ในสังคมปัจจุบันจะพบว่าการรักษาด้วยแพทย์แผนปัจจุบันเป็นที่นิยมมากเนื่องจากเป็นวิธีที่ได้ผลอย่างรวดเร็วและเห็นผล แต่การรักษาแบบแพทย์แผนปัจจุบันเป็นการรักษาที่ใช้ยาที่ได้จากการสังเคราะห์ด้วยสารเคมีโดยเมื่อรับประทานติดต่อกันเป็นเวลานานหรือใช้ยาผิดวิธีจะทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกายได้ เช่น เกิดสารพิษสะสมในร่างกายเป็นพิษต่อไตทำให้เกิดโรคไตวายได้ ระคายเคืองกระเพาะอาหารและลำไส้ (สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ 2558) บางคนเกิดอาการแพ้ยาซึ่งอาจเกิดอาการรุนแรงถึงแก่ชีวิตได้ หากใช้ยาผิดวิธีก็จะก่อให้เกิดอันตรายต่างๆตามมาได้อีกด้วย เนื่องจากผลกระทบที่เกิดจากผลข้างเคียงการของใช้ยาแผนปัจจุบันนี้ทำให้เริ่มมีการหันมาใช้สมุนไพรในการรักษาโรค โดยพืชสมุนไพรถูกใช้เป็นยารักษาโรคมาแต่โบราณและเป็นพืชที่สามารถพบได้ทั่วไปตามท้องถิ่นสมุนไพรใช้เป็นยารักษาโรคได้หลายชนิด เช่น ใบข่อย ใบฝรั่งมีฤทธิ์ในการยับยั้งเชื้อจุลินทรีย์ในปากใช้เป็นส่วนผสมในยาสีฟัน (นราภรณ์,เกศินี 2543) ใบน้อยหน่าใช้รักษาเหา กระชายแก้ท้องอืดท้องเฟ้อ เป็นต้น (สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด) โดยยาที่ได้จากสมุนไพรส่วนใหญ่ไม่มีพิษต่อร่างกาย มีอันตรายน้อยและไม่มีผลข้างเคียงเพราะสมุนไพรเป็นพืชที่ได้จากธรรมชาติ และยังสามารถรักษาโรคให้หายได้เหมือนการใช้ยาจากแพทย์แผนปัจจุบัน นอกจากจะใช้เป็นยารักษาโรคแล้วยังมีการนำสารสกัดจากพืชสมุนไพรที่มีผลต่อการยับยั้งการเจริญของจุลินทรีย์ก่อโรคมาใช้ทดแทนสารกันเสียในผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม (วารสารวิทยาศาสตร์ ปีที่ 9 ฉบบัที่ 1 – 2 มกราคม – ธันวาคม 2551) โดยสารสกัดที่ได้จากพืชสมุนไพรบางชนิดมีฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญของเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรคบางชนิด เช่น Salmonella sp. , Escherichia coli. , Listeria monocytogenes. (วารสารวิจัยและพัฒนา มจธ. 2557) ดังนั้นงานวิจัยนี้จึงมุ่งเน้นในการศึกษาสารสกัดที่ได้จากสมุนไพรที่หาได้ตามท้องถิ่นเพื่อใช้ในการยับยั้งจุลินทรีย์ก่อโรคในอาหาร เพื่อเป็นทางเลือกหนึ่งในการลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงที่เกิดจากยาสังเคราะห์ และทำให้สมุนไพรเป็นที่นิยมมากขึ้นในการใช้เป็นสารยับยั้งเชื้อจุลินทรีย์