แตงโม เป็นพืชในวงศ์ Cucurbitaceae เช่นเดียวกับบวบ ฟัก
ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Citrullus lanatus Mats. Et Nakai ภาษาอังกฤษเรียก Water melon ภาคเหนือเรียก มะเต้า ภาคใต้เรียก แตงจีน
แตงโมเป็นพืชล้มลุกประเภท เถาเลื้อย โตเร็ว ลักษณะทั่วไปคล้ายแตงชนิดอื่น ๆ แต่ใบมีลักษณะพิเศษกว่าแตงอื่นๆ ที่มักเป็นแผ่นเดียวกันตลอด ใบแตงโมเป็นแฉกๆ แคบๆ ไม่ค่อยเป็นระเบียบ ดอกมี 2 เพศ แยกจากกันบนต้นเดียวกัน กลีบดอกสีเหลืองอ่อน ผลอ่อนสีเขียว ผลแก่อาจมีสีผิวเขียวอ่อน เขียวแก่ น้ำเงินแก่ เขียวลายขาว ฯลฯ ลักษณะผลมีทั้งกลม รูปไข่ หรือทรงกระบอกยาวหัวท้ายมน ฯลฯ มีขนาดตั้งแต่ค่อนข้างเล็กไปจนโตหลายกิโลกรัม สีของเนื้อเมื่ออ่อนสีขาว เมื่อแก่จัดมีทั้งสีขาว เหลือง ชมพูและแดง เมล็ดแบน เปลือกหนากว่าแตงกวา สีเปลือกเมล็ดมีทั้งสีน้ำตาลอ่อนไปถึงเข้าและสีดำ เนื้อในเมล็ดสีขาว เนื้อในผลแตงโมมีลักษณะฉ่ำน้ำ รสหวานมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับพันธุ์และการดูแลรักษา
ถิ่นกำเนิด ดั้งเดิมของแตงโมอยู่ในเขตร้อนที่ภาคใต้ของทวีปอัฟริกา แตงโมจึงคล้ายกับน้ำเต้าในด้านถิ่นกำเนิดและการแพร่กระจายไปทั่วโลก ตั้งแต่ยุคโบราณก่อนประวัติศาสตร์ในอียิปต์ พบข้อความบันทึกเกี่ยวกับแตงโมมีอายุกว่า 4,ooo ปีมาแล้ว สำหรับประเทศไทยคงปลูกแตงโมมานับร้อยนับพันปีเช่นกัน เพราะคนไทยติดต่อค้าขายกับคนต่างชาติและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกันมากว่าพันปีแล้ว มีผู้สันนิษฐานว่าไทยรับแตงโมมาจากจีนชาวใต้จึงเรียกแตงจีน ในพงศาวดารสมัยกรุงศรีอยุธยามีเรื่องราวเกี่ยวกับแตงโมปรากฏอยู่ในสมัยแผ่นดินสมเด็จพระเพทราชาเรียกว่า ผลอุลิต ซึ่งเป็นราชาศัพท์มาจากภาษาเขมร ส่วนในหนังสืออักราภิธานศรับท์ พ.ศ.2416 เรียกทั้งแตงโมและปูลิต(คงกลายมาจากอุลิต) แม้แต่ในตำรา แม่ครัวหัวป่าก์ ของ ท่านผู้หญิงเปลี่ยน ภาสกรวงษ์ ก็เรียกชื่อตำรับอาหารว่า “ผัดปลาแห้งแตงอุลิต” เช่นเดียวกัน
มีเรื่องราวของบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ไทยท่านหนึ่งเกี่ยวข้องกับความเชื่อนี้ ผู้อ่านที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปคงเคยเรียนเกี่ยวกับเรื่องของ สมเด็จเจ้าแตงโม ในแบบเรียนชั้นมัธยม สมเด็จเจ้าแตงโมหรือพระสุวัณมุนี เป็นพระภิกษุในสมัยกรุงศรีอยุธยารัชกาลพระเจ้าเสือ มีชื่อเสียงว่าเป็นผู้มีสติปัญญาสูงยิ่ง ประวัติในวัยเด็กที่เกี่ยวข้องกับแตงโมคือ ช่วงเป็นเด็กอยู่ที่จังหวัดเพชรบุรีนั้นท่านยากจน วันหนึ่งเมื่อเล่นน้ำกับเพื่อนๆในแม่น้ำ เห็นเปลือกแตงโมลอยน้ำมาจึงคว้าเอาลงไปแอบกินใต้น้ำ เพื่อนๆจึงเรียกชื่อว่า “เจ้าแตงโม” มาตั้งแต่นั้น แสดงว่าท่านชอบกินแตงโมมาตั้งแต่เด็ก
แตงโมเป็นผลไม่ยอดนิยมของคนไทย(และของชาวโลก)มานับพันปีจนถึงปัจจุบัน คนไทยมีพันธุ์แตงโมที่นิยมกันมากเปลี่ยนไปตามยุคสมัย เช่น แตงโมบางละมุง เมื่อราว 1oo ปีก่อน มาเป็นแตงโมบางเบิด หม่อมเจ้าสิทธิพร กฤดากร นำพันธุ์แตงโมมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อราว 70 ปีที่แล้วมา จากนั้นก็มาถึงยุคแตงหมอน (ชาล์ลตัน เกรย์) ผลยาว หัวท้ายมนคล้ายหมอนข้าง และแตงดำ (ชูก้าร์ เบบี้) ผลกลม เปลือกสีเขียวเข้มเกือบดำ มีเมื่อราว 40 ปีก่อน จนกระทั่งถึงยุค แตงโมจินตหรา ซึ่งเอาชื่อมาจากดาราสาวสวยในปัจจุบัน แตงโมก็ยังไม่เสื่อมคลายความนิยมแม้บางครั้งจะถูกข่าวลือที่รุนแรงบ่อนทำลายขนาดเชื่อว่า หากกินแตงโมแล้วจะทำให้เป็นโรคจู๋ (อวัยวะเพศของผู้ชายจะหดหายไป) เมื่อราวปี พ.ศ.2519 มีผลให้คนไทยไม่ค่อยกล้ากินแตงโมไปพักหนึ่ง แต่ต่อมาไม่นานคนไทยก็กลับมานิยมกินแตงโมกันมากเหมือนเดิมหรือมากขึ้นกว่าเดิม
คำว่าแตงโมในภาษาไทยภาคกลางนั้น ผู้รู้ทางภาษาท่านหนึ่ง (โสมทัต เทเวศน์) อธิบายว่า หมายถึงแตงขนาดใหญ่ เนื่องจากเป็นแตงที่มีผลขนาดใหญ่กว่าแตงชนิดอื่นๆ นับว่าเป็นชื่อที่เหมาะสมมาก คนไทยคงนิยมกินเนื้อแตงโมเป็นผลไม้และเมล็ดแตงโมเป็นของขบเคี้ยวกันต่อไปอีกนานเท่านาน
หากเราเชื่อว่าการกินเนื้อแตงโมทำให้เกิดสติปัญญาแล้ว ผู้มีปัญญาย่อมมองเห็นคุณประโยชน์ของแตงโมและไม่เลิกกินเนื้อและเมล็ดแตงโมอย่างแน่นอน แต่นอกจากการกินในฐานะผลไม้และของขบเคี้ยวแล้ว คนไทยน่าจะฟื้นความนิยมแตงโมขึ้นมาในฐานะผักอีกด้านหนึ่งด้วย เพื่อให้ได้ประโยชน์จากแตงโมครบถ้วน สมกับเป็นผู้ที่มีปัญญาอย่างแท้จริง