2.3. Social network sites (SNSs) an

2.3. Social network sites (SNSs) and political participation

Social network sites (SNSs) have been increasingly utilized for political engagement in recent years. This was demonstrated in recent election campaigns, wherein SNSs such as MySpace and Facebook facilitated the recruiting of volunteers and promoting voter registration (Gueorguieva, 2008). According to the Pew Research Center for the People and the Press (2008), many people got information about candidates and campaigns in the 2008 U.S. presidential elections through using social networking sites. Not only did users get their news and campaign information from these SNSs during the election, they were also able to post their thoughts and comments, allowing them to play a more active role for citizens in the political process (Smith, 2009). The migration of social networking into the political realm necessitates research into its influence on the democratic process.

At present there exists a research tradition that considers a person’s social network to be a key factor in civic and political engagement (e.g., contacting government officials either in person or by phone or letter, attending a meeting for a community issue, and participating in a protest; Lim, 2008). A key proposition in this tradition is that “people participate in political or civic activities because they are asked or encouraged by someone with whom they have a personal connection” (Lim, 2008, p. 961). This encouragement process is usually facilitated by discussion within social networks.

Scholars have long thought that a participatory democracy benefits from political discussion among citizens. Early studies stressed the role of interpersonal communication within the political process (Katz and Lazarsfeld, 1955 and Lazarsfeld et al., 1944). Subsequent studies have supported the notion that a citizen’s discussion of public affairs leads to political engagement and participation (e.g., McLeod et al., 1999 and Wyatt et al., 2000). Of course, citizens talk politics all the time, not just during campaign seasons. This communication process within one’s social network can influence one’s political attitude by forcing him/her to consider, exchange, and synthesize previously attained political information (Huckfeldt and Sprague, 1995). One of the central assumptions for this area of research is that interpersonal communication serves a political-learning function (e.g., talking about things happening in the neighborhood). Studies have shown that political knowledge positively affects political participation (e.g., attending a neighborhood meeting, writing a letter to the local editor, and volunteering; McLeod et al., 1999 and Neuman, 1986). Accordingly, people who communicate within larger personal networks may become more knowledgeable and thereby more likely to participate in political activities. In other words, the size of the network is positively related to political participation because of the increased likelihood of talking to various people within a broader network. Past research has shown that the amount of discussion—a function of network size and discussion frequency—is consistent in having a positive impact on political participation (Mutz, 2002 and Scheufele, 2002).

The relationship between social networks and political participation can thus be extended to online social networking sites. SNSs enable users to meet and communicate with their family, friends, co-workers, and strangers, and in general may expose them to various points of view. They also allow individuals to share news and information and talk to various people within a broadened network, which may in turn lead to increased levels of political behaviors. Based on the literature reviewed above, therefore, this study proposes the following hypothesis:

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

2.3. สังคมไซต์ (SNSs) และมีส่วนร่วมทางการเมืองใช้เว็บไซต์เครือข่ายสังคม (SNSs) สำหรับความผูกพันทางการเมืองในปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ นี้ถูกแสดงในแคมเปญเลือกตั้งล่าสุด SNSs เช่นมายสเปซและ Facebook นั้นอำนวยการสรรหาของอาสาสมัครและการส่งเสริมการลงทะเบียนเลือกตั้งฯ (Gueorguieva, 2008) ตามศูนย์วิจัยพิวคนและกด (2008), หลายคนได้รับข้อมูลเกี่ยวกับผู้สมัครและส่งเสริมการขายในสหรัฐอเมริกาปี 2008 การเลือกตั้งประธานาธิบดี โดยใช้เว็บไซต์เครือข่ายสังคม ไม่ได้ผู้ใช้ได้รับข้อมูลข่าวสารและส่งเสริมการขายจากนี้ SNSs ระหว่างการเลือกตั้ง พวกเขาก็ยังสามารถลงรายการบัญชีของพวกเขาความคิดและความคิดเห็น ทำให้บทบาทน้อยสำหรับประชาชนในกระบวนการทางการเมือง (Smith, 2009) การย้ายเครือข่ายทางสังคมในขอบเขตเมือง necessitates วิจัยเป็นอิทธิพลในกระบวนการประชาธิปไตยปัจจุบัน มีประเพณีวิจัยพิจารณาเครือข่ายทางสังคมของคนเป็น ปัจจัยหลักในการหมั้นพลเมือง และการเมือง (เช่น กำลังติดต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐบุคคล หรือ ทางโทรศัพท์หรือจดหมาย เข้าร่วมประชุมสำหรับปัญหาชุมชน และการมีส่วนร่วมในการประท้วง ริม 2008) ข้อเสนอสำคัญในประเพณีนี้มีว่า "คนมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง หรือซีวิคเนื่องจากมีถาม หรือรับการสนับสนุน โดยบุคคลที่มีการเชื่อมต่อส่วนบุคคล" (Lim ปี 2008, p. 961) สนทนาภายในเครือข่ายทางสังคมมักจะอาศัยกระบวนการนี้ให้กำลังใจนักวิชาการได้นานคิดว่า ประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมรับประโยชน์จากการสนทนาทางการเมืองในหมู่ประชาชน ก่อนศึกษาเน้นบทบาทของการสื่อสารมนุษยสัมพันธ์ภายในกระบวนการทางการเมือง (ทซ และ Lazarsfeld, 1955 และ Lazarsfeld et al., 1944) ต่อมาการศึกษาได้สนับสนุนความการสนทนาเป็นพลเมืองรัฐกิจที่นำไปสู่ความผูกพันทางการเมืองและการมีส่วนร่วม (เช่น McLeod et al., 1999 และ Wyatt et al., 2000) แน่นอน ประชาชนพูดคุยการเมืองตลอดเวลา ไม่เพียงระหว่างฤดูกาลส่งเสริมการขาย กระบวนการภายในของสังคมเครือข่ายสื่อสารนี้สามารถมีอิทธิพลต่อทัศนคติทางการเมือง โดยการบังคับให้เขาให้เธอพิจารณา แลกเปลี่ยน และสังเคราะห์ข้อมูลทางการเมืองก่อนหน้านี้ได้ (Huckfeldt และ Sprague, 1995) สมมติฐานกลางสำหรับพื้นที่นี้วิจัยอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นที่ติดต่อสื่อสารมนุษยสัมพันธ์รองรับฟังก์ชันเสริมการเรียนรู้ทางการเมือง (เช่น พูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในพื้นที่ใกล้เคียง) ศึกษาแสดงให้เห็นว่า ความรู้ทางการเมืองบวกมีผลต่อการมีส่วนร่วมทางการเมือง (เช่น เข้าร่วมประชุมพื้นที่ใกล้เคียง การเขียนจดหมายถึงบรรณาธิการท้องถิ่น และอาสา สมัคร Al. ร้อยเอ็ด McLeod, 1999 และ Neuman, 1986) ตาม ผู้ที่สื่อสารภายในเครือข่ายส่วนบุคคลขนาดใหญ่อาจมีความรู้มากขึ้น และดังนั้นจึงมีแนวโน้มที่จะเข้าร่วมในกิจกรรมทางการเมืองได้ ในคำอื่น ๆ ขนาดของเครือข่ายบวกเกี่ยวข้องกับการมีส่วนร่วมทางการเมือง เพราะเพิ่มโอกาสของการพูดคุยกับบุคคลต่าง ๆ ภายในเครือข่ายที่กว้างขึ้น งานวิจัยได้แสดงให้เห็นที่ยอดของการสนทนา — ฟังก์ชันของความถี่ขนาดและสนทนาเครือข่าย — สอดคล้องที่ มีผลกระทบมีส่วนร่วมทางการเมือง (Mutz, 2002 และ Scheufele, 2002)จึงสามารถขยายความสัมพันธ์ระหว่างเครือข่ายทางสังคมและมีส่วนร่วมทางการเมืองกับเว็บไซต์เครือข่ายสังคมออนไลน์ SNSs ให้ผู้ใช้สามารถตอบสนอง และการสื่อสาร มีครอบครัว เพื่อน เพื่อนร่วมงาน และคนแปลกหน้า และโดยทั่วไป อาจแสดงพวกเขาไปดูจุดต่าง ๆ พวกเขายังช่วยให้บุคคลที่จะแบ่งปันข่าวสารและข้อมูล และพูดคุยกับบุคคลต่าง ๆ ภายในเครือข่าย broadened ซึ่งอาจในเปิดนำไปเพิ่มระดับของพฤติกรรมทางการเมือง ตามเอกสารประกอบการตรวจสอบข้างต้น ดังนั้น การศึกษานี้เสนอสมมติฐานต่อไปนี้:

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

2.3 เว็บไซต์เครือข่ายทางสังคม (SNSs) และมีส่วนร่วมทางการเมืองของเว็บไซต์เครือข่ายทางสังคม(SNSs) ได้ถูกนำมาใช้มากขึ้นสำหรับการมีส่วนร่วมทางการเมืองในปีที่ผ่านมา นี้ได้แสดงให้เห็นในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งที่ผ่านมานั้น SNSs เช่น MySpace และ Facebook อำนวยความสะดวกในการสรรหาของอาสาสมัครและการส่งเสริมการลงทะเบียนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง (Gueorguieva 2008) ตามที่ศูนย์วิจัย Pew สำหรับคนและกด (2008) หลายคนมีข้อมูลเกี่ยวกับผู้สมัครและแคมเปญในปี 2008 การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐผ่านการใช้เว็บไซต์เครือข่ายสังคม ผู้ใช้ไม่เพียง แต่ได้รับข่าวของพวกเขาและข้อมูลแคมเปญจากนี้ SNSs ในช่วงการเลือกตั้งที่พวกเขายังสามารถที่จะโพสต์ความคิดและแสดงความคิดเห็นของพวกเขาช่วยให้พวกเขามีบทบาทใช้งานมากขึ้นสำหรับประชาชนในกระบวนการทางการเมือง (สมิ ธ 2009) การย้ายถิ่นของเครือข่ายสังคมเข้าไปในดินแดนทางการเมืองจำเป็นต้องวิจัยในอิทธิพลที่มีต่อกระบวนการประชาธิปไตย. ในปัจจุบันมีอยู่เป็นประเพณีการวิจัยที่จะพิจารณาเครือข่ายทางสังคมของบุคคลที่จะเป็นปัจจัยสำคัญในการมีส่วนร่วมของพลเมืองและการเมือง (เช่นการติดต่อกับเจ้าหน้าที่ของรัฐทั้งใน บุคคลหรือทางโทรศัพท์หรือจดหมายที่เข้าร่วมประชุมสำหรับปัญหาของชุมชนและการมีส่วนร่วมในการประท้วง; Lim, 2008) เป็นเรื่องที่สำคัญในประเพณีนี้ก็คือ "คนที่มีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองของพลเมืองหรือเพราะพวกเขาจะถามหรือการสนับสนุนจากคนที่พวกเขามีการเชื่อมต่อส่วนบุคคล" (Lim, 2008, น. 961) ขั้นตอนการให้กำลังใจซึ่งจะอำนวยความสะดวกโดยปกติการอภิปรายภายในเครือข่ายทางสังคม. นักวิชาการมีความคิดมานานแล้วว่าผลประโยชน์ร่วมมือประชาธิปไตยจากการสนทนาทางการเมืองในหมู่ประชาชน ก่อนการศึกษาเน้นบทบาทของการสื่อสารระหว่างบุคคลที่อยู่ในกระบวนการทางการเมือง (แคทซ์และ Lazarsfeld 1955 และ Lazarsfeld et al., 1944) การศึกษาต่อได้รับการสนับสนุนความคิดที่ว่าการอภิปรายของประชาชนของกิจการสาธารณะนำไปสู่การมีส่วนร่วมทางการเมืองและการมีส่วนร่วม (เช่น McLeod et al., 1999 และไวแอตต์ et al., 2000) แน่นอนว่าประชาชนพูดคุยการเมืองตลอดเวลาไม่ได้เป็นเพียงการรณรงค์ในช่วงฤดู กระบวนการสื่อสารนี้ในเครือข่ายทางสังคมของคน ๆ หนึ่งจะมีผลต่อทัศนคติทางการเมืองของคนด้วยการบังคับให้เขา / เธอที่จะต้องพิจารณาการแลกเปลี่ยนและสังเคราะห์บรรลุก่อนหน้านี้ข้อมูลทางการเมือง (Huckfeldt และสปราก 1995) หนึ่งในสมมติฐานกลางสำหรับพื้นที่ของการวิจัยนี้คือการสื่อสารระหว่างบุคคลให้บริการอาหารฟังก์ชั่นการเรียนรู้ทางการเมือง (เช่นการพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในพื้นที่ใกล้เคียง) มีการศึกษาแสดงให้เห็นว่ามีความรู้ทางการเมืองในเชิงบวกส่งผลกระทบต่อส่วนร่วมทางการเมือง (เช่นพื้นที่ใกล้เคียงเข้าร่วมประชุมการเขียนจดหมายถึงบรรณาธิการท้องถิ่นและอาสาสมัคร. McLeod et al, 1999 และนูแมน, 1986) ดังนั้นคนที่สื่อสารภายในเครือข่ายส่วนบุคคลขนาดใหญ่อาจจะกลายเป็นความรู้มากขึ้นและจึงมีแนวโน้มที่จะมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง ในคำอื่น ๆ ขนาดของเครือข่ายที่เกี่ยวข้องในทางบวกกับการมีส่วนร่วมทางการเมืองเพราะโอกาสที่เพิ่มขึ้นของการพูดคุยกับหลายคนที่อยู่ในเครือข่ายที่กว้างขึ้น การวิจัยที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นว่าปริมาณของการอภิปรายฟังก์ชั่นที่มีขนาดเครือข่ายและการอภิปรายความถี่มีความสอดคล้องในการมีผลกระทบในเชิงบวกต่อการมีส่วนร่วมทางการเมือง (Mutz, 2002 และ Scheufele, 2002). ความสัมพันธ์ระหว่างเครือข่ายสังคมและการมีส่วนร่วมทางการเมืองจึงสามารถ ขยายไปยังออนไลน์เว็บไซต์เครือข่ายสังคม SNSs ช่วยให้ผู้ใช้เพื่อตอบสนองและสื่อสารกับครอบครัวเพื่อนร่วมงานและคนแปลกหน้าและโดยทั่วไปอาจทำให้พวกเขาไปยังจุดต่าง ๆ ในมุมมองของ พวกเขายังช่วยให้บุคคลที่จะแบ่งปันข้อมูลข่าวสารและพูดคุยกับคนที่แตกต่างกันภายในเครือข่ายวงกว้างซึ่งอาจนำไปสู่การเปิดเพิ่มขึ้นของระดับพฤติกรรมทางการเมือง ขึ้นอยู่กับการทบทวนวรรณกรรมดังกล่าวข้างต้นดังนั้นการศึกษานี้เสนอสมมติฐานดังต่อไปนี้:

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

2.3 เว็บไซต์เครือข่ายทางสังคม ( snss ) และการมีส่วนร่วมทางการเมือง

สังคมเครือข่ายเว็บไซต์ ( snss ) ได้รับมากขึ้นที่ใช้สำหรับงานหมั้นทางการเมืองในช่วงปีที่ผ่านมา นี้ถูกแสดงในแคมเปญการเลือกตั้งที่ผ่านมา ซึ่ง snss เช่น MySpace และ Facebook องค์กรการรับสมัครอาสาสมัครและการลงทะเบียนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ( gueorguieva , 2008 )ตามที่ศูนย์วิจัย Pew สำหรับคนและกด ( 2008 ) , หลายคนมีข้อมูลเกี่ยวกับผู้สมัครและแคมเปญใน 2008 การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐผ่านการใช้เว็บไซต์เครือข่ายสังคม ไม่เพียง แต่ผู้ใช้จะได้รับข่าวสารการรณรงค์จากเหล่านี้ snss ในการเลือกตั้ง พวกเขายังสามารถที่จะโพสต์ความคิดและความคิดเห็นของพวกเขาช่วยให้พวกเขาทำหน้าที่เพื่อประชาชนในกระบวนการทางการเมือง ( Smith , 2009 ) การย้ายถิ่นของเครือข่ายสังคมในดินแดนทางการเมืองการศึกษาวิจัยอิทธิพลต่อกระบวนการประชาธิปไตย

ปัจจุบันมีการวิจัยประเพณีที่พิจารณาเครือข่ายทางสังคมของบุคคลเป็นปัจจัยสําคัญใน Civic หมั้นและการเมือง ( เช่นติดต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐทั้งโดยตรง หรือ ทางโทรศัพท์ หรือจดหมายประชุมปัญหาในชุมชน และมีส่วนร่วมในการประท้วง ; ลิม , 2008 ) ข้อเสนอหลักในประเพณีนี้ก็คือ " คนเข้าร่วมในกิจกรรมทางการเมืองหรือ Civic เพราะพวกเขาจะถาม หรือสนับสนุนโดยคนที่พวกเขามีการเชื่อมต่อส่วนบุคคล " ( Lim , 2551 , หน้า 961 )กระบวนการส่งเสริมนี้มักจะการอํานวยความสะดวกในการสนทนาภายในเครือข่ายทางสังคม

นักวิชาการคิดแบบนั้นมานานแล้วการมีส่วนร่วมในประชาธิปไตย ประโยชน์ที่ได้รับจากการอภิปรายทางการเมืองในหมู่ประชาชน ก่อนการศึกษาเน้นบทบาทของการสื่อสารระหว่างบุคคลในกระบวนการทางการเมือง ( Katz และลาซาร์สเฟลด์ 1955 และลาซาร์สเฟลด์ , et al . , 1944 )ต่อมามีการศึกษาที่สนับสนุนแนวคิดที่ว่า การอภิปรายของกิจการสาธารณะของประชาชน นำไปสู่การมีส่วนร่วมทางการเมือง ( เช่น McLeod et al . , 1999 และ Wyatt et al . , 2000 ) แน่นอน ประชาชนพูดการเมืองตลอดเวลา ไม่ใช่แค่ในช่วงฤดูหาเสียงนี้กระบวนการสื่อสารภายในหนึ่งของเครือข่ายทางสังคมสามารถอิทธิพลของทัศนคติทางการเมืองด้วยการบังคับให้เขา / เธอเพื่อพิจารณา ตรา และสังเคราะห์ข้อมูลและการเมืองก่อนหน้านี้บรรลุ huckfeldt Sprague , 1995 ) หนึ่งในกลางพื้นที่ของสมมติฐานการวิจัยคือการสื่อสารระหว่างบุคคลให้บริการฟังก์ชั่นการเรียนรู้ทางการเมือง ( เช่นการพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในพื้นที่ใกล้เคียง ) มีการศึกษาแสดงให้เห็นว่าความรู้ทางการเมืองในเชิงบวกต่อการมีส่วนร่วมทางการเมือง เช่น เข้าร่วมการประชุมชุมชน การเขียนจดหมายถึงบรรณาธิการท้องถิ่น และอาสาสมัคร ; McLeod et al . , 1999 และนิวแมน , 1986 ) ตามผู้ที่สื่อสารภายในเครือข่ายส่วนบุคคลขนาดใหญ่อาจมากขึ้นความรู้และจึงมีแนวโน้มที่จะมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมือง ในคำอื่น ๆขนาดของเครือข่าย มีความสัมพันธ์เชิงบวกกับการมีส่วนร่วมทางการเมือง เพราะการเพิ่มโอกาสของการได้พูดคุยกับผู้คนต่าง ๆภายในเครือข่ายที่กว้างขึ้นการวิจัยที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นว่าจำนวนของฟังก์ชัน discussion-a ขนาดเครือข่ายและความถี่การอภิปรายสอดคล้องจะมีผลกระทบเชิงบวกต่อการมีส่วนร่วมทางการเมือง ( มุตส์ 2002 และ โชเฟล , 2002 ) .

ความสัมพันธ์ระหว่างเครือข่ายทางสังคมและการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน จึงสามารถขยายเพื่อออนไลน์เว็บไซต์เครือข่ายสังคม snss ช่วยให้ผู้ใช้เพื่อตอบสนองและสื่อสารกับครอบครัวของพวกเขาเพื่อน เพื่อนร่วมงาน และคนแปลกหน้า และโดยทั่วไปอาจแสดงถึงจุดต่างๆของมุมมอง พวกเขายังช่วยให้บุคคลที่จะแบ่งปันข้อมูลข่าวสาร และพูดคุยกับบุคคลต่าง ๆภายในเครือข่ายเป็นวงกว้าง ซึ่งอาจจะนำไปสู่ระดับที่เพิ่มขึ้นของพฤติกรรมทางการเมือง ตามทบทวนวรรณกรรมข้างต้น ดังนั้น การศึกษาครั้งนี้ได้เสนอสมมติฐานดังต่อไปนี้ :