he economy of the 1950's was a rela

he economy of the 1950's was a relatively stale period of time. Because it was much of an uneventful era, the economy did not experience any major problems or breakthroughs. However, the gradual growth of the U.S. during this time led the economy to its peak in the 60's.

One of the major issues during this time period was inflation. Two major waves of inflationary conditions swept the country at this time. The first followed the end of WW2 and the second at the onset of the Korean War in 1950. The causes of this inflation are not yet fully understood. Slow economic growth and slow increases may very likely be the cause. Consumer prices increased significantly over this decade due to a number of reasons. The first of which was the slow growth of productivity in the U.S. economy, especially in the service sector. The service sector experienced the biggest price increases due to lapses following the removal of price controls following WW2. The Federal Reserve Bank set policies that were used to try to regulate the economy and from prevention of diving into large economic declines. The Federal Reserve Board played an important role on the inflationary conditions of the 1950's. The policy the board relied on was quantitative devices of credit control-the discount rate, open market operations and changes in the reserve ratios. These devices were used at a vigorous pace in response to a number of economic downturns as an effort to maintain stable prices in the economy. After the Korean War, the board feared not only inflation, but feared using too much control as well. Large increases in consumer demand and credit were also factors in the increase of consumer prices due to corresponding poor productivity. Huge increases in indirect business taxes and social security taxes also played a role as they both nearly doubled throughout the decade.

Eisenhower's views insisted that the government attempt to promote economic growth. The basic principal of his administration was fiscal responsibility; that is, the government has a duty to stimulate economic growth and raise productivity without benefiting any one special interest. By the end of 1953, Eisenhower faced a lagging economy as a result of the Korean armistice's sharp military cutbacks. A mild recession reached its peak in January 1954 with unemployment rates topping out over 6 percent. His first order of business was to ask Congress to curb the growth of federal spending. He insisted that the real issue at hand was the long-term security of the U.S.
There were a number of developments in the business sector in the capital markets and other financial intermediaries during the 1950's. Over the decade the housing supply increased 27 percent and overall quality level of U.S. housing increased dramatically. A move from urban areas to the suburbs was the predominate characteristic of the new construction and increasing health and living conditions characterized the urban growth.

Growth in the economy also led to increasing popularity of other financial intermediaries. Life insurance companies flourished for the first half of the decade and a large number of private firms entered the market to absorb the excesses of personal savings. With surges in the economy, the 1950's are often recognized as the decade that eliminated poverty for the great majority of Americans. By 1955, the country had pulled out of the previous year's recession and gross national product (GNP) was growing at a rate of 7.6 percent. The boom was so great that the budget for 1956 predicted a surplus of 4.1 million.

The economy turned sharply downward in the summer of 1957 and reached its low point in the spring of 1958. Industrial production fell 14 percent, corporate profits plummeted 25 percent and unemployment rose to 7.5 percent. President Eisenhower did little to stimulate the economy because he worried more about inflation and not unemployment. Subsequently, in 1959 the economy realized $12 billion deficit, a new record for a budget shortfall during peacetime.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เขาเศรษฐกิจของ 1950's มีระยะเวลาค่อนข้างเก่า เพราะมันเป็นของยุค uneventful เศรษฐกิจไม่ได้ไม่มีปัญหาสำคัญใด ๆ หรือนวัตกรรมใหม่ อย่างไรก็ตาม เติบโตขึ้นของสหรัฐอเมริกาในช่วงเวลานี้นำเศรษฐกิจไปสู่จุดสูงสุดของใน 60's การ ประเด็นหลักในระหว่างช่วงเวลานี้อัตราเงินเฟ้อได้ คลื่นหลักสองสภาวะเงินเฟ้อกวาดประเทศขณะนี้ แรกตามท้าย WW2 และอีกอย่างสงครามเกาหลีในปี 1950 สาเหตุของเงินเฟ้อนี้จะไม่ได้อย่างเข้าใจ เติบโตทางเศรษฐกิจช้าและเพิ่มช้าอาจมากอาจเป็นสาเหตุ ราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญกว่าทศวรรษที่ผ่านมานี้เนื่องจากหลายสาเหตุ ครั้งแรกที่เจริญเติบโตช้าของผลผลิตในเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคการบริการได้ ภาคการบริการมีประสบการณ์เพิ่มขึ้นราคาที่ใหญ่ที่สุดเนื่องจากการ lapses วิธีการกำจัดควบคุมราคาต่อ WW2 ธนาคารกลางกำหนดนโยบายที่ใช้เพื่อพยายามควบคุมเศรษฐกิจ และจากการป้องกันน้ำเข้าขนาดใหญ่ทางเศรษฐกิจลดลง คณะกรรมการธนาคารกลางมีบทบาทสำคัญสภาพเงินเฟ้อของ 1950's นโยบายคณะกรรมการอาศัยบนอุปกรณ์เชิงปริมาณอัตราส่วนลดควบคุมสินเชื่อ การดำเนินการเปิดตลาด และการเปลี่ยนแปลงในอัตราการสำรองได้ อุปกรณ์เหล่านี้ถูกใช้ในจังหวะคึกคักในการตอบสนองของเอกชนทางเศรษฐกิจเป็นความพยายามเพื่อรักษาเสถียรภาพราคาในเศรษฐกิจ หลังจากสงครามเกาหลี กระดานกลัวไม่เพียงแต่อัตราเงินเฟ้อ แต่กลัวใช้ควบคุมมากเกินไปเช่น เพิ่มขึ้นในอุปสงค์ของผู้บริโภคและสินเชื่อมีปัจจัยในการเพิ่มขึ้นของราคาเนื่องจากผลผลิตไม่สอดคล้องกัน เพิ่มขึ้นภาษีธุรกิจทางอ้อมและภาษีสังคมมากยังเล่นบทบาทเป็นทั้งคู่เกือบสองเท่าตลอดทศวรรษ มุมมองของ Eisenhower ยืนยันว่า รัฐบาลพยายามส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ หลักพื้นฐานการบริหารของเขามีความรับผิดชอบทางการเงิน นั่นคือ รัฐบาลมีหน้าที่ที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ และเพิ่มผลผลิต โดยไม่มีเกียรติยศใด ๆ ดอกเบี้ยพิเศษหนึ่ง โดย 1953, Eisenhower ประสบเศรษฐกิจ lagging จาก cutbacks ทหารคมเกาหลีการสงบศึก ถดถอยอ่อนถึงจุดสูงสุดของในเดือน 1954 มกราคมกับอัตราการว่างงาน topping ออกกว่าร้อยละ 6 ธุรกิจของเขาสั่งแรกถามสภารั้งการเติบโตของการใช้จ่ายของภาครัฐได้ เขายืนยันว่า เรื่องจริงที่มีความปลอดภัยในระยะยาวของสหรัฐอเมริกา มีหมายเลขของการพัฒนาในภาคธุรกิจในตลาดทุนและตัวกลางทางการเงินอื่น ๆ ในระหว่างการ 1950's กว่าทศวรรษ อุปทานที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นร้อยละ 27 และระดับคุณภาพโดยรวมที่อยู่อาศัยสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นอย่างมาก การย้ายจากเขตเมืองชานเมืองกันลักษณะของการก่อสร้างใหม่ และเพิ่มสุขภาพและสภาพความเป็นอยู่ลักษณะการเจริญเติบโตของเมือง เจริญเติบโตในเศรษฐกิจยัง นำไปสู่การเพิ่มความนิยมของตัวกลางทางการเงินอื่น ๆ บริษัทประกันชีวิตที่เจริญรุ่งเรืองในช่วงครึ่งแรกของทศวรรษ และหน่วยงานเอกชนจำนวนมากป้อนตลาดซึม excesses ของออมส่วนบุคคล มีกระชากในเศรษฐกิจ 1950's มีมักจะรู้จักเป็นทศวรรษที่ตัดความยากจนสำหรับชาวอเมริกันส่วนใหญ่ดี โดย 1955 ประเทศได้ดึงออกจากภาวะถดถอยของปีก่อนหน้า และรวมผลิตภัณฑ์แห่งชาติ (GNP) เติบโตในอัตราร้อยละ 7.6 บูมได้ดีว่า งบประมาณสำหรับปี 1956 ทำนายเกิน 4.1 ล้าน เศรษฐกิจเปิดอย่างรวดเร็วลงในฤดูร้อนของ 1957 และถึงจุดต่ำสุดในฤดูใบไม้ผลิ 1958 ผลิตอุตสาหกรรมลดลงร้อย ละ 14 ผลกำไรของบริษัทลดลง 25 เปอร์เซ็นต์ และว่างงานกุหลาบ 7.5 เปอร์เซ็นต์ ประธานาธิบดี Eisenhower ได้กระตุ้นเศรษฐกิจเนื่องจากเขากังวลมากขึ้นเกี่ยวกับเงินเฟ้อและการว่างงานไม่น้อย ในเวลาต่อมา ใน 1959 เศรษฐกิจจริง $12 พันล้านขาดดุล เรกคอร์ดใหม่สำหรับกรณีงบประมาณระหว่าง peacetime

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เขาทางเศรษฐกิจของปี 1950 เป็นช่วงเวลาที่ค่อนข้างเก่าของเวลา เพราะมันเป็นเรื่องของเหตุการณ์ยุคเศรษฐกิจไม่พบปัญหาใด ๆ ที่สำคัญหรือนวัตกรรม แต่การเจริญเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปของสหรัฐในช่วงเวลานี้นำไปสู่เศรษฐกิจที่จะจุดสูงสุดใน 60. หนึ่งในประเด็นที่สำคัญในช่วงเวลานี้คืออัตราเงินเฟ้อ สองคลื่นที่สำคัญของภาวะเงินเฟ้อกวาดประเทศในเวลานี้ ที่ใช้เป็นครั้งแรกในตอนท้ายของสงครามโลกครั้งที่ 2 และครั้งที่สองที่เริ่มมีอาการของสงครามเกาหลีในปี 1950 สาเหตุของอัตราเงินเฟ้อนี้ยังไม่เข้าใจอย่างเต็มที่ การเพิ่มขึ้นของการเติบโตทางเศรษฐกิจช้าและช้ามากมีแนวโน้มที่อาจจะเป็นสาเหตุ ราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงทศวรรษนี้เนื่องจากเหตุผลหลายประการ แรกคือการเจริญเติบโตช้าของการผลิตในเศรษฐกิจสหรัฐฯโดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคบริการ ภาคบริการที่ใหญ่ที่สุดที่มีประสบการณ์เพิ่มขึ้นของราคาเนื่องจากนาคต่อไปนี้การกำจัดของการควบคุมราคาดังต่อไปนี้ WW2 ธนาคารกลางกำหนดนโยบายที่ใช้ในการพยายามที่จะควบคุมเศรษฐกิจและการป้องกันจากการดำน้ำในการลดลงของเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่ คณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐมีบทบาทสำคัญกับสภาวะเงินเฟ้อของปี 1950 คณะกรรมการนโยบายอาศัยเป็นอุปกรณ์เชิงปริมาณของการควบคุมอัตราคิดลดเครดิตการดำเนินการเปิดตลาดและการเปลี่ยนแปลงในอัตราส่วนสำรอง อุปกรณ์เหล่านี้ถูกนำมาใช้ในอัตราที่แข็งแรงในการตอบสนองไปยังหมายเลขของเศรษฐกิจตกต่ำเป็นความพยายามที่จะรักษาราคาที่มีเสถียรภาพในระบบเศรษฐกิจ หลังจากที่สงครามเกาหลีคณะกรรมการกลัวไม่เพียง แต่อัตราเงินเฟ้อ แต่กลัวโดยใช้การควบคุมมากเกินไปเช่นกัน การเพิ่มขึ้นของขนาดใหญ่ที่อยู่ในความต้องการของผู้บริโภคและสินเชื่อยังเป็นปัจจัยในการเพิ่มขึ้นของดัชนีราคาผู้บริโภคเนื่องจากผลผลิตที่ไม่ดีที่สอดคล้องกัน เพิ่มขึ้นอย่างมากในทางอ้อมภาษีธุรกิจและภาษีประกันสังคมยังมีบทบาทที่พวกเขาทั้งสองเท่าเกือบตลอดทศวรรษ. มุมมองของไอเซนฮาวยืนยันว่ามีความพยายามของรัฐบาลในการส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ หลักพื้นฐานของการบริหารงานของเขาคือความรับผิดชอบทางการคลัง; ว่ามีที่รัฐบาลมีหน้าที่ที่จะต้องกระตุ้นการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและการเพิ่มผลผลิตโดยไม่ได้รับประโยชน์ใดคนหนึ่งน่าสนใจเป็นพิเศษ ในตอนท้ายของปี 1953 ไอเซนฮาวต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจที่ล้าหลังเป็นผลมาจากศึกเกาหลีตัดทอนทหารที่คมชัด ภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงถึงจุดสูงสุดในมกราคม 1954 ที่มีอัตราการว่างงานเครื่องประดับออกมากกว่าร้อยละ 6 การสั่งซื้อครั้งแรกของธุรกิจคือการขอให้สภาคองเกรสที่จะระงับการเจริญเติบโตของการใช้จ่ายของรัฐบาลกลาง เขายืนยันว่าปัญหาที่แท้จริงอยู่ในมือคือการรักษาความปลอดภัยในระยะยาวของสหรัฐมีจำนวนของการพัฒนาในภาคธุรกิจในตลาดทุนและตัวกลางทางการเงินอื่น ๆ ในช่วงปี 1950 กว่าทศวรรษที่จัดหาที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นร้อยละ 27 และระดับคุณภาพโดยรวมของที่อยู่อาศัยสหรัฐเพิ่มขึ้นอย่างมาก ย้ายจากพื้นที่ในเมืองชานเมืองเป็นลักษณะเด่นของการก่อสร้างใหม่และเพิ่มสุขภาพและสภาพความเป็นอยู่ลักษณะการเติบโตของเมือง. การเจริญเติบโตของเศรษฐกิจนอกจากนี้ยังนำไปสู่การเพิ่มความนิยมของตัวกลางทางการเงินอื่น ๆ บริษัท ประกันชีวิตเจริญรุ่งเรืองในช่วงครึ่งแรกของทศวรรษและเป็นจำนวนมากของ บริษัท เอกชนเข้ามาในตลาดในการดูดซับความตะกละของการออมส่วนบุคคล ด้วยการกระชากในทางเศรษฐกิจปี 1950 ได้รับการยอมรับมักจะเป็นทศวรรษที่กำจัดความยากจนส่วนใหญ่ของชาวอเมริกัน 1955 โดยประเทศที่มีการดึงออกมาจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยของปีก่อนหน้าและผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (GNP) มีการเติบโตในอัตราร้อยละ 7.6 บูมเป็นเพื่อที่ดีที่งบประมาณสำหรับ 1956 คาดการณ์การเกินดุล 4,100,000. เศรษฐกิจหันลงอย่างรวดเร็วในช่วงฤดูร้อนของปี 1957 และถึงจุดต่ำสุดในฤดูใบไม้ผลิของปี 1958 การผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลงร้อยละ 14 ผลกำไรของ บริษัท ลดลงร้อยละ 25 และ การว่างงานเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 7.5 ประธานาธิบดีไอเซนฮาวไม่น้อยที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจเพราะเขากังวลมากขึ้นเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อและการว่างงานไม่ได้ ต่อมาในปี 1959 เศรษฐกิจตระหนัก 12000000000 $ ขาดดุลเป็นสถิติใหม่สำหรับขาดแคลนงบประมาณในช่วงเวลาสงบ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เขาเศรษฐกิจของ 1950 คือช่วงเวลาที่ค่อนข้างเก่าแล้ว เพราะมันเป็นเรื่องของยุคสมัยเรื่อยๆ เศรษฐกิจไม่พบปัญหาใด ๆหรือนวัตกรรม . อย่างไรก็ตาม ยังมีการเจริญเติบโตของสหรัฐอเมริกาในช่วงเวลานี้ทำให้เศรษฐกิจรุ่งเรืองสูงสุดใน 60 .

หนึ่งในประเด็นหลักในช่วงเวลานี้คืออัตราเงินเฟ้อสองคลื่นหลักของภาวะเงินเฟ้อในประเทศในเวลานี้ ครั้งแรกตามสิ้นสุด WW2 และสองที่เริ่มมีอาการของสงครามเกาหลีในปี 1950 สาเหตุของเงินเฟ้อนี้จะยังไม่เข้าใจ ชะลอการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและเพิ่มช้าอาจมากอาจจะมีสาเหตุ ราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงทศวรรษนี้ เนื่องจากจำนวนของเหตุผลแรกซึ่งมีการเจริญเติบโตช้าของผลผลิตในเศรษฐกิจสหรัฐ โดยเฉพาะในภาคบริการ ภาคบริการ ประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาที่พลั้งเผลอต่อการกำจัดราคาควบคุมตาม WW2 . ธนาคารกลางกำหนดนโยบายที่ใช้ในการพยายามที่จะควบคุมเศรษฐกิจและการป้องกันดำน้ำในลดลงเศรษฐกิจขนาดใหญ่Federal Reserve Board มีบทบาทสำคัญต่อสภาวะเงินเฟ้อของปี 1950 นโยบายบอร์ดอาศัยเชิงปริมาณอุปกรณ์การควบคุมอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อ ดำเนินการเปิดตลาดและการเปลี่ยนแปลงในจองต่อ อุปกรณ์เหล่านี้ใช้ในจังหวะที่คึกคักในการตอบสนองไปยังหมายเลขของ downturns ทางเศรษฐกิจ เช่น ความพยายามที่จะรักษาเสถียรภาพราคาในระบบเศรษฐกิจหลังจากสงครามเกาหลี บอร์ดก็ไม่กลัว แต่กลัวเงินเฟ้อ แต่ใช้ควบคุมมากเกินไปเช่นกัน ขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นในความต้องการของผู้บริโภค และสินเชื่อยังเป็นปัจจัยในการเพิ่มขึ้นของราคาผู้บริโภค เนื่องจากการผลิตที่ไม่ดี ขนาดใหญ่เพิ่มในภาษีธุรกิจทางอ้อม และประกันสังคม ภาษี ยังมีบทบาทเป็นพวกเขาทั้งสองเกือบสองเท่าตลอดทศวรรษ

ไอเซนฮาวร์เป็นวิว ยืนยันว่ารัฐบาลพยายามที่จะส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ หลักการพื้นฐานของการบริหารงานของเขาคือความรับผิดชอบด้านการคลัง ที่รัฐบาลมีหน้าที่กระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจและเพิ่มผลผลิตโดยไม่ได้รับประโยชน์ใด ๆ พิเศษดอกเบี้ย โดยการสิ้นสุดของปี 1953ไอเซนฮาวร์ประสบล้าหลังเศรษฐกิจเป็นผลจากเกาหลีการพักรบคมทหารตัดทอน อ่อนถึงจุดสูงสุดในมกราคม 2497 มีอัตราป่วย topping ออกกว่า 6 เปอร์เซ็นต์ ลำดับแรกของธุรกิจคือการขอให้รัฐสภาเพื่อระงับการเจริญเติบโตของการใช้จ่ายของรัฐบาลกลาง เขาก็ยืนยันว่าปัญหาที่แท้จริงอยู่ในมือเป็นหลักทรัพย์ระยะยาวของสหรัฐอเมริกา
มีจำนวนของการพัฒนาในภาคธุรกิจในตลาดทุน และตัวกลางทางการเงินอื่น ๆ ในช่วงปี 1950 กว่าทศวรรษอุปทานที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นร้อยละ 27 และระดับคุณภาพโดยรวมของที่อยู่อาศัยของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างมากย้ายจากพื้นที่เมืองกับชานเมือง คือ การศึกษาลักษณะของการก่อสร้างใหม่และเพิ่มสุขภาพและความเป็นอยู่ลักษณะการเจริญเติบโตของเมือง

การเจริญเติบโตในเศรษฐกิจก็นำไปสู่ความนิยมที่เพิ่มขึ้นของตัวกลางทางการเงินอื่น ๆ .บริษัทประกันชีวิตเจริญรุ่งเรืองในช่วงครึ่งแรกของทศวรรษและตัวเลขขนาดใหญ่ของ บริษัท เอกชนเข้าสู่ตลาดเพื่อดูดซับ excesses ของการออมส่วนบุคคล กับไฟกระชากในเศรษฐกิจยุค 1950 มักจะได้รับการยอมรับว่าเป็นทศวรรษที่กำจัดความยากจนส่วนใหญ่ที่ดีของคนอเมริกัน โดย 1955ประเทศได้ดึงออกมาจากภาวะถดถอยในปีก่อน และผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ ( GNP ) มีการเติบโตในอัตราที่ร้อยละ 7.6 . บูมมากว่า งบประมาณสำหรับปี 1956 คาดการณ์ร้อยละ 4.1 ล้านบาท

เศรษฐกิจเปิดอย่างรวดเร็วลงในฤดูร้อนปี 1957 และถึงจุดต่ำในฤดูใบไม้ผลิของปี 1958 . การผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลง 14 เปอร์เซ็นต์ผลกำไรของ บริษัท ลดลง 25 เปอร์เซ็นต์ และอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 7.5 . ประธานาธิบดีไอเซนฮาวร์ ทำเล็ก ๆน้อย ๆเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะเขากังวลมากขึ้นเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อและการว่างงาน ต่อมาในปี 1959 เศรษฐกิจว่า $ 12 พันล้านขาดดุล , บันทึกใหม่สำหรับความขาดแคลนงบประมาณในช่วงสงบศึก
.