The focus of the study was to devel

The focus of the study was to develop a framework to improve innovation capability of SMEs which do not usually have much available financial wealth and required planning infrastructure in order to be competitive in the digital economy (Nada et al, 2012). The need for the study was based on the previous research findings on the difficulties faced by SMEs to benefit from fast moving digital opportunities due their current digital maturity level against digital leaders who outperform their peers in every industry (Westerman et al, 2012). .
The study found that the best way to approach the problem was to use the link between innovation capability and firm performance, which is significant in the presence of performance measurement (Saunila, Pekkola and Ukko, 2014). However, the study took the path of using a leading indicator such as innovation pipeline to improve innovation capability proactively to seize opportunities from rapid advances in digital technologies building a culture of relentless and rapid business experimentation.
The use of innovation zones to categorize potential innovation performance zones addresses the flexibility much required to improve innovation capability in a proactive manner in the digital economy. As a result, SMEs can use the assessment of the innovation performance gap proactively to gauge whether the company would achieve a high organic growth in performance based on the planned innovation capability uplift.
The company can then use the innovation capability gap from the proposed framework to determine the areas that are required to be uplifted to generate the innovation pipeline that can achieve the intended growth in performance. As a result, the proposed framework addresses another gap in measuring the innovation projects in terms of their impact on the overall goals of an organisation (Nada et al, 2012). This enables SMEs to respond to opportunities presented by rapid advances in digital technologies found in the digital economy.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

จุดเน้นของการศึกษาคือการ พัฒนาเป็นกรอบในการปรับปรุงความสามารถนวัตกรรมของ SMEs ที่มักจะมีเงินมั่งคั่งมีมากและต้องวางแผนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการแข่งขันในเศรษฐกิจดิจิตอล (Nada et al, 2012) การศึกษาต้องเป็นไปตามผลการศึกษาวิจัยก่อนหน้านี้บนความยากลำบากกับ SMEs เพื่อประโยชน์จากโอกาสทางดิจิตอลย้ายรวดเร็วครบกำหนดระดับดิจิตอลครบกำหนดปัจจุบันกับผู้นำดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าเพื่อนของพวกเขาในทุกอุตสาหกรรม (Westerman et al, 2012) .การศึกษาพบว่า ที่ดีที่สุดวิธีปัญหาถูกใช้เชื่อมโยงระหว่างนวัตกรรมความสามารถและประสิทธิภาพของบริษัท ซึ่งมีความสำคัญในต่อหน้าของวัดประสิทธิภาพ (Saunila, Pekkola และ Ukko, 2014) อย่างไรก็ตาม การศึกษาเอาเส้นทางของการใช้ตัวบ่งชี้นำเช่นไปป์ไลน์นวัตกรรมเพื่อปรับปรุงความสามารถนวัตกรรมทุกวันนี้แย่งโอกาสจากความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในเทคโนโลยีดิจิตอลสร้างวัฒนธรรมของธุรกิจอย่างรวดเร็ว และ relentless ทดลองใช้โซนนวัตกรรมเพื่อจัดประเภทเป็นนวัตกรรมประสิทธิภาพโซนอยู่ยืดหยุ่นมากต้องปรับปรุงความสามารถนวัตกรรมในลักษณะเชิงรุกในเศรษฐกิจดิจิตอล ดัง SMEs สามารถใช้ประเมินประสิทธิภาพนวัตกรรมช่องว่างวันนี้จะวัดว่าบริษัทจะประสบความสำเร็จเจริญเติบโตอินทรีย์สูงประสิทธิภาพตาม uplift ความสามารถแผนนวัตกรรมบริษัทสามารถใช้ช่องว่างความสามารถนวัตกรรมจากกรอบการนำเสนอเพื่อกำหนดพื้นที่ที่จำเป็นต้องเชิญเพื่อสร้างไปป์ไลน์นวัตกรรมที่สามารถบรรลุเป้าหมายการเจริญเติบโตประสิทธิภาพ ดัง กรอบนำเสนออยู่ช่องว่างอื่นในวัดโครงการนวัตกรรมในแง่ของผลกระทบต่อเป้าหมายรวมขององค์การ (Nada et al, 2012) ทำให้ SMEs เพื่อตอบสนองต่อโอกาสในการนำเสนอ ด้วยเทคโนโลยีดิจิตอลที่พบในเศรษฐกิจดิจิตอลก้าวอย่างรวดเร็ว

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

จุดเน้นของการศึกษาคือการพัฒนากรอบการทำงานในการปรับปรุงความสามารถในการสร้างสรรค์นวัตกรรมของ SMEs ที่ทำไม่ได้มักจะมีความมั่งคั่งทางการเงินที่มีอยู่มากและจำเป็นต้องวางแผนโครงสร้างพื้นฐานในการที่จะแข่งขันในเศรษฐกิจดิจิตอล (Nada et al, 2012) ความจำเป็นในการศึกษาครั้งนี้อยู่บนพื้นฐานของผลการวิจัยก่อนหน้านี้เกี่ยวกับความยากลำบากที่ต้องเผชิญกับผู้ประกอบการ SMEs ได้รับประโยชน์จากโอกาสในการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วดิจิตอลเนื่องจากระดับที่กำหนดดิจิตอลของพวกเขาในปัจจุบันกับผู้นำที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าดิจิตอลเพื่อนของพวกเขาในทุกอุตสาหกรรม (เวส et al, 2012) .
การศึกษาพบว่าวิธีที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหาคือการใช้การเชื่อมโยงระหว่างความสามารถในการสร้างสรรค์นวัตกรรมและผลการดำเนินงานของ บริษัท ซึ่งมีความสำคัญในการปรากฏตัวของการวัดประสิทธิภาพ (Saunila, Pekkola และ Ukko 2014) อย่างไรก็ตามการศึกษาเข้ามามีเส้นทางของการใช้ตัวบ่งชี้ที่ชั้นนำเช่นท่อนวัตกรรมเพื่อปรับปรุงความสามารถในการสร้างสรรค์นวัตกรรมในเชิงรุกที่จะคว้าโอกาสจากความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในเทคโนโลยีดิจิตอลสร้างวัฒนธรรมของการทดลองทางธุรกิจอย่างไม่หยุดยั้งและรวดเร็ว.
ใช้โซนนวัตกรรมเพื่อประสิทธิภาพการทำงานประเภทนวัตกรรมที่มีศักยภาพ โซนที่อยู่ในความยืดหยุ่นที่จำเป็นมากในการปรับปรุงความสามารถในการสร้างสรรค์นวัตกรรมในลักษณะเชิงรุกในเศรษฐกิจดิจิตอล เป็นผลให้ผู้ประกอบการ SMEs สามารถใช้การประเมินผลการปฏิบัติงานของช่องว่างนวัตกรรมในเชิงรุกที่จะวัดว่า บริษัท จะบรรลุการเติบโตสูงในการทำงานขึ้นอยู่กับความสามารถในการยกนวัตกรรมการวางแผน.
บริษัท สามารถใช้ช่องว่างความสามารถในการสร้างสรรค์นวัตกรรมจากกรอบการเสนอให้ ตรวจสอบพื้นที่ที่จะต้องเพิ่มขึ้นในการสร้างท่อส่งนวัตกรรมที่สามารถบรรลุการเติบโตที่ตั้งใจในการทำงาน เป็นผลให้กรอบการเสนอช่องว่างอยู่อีกในการวัดโครงการนวัตกรรมในแง่ของผลกระทบต่อเป้าหมายโดยรวมขององค์กร (Nada et al, 2012) ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการ SMEs เพื่อตอบสนองต่อโอกาสที่นำเสนอโดยความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในเทคโนโลยีดิจิตอลที่พบในเศรษฐกิจดิจิตอล

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เน้นการศึกษาเพื่อพัฒนา และปรับปรุงความสามารถในนวัตกรรมของธุรกิจ SMEs ซึ่งมักจะไม่ได้มีความมั่งคั่งทางการเงินมากมายที่พร้อมและต้องการการวางแผนโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อสามารถแข่งขันในเศรษฐกิจดิจิตอล ( Nada et al , 2012 )ต้องศึกษาจากข้อมูลการวิจัยก่อนหน้านี้เกี่ยวกับปัญหาของ SMEs จะได้รับประโยชน์จากโอกาสเคลื่อนที่เร็วดิจิตอลเนื่องจากปัจจุบันวุฒิภาวะระดับดิจิตอลดิจิตอลกับผู้นำดีกว่าเพื่อนในทุกอุตสาหกรรม ( เวสเตอร์แมน et al , 2012 ) .
ผลการศึกษาพบว่า วิธีที่ดีที่สุดในการเข้าถึงปัญหา เพื่อใช้เชื่อมโยงระหว่างการแสดงความสามารถ นวัตกรรม และ บริษัท ที่สำคัญในการแสดงตนของการวัดผลการปฏิบัติงาน ( saunila pekkola ที่ , และ 2014 ) อย่างไรก็ตามการศึกษาใช้เส้นทางของการใช้ดัชนีชี้นำ เช่น ท่อนวัตกรรมเพื่อปรับปรุงความสามารถในนวัตกรรมเชิงรุกเพื่อฉกฉวยโอกาสจากความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในเทคโนโลยีดิจิตอลสร้างวัฒนธรรมอย่างไม่หยุดยั้งและการทดลองทางธุรกิจอย่างรวดเร็ว
การใช้โซนนวัตกรรมประเภทนวัตกรรมที่มีศักยภาพประสิทธิภาพโซนที่อยู่มีความยืดหยุ่นมากต้องการที่จะปรับปรุงความสามารถในนวัตกรรมในลักษณะเชิงรุกในเศรษฐกิจดิจิตอล ผลSMEs สามารถใช้ประเมินประสิทธิภาพของนวัตกรรมช่องว่างเชิงรุกเพื่อวัดว่าบริษัทจะบรรลุสูงอินทรีย์การเจริญเติบโตในการปฏิบัติตามแผนยกระดับนวัตกรรมความสามารถ
.บริษัทฯ จึงจะสามารถใช้ความสามารถในการนำเสนอนวัตกรรมช่องว่างจากกรอบเพื่อกำหนดพื้นที่ที่จะต้องเพิ่มขึ้นเพื่อสร้างนวัตกรรมท่อที่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ของการปฏิบัติงาน ผลการนำเสนอกรอบที่อยู่ช่องว่างอื่นในวัดโครงการนวัตกรรมในแง่ของผลกระทบต่อเป้าหมายโดยรวมขององค์กร ( Nada et al , 2012 ) นี้จะช่วยให้ลูกค้าตอบสนองต่อโอกาสที่นำเสนอโดยความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในเทคโนโลยีดิจิตอลที่พบในเศรษฐกิจดิจิตอล