Stigmatization is an important obst

Stigmatization is an important obstacle in the treatment of mental
health problems, and it may cause individuals to delay or avoid
treatment. A psychoeducation program designed for individuals under
treatment may minimize internalized stigmatization (Alvidrez et al.,
2009). It has been stated in the literature that psychoeducation is an
approach which combines educational, psychotherapeutic and experiential
elements. Psychoeducational interventions usually put emphasis
on providing actual information about mental illnesses and their
treatment, and they convey more optimistic messages about the
treatability of mental health problems by addressing misunderstandings
(Alvidrez, Snowden, & Kaiser, 2008; Alvidrez et al., 2009). At the
end of this studywhichwas conducted to determine the effectiveness of
a psychoeducation programprepared to minimize internalized stigmatization
in patients diagnosed with bipolar disorder, a statistically
significant difference was found between the mean scores of the
“alienation”, “approval of stereotypes”, “perceived discrimination” and
“socialwithdrawal” subscales and the total ISSMImean scores obtained
before and after psychoeducation in the intervention group. However,
no significant difference was observed in the mean scores of the
“resistance against stigmatization” subscale after psychoeducation.
Results of recent studies by Macinnes and Lewis (2008), Alvidrez
et al. (2008), Link, Struening, Neese-Todd, Asmussen, and Phelan
(2002), Alvidrez et al. (2009), and Yanos et al. (2011) support the
result of our study that psychoeducation can reduce the internalized
stigmatization of patients with mental illness. The differences
between our study from these are that we conducted this study
only with patients with bipolar disorder, we didn’t focus only on
stigma - we also focused on bipolar disorder in two sessions - and that
we only used psychoeducation as an approach.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Stigmatization จะเป็นอุปสรรคสำคัญในการบำบัดรักษาทางจิตใจปัญหาสุขภาพ และอาจทำให้บุคคลเกิดความล่าช้า หรือหลีกเลี่ยงการรักษา โปรแกรม psychoeducation ที่ออกแบบสำหรับแต่ละบุคคลภายใต้การรักษาอาจลด internalized stigmatization (Alvidrez et al.,2009) มีการระบุในวรรณคดี psychoeducation นั้นเป็นการวิธีการที่รวมการศึกษา psychotherapeutic และผ่านองค์ประกอบ งานวิจัย Psychoeducational ใส่มักจะเน้นให้ข้อมูลเกี่ยวกับโรคจิต และการรักษา และพวกเขาถ่ายทอดข้อความในเชิงบวกเกี่ยวกับการtreatability ปัญหาสุขภาพจิตโดยเกิดความเข้าใจผิด(Alvidrez, Snowden และ นิคม 2008 Alvidrez et al., 2009) ที่จุดสิ้นสุดของ studywhichwas นี้เพื่อพิจารณาประสิทธิผลของprogramprepared psychoeducation ลด internalized stigmatizationในผู้ป่วยที่วินิจฉัยกับโรค bipolar คำทางสถิติพบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญระหว่างคะแนนเฉลี่ยของการ"สุด" "อนุมัติมัก" "ถือว่าเลือกปฏิบัติ" และsubscales "socialwithdrawal" และ ISSMImean คะแนนรวมที่ได้รับก่อน และ หลัง psychoeducation ในกลุ่มแทรกแซง อย่างไรก็ตามไม่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญที่พบในคะแนนเฉลี่ยของการ"ต้านทานต่อ stigmatization" subscale หลัง psychoeducationผลการศึกษาล่าสุดโดยลูอิส (2008), Alvidrez และ Macinneset al. (2008), Link, Struening, Neese-Todd, Asmussen, and Phelan(2002), Alvidrez et al. (2009), and Yanos et al. (2011) support theresult of our study that psychoeducation can reduce the internalizedstigmatization of patients with mental illness. The differencesbetween our study from these are that we conducted this studyonly with patients with bipolar disorder, we didn’t focus only onstigma - we also focused on bipolar disorder in two sessions - and thatwe only used psychoeducation as an approach.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ตราบาปเป็นอุปสรรคสำคัญในการรักษาทางจิต
ปัญหาสุขภาพและอาจก่อให้เกิดบุคคลที่จะชะลอหรือหลีกเลี่ยง
การรักษา โปรแกรมสุขภาพจิตได้รับการออกแบบสำหรับบุคคลที่อยู่ภายใต้
การรักษาอาจลดตราบาป internalized (Alvidrez et al.,
2009) มันได้รับการระบุไว้ในวรรณคดีที่จิตเป็น
วิธีการที่ผสมผสานการศึกษาการบำบัดทางจิตและประสบการณ์
องค์ประกอบ การแทรกแซงสุขภาพจิตมักจะให้ความสำคัญ
ในการให้ข้อมูลที่เกิดขึ้นจริงเกี่ยวกับอาการป่วยทางจิตของพวกเขาและ
การรักษาและการที่พวกเขาถ่ายทอดข้อความแง่ดีมากขึ้นเกี่ยวกับ
treatability ของปัญหาสุขภาพจิตได้โดยความเข้าใจผิด
(Alvidrez, Snowden และไกเซอร์, 2008;. Alvidrez et al, 2009) ใน
ตอนท้ายของการนี้ studywhichwas ดำเนินการเพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพของ
สุขภาพจิต programprepared เพื่อลดตราบาป internalized
ในผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยกับโรคสองขั้วทางสถิติ
ความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญระหว่างคะแนนเฉลี่ยความ
"แปลกแยก", "ความเห็นชอบของแบบแผน", "การรับรู้ การเลือกปฏิบัติ "และ
"socialwithdrawal" subscales และคะแนน ISSMImean ทั้งหมดที่ได้รับ
ก่อนและหลังการสุขภาพจิตในกลุ่มแทรกแซง แต่
ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญพบว่าในค่าเฉลี่ยของ
"ต่อต้านตราบาป" subscale หลังจากจิต.
ผลการศึกษาล่าสุดโดย MacInnes และลูอิส (2008), Alvidrez
และคณะ (2008), การเชื่อมโยง, Struening, Neese-ทอดด์แอสมุสและเฟลาน
(2002), Alvidrez และคณะ (2009) และ Yanos และคณะ (2011) สนับสนุน
ผลการศึกษาของเราที่จิตสามารถลด internalized
ตราบาปของผู้ป่วยที่มีอาการป่วยทางจิต ความแตกต่าง
ระหว่างการศึกษาของเราจากเหล่านี้เป็นที่เราดำเนินการศึกษานี้
เฉพาะกับผู้ป่วยที่มีโรคสองขั้วเราไม่ได้มุ่งเน้นเฉพาะใน
ความอัปยศ - เรายังมุ่งเน้นไปที่ความผิดปกติของสองขั้วในสองช่วง - และที่
เราจะนำมาใช้เป็นแนวทางสุขภาพจิต

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ตราบาปคืออุปสรรคสำคัญในการรักษาปัญหาสุขภาพจิต
, และมันอาจจะทำให้บุคคลเกิดความล่าช้าหรือหลีกเลี่ยง
รักษา เป็นโปรแกรมที่ออกแบบมาสำหรับบุคคลศึกษาภายใต้การรักษาอาจลดการตีตรา ( internalized

alvidrez et al . , 2009 ) มันได้ถูกกล่าวไว้ในวรรณกรรมที่ศึกษาเป็นแนวทาง
ซึ่งรวมการศึกษาจิตบำบัด และประสบการณ์
องค์ประกอบ การแทรกแซง psychoeducational มักจะเน้นหนัก
บนให้จริงข้อมูลเกี่ยวกับโรคและการรักษาของพวกเขา
ทางจิตใจและพวกเขาส่งข้อความในเชิงบวกเกี่ยวกับ
ความสามารถของปัญหาสุขภาพจิต โดยการเข้าใจผิด
( alvidrez สโนเดิ้น& , , Kaiser , 2008 ; alvidrez et al . , 2009 ) ที่
สิ้นเดือนนี้ studywhichwas มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประสิทธิผลของการศึกษาเพื่อลดการตีตรา programprepared internalized
ในผู้ป่วยที่วินิจฉัยโรค แต่สถิติ
พบความแตกต่างระหว่างค่าเฉลี่ยของคะแนน
" แปลกแยก " " การอนุมัติของพวกเขา " , " การเลือกปฏิบัติ " และ
" socialwithdrawal " กิตติ และคะแนนรวมได้
issmimean สุขภาพจิตในกลุ่มก่อนและหลังการทดลอง อย่างไรก็ตาม
ไม่มีความแตกต่าง พบว่าค่าเฉลี่ยของคะแนน
" ต่อต้านการตีตรา " ( หลังจากศึกษา .
ผลการศึกษาล่าสุดโดยเมิ่กคินเนิสกับลูอิส ( 2008 ) , alvidrez
et al . ( 2008 ) , การเชื่อมโยง , struening นีสทอดด์ asmussen , ,และ ฟีแลน
( 2002 ) , alvidrez et al . ( 2009 ) , และ yanos et al . ( 2011 ) การสนับสนุน
ผลการศึกษาของเราที่ศึกษาสามารถลด internalized
ตราบาปของผู้ป่วยทางจิต ความแตกต่างระหว่างการศึกษาของเราจาก
เหล่านี้ที่เราทำการศึกษา
เท่านั้น ผู้ป่วยโรค แต่เราไม่ได้เน้นเฉพาะ
ตราบาป - เรายังเน้นโรคไบโพลาร์ใน 2 ช่วงและ
เราใช้ศึกษาเป็นแนวทาง