Phytase, myo-inositol hexakisphosph

Phytase, myo-inositol hexakisphosphate phosphohydrolase (EC 3.1.3.8), was first reported in 1907 by Suzuki and coworkers. However, the enzyme’s potential to solve an important practical problem, i.e., degrade phytate in foodstuffs was recognized as early as in the 1960s [1]. Phytate when present in foodstuffs abundantly had long been recognized as anti nutrient because it can bind divalent cations and peptides, thereby interfering with the mineral nutrition in monogastric animals, including poultry and hog [2] and [3]. To complicate the matter, undigested phytate in poultry and hog manure has the potential to foul up the environment when naturally occurring microbes hydrolyze phytate to release inorganic orthophosphate into the groundwater. Harmful algal bloom (HAB) in the Chesapeake Bay followed by a fish killed in the 1990s had drawn attention from environmentalists [4]. The need for phytase supplementation of the poultry and hog feed was offered as a possible solution to cut down phosphate pollution of America’s waterways [5].

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

โอสเตบิล myo-ทอ hexakisphosphate phosphohydrolase (EC 3.1.3.8), มีรายงานครั้งแรกใน 1907 โดยซูซูกิและเพื่อนร่วมงาน อย่างไรก็ตาม การลดลงของศักยภาพของเอนไซม์เพื่อแก้ปัญหาทางปฏิบัติสำคัญ เช่น phytate ในอาหารถือเป็นต้นปี 1960 [1] Phytate เมื่อปัจจุบันในอาหารอย่างล้นเหลือได้รับการยอมรับเป็นป้องกันสารอาหารเนื่องจากมันสามารถผูกตัว divalent และเปปไทด์ จึง มีสารอาหารแร่ธาตุในสัตว์ monogastric รวมทั้งสัตว์ปีก และหมู [2] และ [3] การซับซ้อนเรื่อง ไม่ได้แยกแยะ phytate ในมูลสัตว์ปีกและหมูมีศักยภาพที่จะสุขภาพค่าสภาพแวดล้อมและเมื่อเกิดขึ้นตามธรรมชาติจุลินทรีย์ hydrolyze phytate ปล่อยอนินทรีย์ orthophosphate เป็นน้ำบาดาล อันตรายสาหร่ายบลูม (HAB) ในอ่าว Chesapeake ตาม ด้วยปลาที่ตายในปี 1990 ได้ให้ความสนใจออกจากสิ่งแวดล้อม [4] จำเป็นสำหรับการเสริมโอสเตบิลของสัตว์ปีกและหมู อาหารนำเสนอเป็นทางออกเพื่อลดมลภาวะฟอสเฟตของการบ้านของอเมริกา [5]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

phytase, Myo-ทอ hexakisphosphate phosphohydrolase (EC 3.1.3.8) มีรายงานครั้งแรกในปี 1907 โดยซูซูกิและเพื่อนร่วมงาน แต่ศักยภาพของเอนไซม์ในการแก้ปัญหาในทางปฏิบัติที่สำคัญคือลดไฟเตทในอาหารได้รับการยอมรับเป็นช่วงต้นในปี 1960 [1] ไฟเตทเมื่ออยู่ในอาหารอย่างล้นเหลือที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นสารอาหารที่ต่อต้านเพราะมันสามารถผูก divalent ไพเพและเปปไทด์จึงรบกวนการดูดธาตุอาหารในสัตว์กระเพาะเดี่ยวรวมทั้งสัตว์ปีกและหมู [2] และ [3] เพื่อซับซ้อนเรื่องไฟเตทไม่สามารถย่อยได้ในสัตว์ปีกและหมูปุ๋ยคอกมีศักยภาพที่จะเหม็นสภาพแวดล้อมเมื่อจุลินทรีย์ย่อยสลายเกิดขึ้นตามธรรมชาติที่จะปล่อยไฟเตทออร์โธฟอสเฟตอนินทรีลงไปในดิน อันตรายสาหร่ายบลูม (HAB) ในอ่าวเชสตามด้วยปลาถูกฆ่าตายในปี 1990 ได้รับความสนใจจากนักสิ่งแวดล้อม [4] ความจำเป็นในการเสริม phytase ของสัตว์ปีกและหมูฟีดที่ถูกนำเสนอเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่เป็นไปได้เพื่อลดมลพิษฟอสเฟตของน้ำของอเมริกา [5]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

กลุ่มเมียวอล , hexakisphosphate phosphohydrolase ( EC 3.1.3.8 ) ถูกรายงานครั้งแรกใน ค.ศ. 1907 โดย ซูซูกิ และเพื่อนร่วมงาน อย่างไรก็ตาม เอนไซม์ที่มีศักยภาพที่จะแก้ปัญหาในทางปฏิบัติที่สำคัญคือ ทำให้ไฟเตทในอาหารได้รับการยอมรับเป็นเร็วในทศวรรษที่ 1960 [ 1 ] : เมื่ออยู่ในของกินเยอะแยะได้นานถูกยอมรับว่าเป็นสารอาหารต่อต้านเพราะมันสามารถผูกและสารเปปไทด์ แต่ไม่พบ จึงรบกวนด้วยแร่โภชนาการในสัตว์ monogastric รวมทั้งสัตว์ปีกและหมู [ 2 ] และ [ 3 ] การ complicate เรื่อง ไฟเตท ในสัตว์ปีกและสุกร undigested มูลมีศักยภาพที่จะสกปรกขึ้นสภาพแวดล้อมเมื่อเกิดขึ้นตามธรรมชาติจุลินทรีย์ย่อยไฟเตท ปลดปล่อยอนินทรีย์ฟอสเฟตลงไปในน้ำใต้ดิน เป็นอันตรายสาหร่ายเบ่งบาน ( HAB ) ในอ่าวเชสสตามด้วยปลาฆ่าในปี 1990 ได้ดึงความสนใจจากสิ่งแวดล้อม [ 4 ] ต้องใช้อาหารของสัตว์ปีกและสุกรเลี้ยงถูกเสนอเป็นทางออกที่เป็นไปได้เพื่อลดมลพิษของแหล่งน้ำฟอสเฟตของอเมริกา [ 5 ]