It can be seen that the concept of

It can be seen that the concept of Thai kingship as imitated by
the Palatine Law held the king’s status as Indra on earth. There are
a lot of indications e.g. naming the king “Indaraja”, naming the
audience halls or prasat in line with the throne of Indra or
performing some royal ceremonies e.g. Borommarajaphisek,
Inthraphisek which was an effort to elevate the king’s status as
though he were Indra. Holding Phra Meru ceremony for the dead
king helps emphasize the belief that the king was Indra as well.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

จะเห็นได้ว่า แนวคิดของไทยโคลัมเบียเป็นเลียนแบบด้วยกฎหมาย Palatine จัดสถานะของพระมหากษัตริย์เป็นพระอินทร์ในโลก มีจำนวนมากบ่งชี้เช่น ชื่อกษัตริย์ "Indaraja" การตั้งชื่อผู้ชมฮอลล์หรือปราสาท โดยราชบัลลังก์ของพระอินทร์ หรือทำพิธีบางอย่างรอยัลเช่น BorommarajaphisekInthraphisek ซึ่งเป็นความพยายามที่จะยกระดับพันธมิตรสถานะของพระมหากษัตริย์เป็นแม้ว่า เขาได้พระอินทร์ ถือพิธีพระเมรุศพพระมหากษัตริย์ช่วยเน้นความเชื่อว่า กษัตริย์คือ พระอินทร์ด้วย

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

จะเห็นได้ว่าแนวคิดของพระมหากษัตริย์ไทยเลียนแบบโดยกฎหมายในราชสำนักที่จัดขึ้นสถานะของกษัตริย์เป็นพระอินทร์บนโลก มีจำนวนมากที่มีข้อบ่งชี้เช่นการตั้งชื่อกษัตริย์ "Indaraja" การตั้งชื่อห้องโถงผู้ชมหรือปราสาทในแนวเดียวกันกับพระที่นั่งของพระอินทร์หรือการดำเนินการพระราชพิธีบางอย่างเช่นBorommarajaphisek, Inthraphisek ซึ่งเป็นความพยายามที่จะยกระดับสถานะของกษัตริย์ในฐานะที่เป็นแม้ว่าเขาจะเป็นพระอินทร์. โฮลดิ้งพระพิธีพระเมรุสำหรับคนตายกษัตริย์ช่วยเน้นความเชื่อที่ว่าพระมหากษัตริย์เป็นพระอินทร์ได้เป็นอย่างดี

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

จะเห็นได้ว่าแนวคิดของไทยราชย์เป็นแบบ
กฎหมายเพดานปากจัดพระสถานะเป็นพระอินทร์บนโลก มีข้อบ่งชี้ เช่น การตั้งชื่อ
มากของกษัตริย์ " indaraja " การตั้งชื่อ
ผู้ชมห้องโถงหรือปราสาทในบรรทัดกับบัลลังก์ของพระอินทร์หรือการแสดงบางพิธีหลวง เช่น borommarajaphisek

inthraphisek , ซึ่งมีความพยายามที่จะยกระดับสถานะของกษัตริย์
แม้ว่าเขาจะเป็นพระอินทร์ ถือพระเมรุพิธีพระราชาตาย
ช่วยเน้นความเชื่อว่ากษัตริย์คือพระอินทร์เช่นกัน