองเป็นสินค้าเดียวที่ปริมาณอุปทาน

หมายประมาณ 100 เท่าของปริมาณที่ร่างกายใช้ในปีใด ๆ ที่ไม่เป็นจริงของสินค้าอื่น ๆ เช่น ข้าวสาลี หรือ ทองแดง ซึ่งรวมการจัดหาและรายปีมีมากใกล้สมดุล , และความจริงที่ขาดแคลนสามารถพัฒนา ไม่เคยมีปัญหาใด ๆของทองดังนั้น คุณค่าของทองเป็นทั้งหมดขึ้นอยู่กับจิตวิทยาพื้นฐานที่ไดรฟ์หรือจิตวิทยา ดังนั้น การผลิตทองคำและตัวเลขการบริโภค ( อุปสงค์ อุปทาน& ) อาจจะไม่สนใจใน entireties ของพวกเขาในการวิเคราะห์มูลค่าทอง เช่น การผลิตและการบริโภคประจำปีของทองเป็นส่วนเล็ก ๆของอุปทาน ไม่ว่ายังไง พวกเขาเปลี่ยนแปลง ไม่มีอะไรจะทำอย่างไรกับราคาของทองดังนั้นความคาดหวังของราคาจึงยึดทั้งหมดปัจจัยต่างๆ เช่น อัตราเงินเฟ้อ และค่าของเงินดอลลาร์ เพราะเป็นปัจจัยที่ขับจิตวิทยา ( ผมให้ชี้ไปยังผู้ที่ตอบอุปสงค์และอุปทานเป็นวิธีการประเมินมูลค่าของทองคํา . คำตอบของคำถามเหล่านี้อัตนัย คุณเพียงแค่ต้องปกป้องคำตอบในลักษณะตรรกะเพื่อให้ได้จุด )