Najib's tenure as Prime Minister ha

Najib's tenure as Prime Minister has been marked by economic liberalisation measures, such as cuts to government subsidies, loosening of restrictions on foreign investment, and reductions in preferential measures for ethnic Malays in business. After the 2013 election his government was marked by the pursuit of a number of its critics on sedition charges, the imprisonment of opposition leader Anwar Ibrahim following a conviction for sodomy, the implementation of a Goods and Services Tax (GST), and an ongoing scandal involving state investment firm 1Malaysia Development Berhad (1MDB) which led to rallies calling for Najib's resignation, spearheaded by the grassroots movement Bersih.[1][2][3] These protests culminated in the Malaysian Citizens' Declaration by Mahathir Mohamad, Pakatan Harapan and NGO's to oust Najib.[4][5] Najib's response to the corruption accusations has been to tighten his grip on power by replacing the deputy prime minister, suspending two newspapers and pushing through parliament a controversial National Security Council Bill that provides the prime minister with unprecedented powers.[6][7]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ตำรวจดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีถูกทำเครื่องหมาย โดยมาตรการเปิดเสรีทางเศรษฐกิจ เช่นตัดเงินอุดหนุนจากรัฐ การหลวมของข้อจำกัดในการลงทุนต่างประเทศ และการลดมาตรการพิเศษสำหรับชาติพันธุ์เชื้อสายมลายูในธุรกิจขึ้น หลังจากเลือกตั้ง 2013 ที่รัฐบาลของเขาถูกทำเครื่องหมาย โดยการแสวงหาความหมายของบนแห่พิสูจน์ค่าธรรมเนียม จำคุกผู้นำฝ่ายค้านอิบ Anwar ดังต่อไปนี้มีความเชื่อมั่นสำหรับการสังวาสที่ผิดธรรมชาติ การใช้งานของสินค้า และบริการภาษี (GST), และรัฐลงทุนอย่างต่อเนื่องเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวข้องกับบริษัท 1Malaysia พัฒนาไฟฟ้า (1MDB) ซึ่งนำไปสู่การชุมนุมเรียกร้องให้ลาออกตำรวจ เป็นผู้นำ โดยการเคลื่อนไหวระดับรากหญ้านี่ [1] [2] [3] เหล่านี้ culminated ในการประท้วงของประชาชนมาเลเซียประกาศ โดย Mohamad ดี ฮารา ปัน Pakatan และ NGO กระแทกตำรวจ [4] [5] ตำรวจตอบข้อกล่าวหาทุจริตให้ แน่นของเขาจับพลัง โดยแทนรองนายกรัฐมนตรี ระงับหนังสือพิมพ์สอง และผลักดันผ่านสภาถกเถียงชาติมนตรีบิลที่ให้นายกรัฐมนตรี มีอำนาจที่เคยมีมาก่อนแล้ว [6] [7]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

วาระการดำรงตำแหน่งของนาจิบเป็นนายกรัฐมนตรีที่ได้รับการทำเครื่องหมายโดยการเปิดเสรีมาตรการทางเศรษฐกิจเช่นการตัดเงินอุดหนุนที่รัฐบาลคลายข้อ จำกัด ในการลงทุนจากต่างประเทศและการลดลงของมาตรการพิเศษสำหรับชาวมาเลย์ชาติพันธุ์ในธุรกิจ หลังจากที่การเลือกตั้ง 2013 รัฐบาลของเขาถูกทำเครื่องหมายโดยการแสวงหาของจำนวนของนักวิจารณ์ในข้อหาปลุกระดมจำคุกของผู้นำฝ่ายค้านอันวาร์อิบราฮิมตามความเชื่อมั่นสำหรับเล่นสวาทให้การดำเนินงานของภาษีสินค้าและบริการ (GST) และเรื่องอื้อฉาวอย่างต่อเนื่อง รัฐที่เกี่ยวข้องกับ บริษัท ด้านการลงทุนการพัฒนา 1Malaysia Berhad (1MDB) ซึ่งนำไปสู่การชุมนุมเรียกร้องให้นาจิบลาออกทันสมัยโดยการเคลื่อนไหวระดับรากหญ้า Bersih. [1] [2] [3] การประท้วงเหล่านี้ culminated ในปฏิญญาประชาชนมาเลเซียโดยมหาเธร์โมฮัมหมัด, Pakatan Harapan และองค์กรพัฒนาเอกชนที่จะขับไล่นาจิบ. [4] [5] การตอบสนองของนาจิบข้อกล่าวหาการทุจริตได้รับการกระชับจับของเขาเกี่ยวกับการใช้พลังงานโดยการเปลี่ยนรองนายกรัฐมนตรีระงับหนังสือพิมพ์สองและผลักดันผ่านรัฐสภาบิลขัดแย้งคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติที่ให้นายกรัฐมนตรีมีอำนาจเป็นประวัติการณ์. [6] [7]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ของนาจิบ ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี ได้กำหนดมาตรการการเปิดเสรีทางเศรษฐกิจ เช่น การตัดเงินอุดหนุนที่รัฐบาลคลายข้อจำกัดในการลงทุนต่างประเทศ และการลดลงของมาตรการพิเศษสำหรับกลุ่มชาติพันธุ์มาเลย์ในธุรกิจ หลังจากการเลือกตั้ง 2013 รัฐบาลของเขาถูกทำเครื่องหมายโดยการแสวงหาของนักวิจารณ์ของมันในข้อหาปลุกระดม , จำคุกผู้นำฝ่ายค้านอันวาร์ อิบราฮิม ตามความเชื่อมั่นสำหรับการร่วมเพศทางทวารหนัก การใช้งานของภาษีสินค้าและบริการ ( GST ) และเกี่ยวข้องกับเรื่องอื้อฉาวของรัฐดำเนินการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทลงทุน ( 1mdb ) ซึ่งนำไปสู่การชุมนุมเรียกของนาจิบ ลาออก , spearheaded โดยคนในขบวนการ Bersih [ 1 ] [ 2 ] [ 3 ] การประท้วง culminated ในมาเลเซียของประชาชนประกาศโดย Mahathir Mohamad Pakatan ราปัน , NGO และขับไล่นาจิบ [ 4 ] [ 5 ] นาจิตอบสนองกับการทุจริตข้อกล่าวหาได้กระชับมือของเขา อำนาจโดยการแทนรองนายกรัฐมนตรี ระงับ และต้องเร่งสองหนังสือพิมพ์ กรัมผ่านรัฐสภารัฐบาลคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติบิลที่ให้นายกฯ มีอำนาจเป็นประวัติการณ์ [ 6 ] [ 7 ]