คดีฟ้องหย่าของอำแดงป้อม เป็นชนวนไปสู่การสังคายนากฎหมายโบราณ ซึ่งอย่างน้อยใช้มาตั้งแต่สมัยอายุธยาเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2347 เป็นปีที่ 22 ในจำนวน 27ปีแห่งการครองราชย์ของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
สาระสำคัญของคดีประวัติศาสตร์ในปลายรัชกาลที่ 1 ที่นำไปสู้การชำระสะสางกฎหมายเก่านี้มีอยู่ว่า นายบุญศรี ซึ่งเป็นช่างตีเหล็กหลวงได้ถวายฎีกาต่อรัชกาลที่ 1 ร้องทุกข์กล่าวโทษพระเกษมและนายราชาอรรถ ว่า อำแดงป้อมภริยาของตนทำชู้กับนายราชาอรรถแล้วมาฟ้องหย่านายบุญศรี นายบุญศรีไม่ยอมหย่า พระมหาเกษมไม่ฟังคำให้การของนายบุญศรี แต่กลับเจรจาแทะโลมอำแดงป้อม และให้อำแดงป้อมกับนายบุญศรีหย่าขาดจากกันตามกฎหมาย
รัชกาลที่1 ทรงเห็นว่า การที่หญิงนอกใจชายแล้วมาฟ้องหย่าชาย และได้รับอนุญาตให้อย่าได้นี้ไม่เป็นธรรมต่อฝ่ายชาย ทรงเห็นว่า สาเหตุของปัญหาไม่น่าจะเกิดจากการที่กฎหมายบัญญัติไว้ไม่ถูกต้องตามความเป็นธรรม เพราะแนวคิดดั้งเดิมถือว่ากฎหมายและความยุติธรรมเป็นเรื่องเดียวกัน แต่น่าจะเกิดจากการลักลอบเปลี่ยนแปลงแก้ไขกฎหมายเพื่อประโยชน์ส่วนตัวมากกว่า จนทำให้กฎหมายวิปริตผิดเพี้ยนจนเสียความยุติธรรมของแผ่นดิน พระองค์ได้ทรงเทียบเคียงกับกรณีที่ได้เคยมีผู้บิดเบือนพระไตรปิฎก และฝ่ายสงฆ์ได้ร่วมกันสังคายนาให้ถูกต้องตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าจนแล้วเสร็จต้นรัชสมัยของพระองค์ จึงมีพระบรมราชโองการให้ตรวจสอบกฎหมายซึ่งบันทึกไว้ในที่ต่างๆ ปรากฏว่ากฎหมายเกี่ยวกับการฟ้องหย่าบัญญัติไว้อย่างถูกต้องตรงกันในทุกแห่ง
รัชกาลที่ 1 จึงโปรดเกล้าให้ “ข้าทูลละอองธุลีพระบาท ที่มีสติปัญญา” ชุดหนึ่งประกอบด้วย อาลักษณ์ ลูกขุน และราชบัณฑิตย์ รวม 11 คน ทำหน้าที่ในการ “ชำระพระราชกำหนดบทพระอายการอันมีอยู่ในหอหลวง ตั้งแต่พระธรรมสารทไปให้ถูกถ้วนตามบาฬีแลเนื้อความ มิให้ผิดเพี้ยนซ้ำกันได้ จัดเป็นหมวดเป็นเหล่าเข้าไว้” หลังจากนั้นพระองค์ได้ “ทรงอุตสาหะทรงชำระดัดแปลงบทอันวิปลาดนั้นให้ชอบโดยยุติธรรมไว้” และทรงให้ใช้กฎหมายที่ได้ชำระสะสางแล้วนี้เป็นบรรทัดฐานใยการวินิจฉัยคดีที่เกิดขึ้นต่อไปในอนาคต การดำเนินการชำระสะสางกฎหมายเก่าโดยบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร และมีการประทับตราราชสีห์ คชสีห์และบัวแก้วนี้ ถือว่าเป็นการจัดทำประมวลกฎหมายเก่าของไทยที่เรียกว่า “กฎหมายตราสามดวง” เนื่องจากสัญลักษณ์ของดวงทั้งสาม หรือบางครั้งเรียกว่า “ประมวลกฎหมายรัชกาลที่ 1” เนื่องจากได้มีการชำระสะสางและจัดทำขึ้นในสมัยรัชกาลนี้
ประมวลกฎหมายตราสามดวงจึงเป็นหลักฐานทางกฎหมายที่ทำให้สามารถศึกษาค้นคว้ากฎหมายเก่าของไทยได้ในส่วนหนึ่ง การจัดทำประมวลกฎหมายดังกล่าวยังมีความสำคัญถึงสองประการ กล่าวคือ ประการแรกเป็นการยกเลิกโดยเด็ดขาด ซึ่งกฎหมายเก่าที่มิได้ปรากฏในประมวลกฎหมายใหม่นี้ และประการที่2 เป็นการทำให้กฎหมายกรุงศรีอยุธยาถึงที่สุดลงโดยสิ้นเชิง และเป็นการเริ่มต้นอีกสมัยหนึ่งของประวัติศาสตร์กฎหมายไทย กฎหมายตราสามดวงที่ได้ชำระสะสางขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 ประกาศใช้เมื่อวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2348
การทูลถวายฎีกาของนายบุญศรีในคดีอำแดงป้อมนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการพัฒนากฎหมายของประเทศไทยให้มีความยุติธรรมมากขึ้น หากไม่มีการถวายฎีกาดังกล่าวระบบกฎหมายไทยอาจจะไม่สามารถมายืนอยู่ในจุดที่เป็นอยู่ในปัจจุบันได้