การพิชิตยอดเขา ประวัติการเดินทางขึ้นสู่ยอดเขาเอเวอเรสต์เริ่มขึ้นในช่วง การแปล - การพิชิตยอดเขา ประวัติการเดินทางขึ้นสู่ยอดเขาเอเวอเรสต์เริ่มขึ้นในช่วง ไทย วิธีการพูด

การพิชิตยอดเขา ประวัติการเดินทางขึ้

การพิชิตยอดเขา
ประวัติการเดินทางขึ้นสู่ยอดเขาเอเวอเรสต์เริ่มขึ้นในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20
ในปี ค.ศ. 1921 คณะเดินทาง (expedition) จากอังกฤษคณะแรกได้เดินทางมาเพื่อสำรวจหาเส้นทางการข้ามธารน้ำแข็งรงบุก (Rongbuk Glacier) โดยเดินทางขึ้นเขาจากจีนทิเบตทางทิศเหนือ เนื่องจากในขณะนั้น เนปาล ทางทิศใต้ยังคงปิดประเทศอยู่

ในปี ค.ศ. 1922 นักปีนเขาชาวเชอร์ปาเจ็ดคนเสียชีวิตจากหิมะถล่ม (avalanche) นับเป็นครั้งแรกของการเสียชีวิตบนยอดเขาเอเวอเรสต์ที่ถูกบันทึกไว้ ในปีเดียวกันนี้ คณะเดินทางจากอังกฤษคณะที่สองได้ไต่ขึ้นสู่ระดับความสูง 8321 เมตร
ในปี ค.ศ. 1924 คณะเดินทางจากอังกฤษคณะที่สามเดินทางเข้าใกล้ยอดเขาเอเวอเรสต์ จอร์จ มัลลอรี (George Mallory) และ แอนดรู เออร์ไวน์ (Andrew Irvine) ตัดสินใจเดินทางขึ้นสู่ยอดเขา การเดินทางของเขาทั้งสองในครั้งนี้เป็นการเดินทางที่ไม่มีวันหวนกลับ วันที่ 8 มิถุนายน เวลา 12.50 น. นักเดินทางคนอื่น ๆ เห็นทั้งสองอยู่ไม่ไกลจากยอดเขา จากนั้นมีเมฆลอยมาปกคลุม และไม่มีใครเห็นทั้งสองคนนี้อีกเลย ในปี ค.ศ. 1979 หวังฮงเป่า (Wang Hongbao) นักปีนเขาชาวจีนบอกกับเพื่อนร่วมทางว่าเขาพบศพศพหนึ่งในปี ค.ศ. 1975 และนั่นน่าจะเป็นศพของเออร์ไวน์ แต่โชคไม่ดีที่หวังฮงเป่าตกเขาเสียชีวิตไปก่อนที่จะได้บอกอะไรเพิ่มเติม ในปี ค.ศ. 1999 คณะเดินทางวิจัยมัลลอรี-เออร์ไวน์ (Mallory and Irvine Research Expedition) ได้พบศพของมัลลอรีใกล้แคมป์จีนเก่า ส่วนศพของเออร์ไวน์นั้น แม้จะมีการค้นหาอย่างหนักหน่วงในปี ค.ศ. 2004 แต่ก็ยังไม่พบ
เป็นที่ถกเถียงกันในหมู่นักปีนเขาว่ามัลลอรีและเออร์ไวน์ได้พิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์แล้วหรือไม่ นักปีนเขาส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่ามัลลอรีและเออร์ไวน์ได้ไปถึงยอดเขาเอเวอเรสต์ เนื่องจากไม่มีหลักฐานว่าทั้งคู่ได้ไปถึงหินขั้นที่สอง (การไปถึงยอดเขาเอเวอเรสต์จากทางด้านเหนือต้องผ่านหินสามขั้น) แต่นักปีนเขาทั้งหลายเชื่อว่าถ้าทั้งคู่ผ่านตรงนี้ไปได้ การไปถึงยอดเขาก็ไม่ใช่เรื่องลำบาก เพราะไม่มีอุปสรรคใหญ่ใดๆ อีกแล้ว
ในระยะแรก การเดินทางขึ้นสู่ยอดเขาใช้เส้นทางด้านเหนือจากดินแดนจีนทิเบต แต่เส้นทางนี้ได้ปิดตัวลงในปี ค.ศ. 1950 หลังจากประเทศจีนเข้ายึดครองทิเบต ในขณะที่ประเทศเนปาล ได้เริ่มเปิดประเทศให้คนภายนอกเดินทางเข้าประเทศได้ในปี ค.ศ. 1949
ในปี ค.ศ. 1951 คณะเดินทางจากอังกฤษเดินทางเข้าสู่ประเทศเนปาลเพื่อสำรวจเส้นทางปีนเขาเส้นใหม่ที่อยู่ด้านใต้ของเทือกเขา
ในปี ค.ศ. 1952 คณะเดินทางจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พยายามขึ้นสู่ยอดเขาจากทางด้านใต้ โดยอาศัยข้อมูลของคณะเดินทางจากอังกฤษ ซึ่งทีมของ เรย์มอนด์ แลมเบิร์ต (Raymond Lambert) และ เทนซิง นอร์เก เกือบจะขึ้นสู่ยอดเขาได้ แต่ต้องถอยกลับเสียก่อนขณะที่เหลือระยะทางอีก 200 เมตรเท่านั้น ในฤดูใบไม้ร่วงปีเดียวกัน คณะเดินทางจากสวิสได้พยายามอีกครั้ง แต่ก็ไต่ได้ในระดับที่ต่ำกว่าเดิม
ในปี ค.ศ. 1953 คณะเดินทางจากอังกฤษนำทีมโดย จอห์น ฮันต์ (John Hunt) ได้กลับมาที่ประเทศเนปาล และพยายามขึ้นสู่ยอดเขาเอเวอเรสต์อีกครั้ง เมื่อคณะเดินทางไต่ขึ้นใกล้ยอดเขา จอห์น ฮันต์ ได้เลือกนักปีนเขาหนึ่งคู่ให้ไต่ขึ้นไปสู่ยอดเขา แต่นักปีนเขาคู่นี้อ่อนแรงเสียก่อน และไม่สามารถขึ้นไปสู่ยอดเขาได้ ในวันถัดมา จอห์น ฮันต์ เลือกนักปีนเขาอีกคู่หนึ่งคือ เอดมันด์ ฮิลลารี ชาวนิวซีแลนด์ และ เทียนซิง นอร์เก ชาวเชอร์ปาร์ นักปีนเขาคู่นี้เองที่พิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ลงได้เป็นครั้งแรก เมื่อเวลา 11.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ของวันที่ 29 พฤษภาคม ค.ศ. 1953 ที่ยอดเขาทั้งสองได้หยุดพักถ่ายรูป รวมทั้งฝังลูกอมและไม้กางเขนเล็ก ๆ ไว้ในหิมะก่อนจะเดินทางกลับ
ข่าวความสำเร็จของคณะเดินทางไปถึงลอนดอน ในเช้าวันที่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2ขึ้นครองราชย์ และหลังจากที่ เอ็ดมันด์ ฮิลลารี และ จอห์น ฮันต์ กลับมายังกาฐมัณฑุ ทั้งสองก็ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นอัศวิน เพื่อเป็นเกียรติแก่ความพยายามและความสำเร็จในครั้งนี้
แม้ยอดเขาเอเวอเรสต์จะถูกพิชิตลงได้อย่างเป็นทางการ แต่มนต์ขลังของยอดเขาแห่งนี้ก็ใช่ว่าจะหมดไป นักปีนเขาทั้งหลายทั่วทุกสารทิศจากทุกมุมโลกต่างก็อยากพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ให้ได้ซักครั้งในชีวิต นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1953 เป็นต้นมา ความพยายามในการขึ้นไปสู่ยอดเขาเอเวอเรสต์ครั้งสำคัญๆ มีดังนี้
ในปี ค.ศ. 1960 วันที่ 25 พฤษภาคม นักปีนเขาชาวจีนสามารถขึ้นถึงยอดเขาเอเวอเรสต์ได้โดยใช้เส้นทางด้านเหนือ
ในปี ค.ศ. 1963 วันที่ 22 พฤษภาคม ทอม ฮอร์นเบียน และวิลลี อันโซลด์ ชาวอเมริกัน ขึ้นถึงยอดเขาโดยใช้เส้นทางด้านทิศตะวันตก ค้างคืนที่ระดับความสูง 8,400 เมตร และเดินทางกลับตามเส้นทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้
ในปี ค.ศ. 1965 วันที่ 20 พฤษภาคม นาวาง กมบุ (Nawang Gombu) ชาวเชอร์ปา เป็นคนแรกที่พิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ได้สองครั้ง
ในปี ค.ศ. 1975 วันที่ 16 พฤษภาคม จุนโกะ ตาเบอิ (Nawang Gombu) ชาวญี่ปุ่น เป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้สัมผัสยอดเขาเอเวอเรสต์
ในปี ค.ศ. 1978 ไรน์โฮลด์ เมสเนอร์ (Reinhold Messner) (Reinhold Messner) ชาวอิตาลี และ ปีเตอร์ ฮาเบเลอร์ (Peter Habeler) (Peter Habeler) ชาวออสเตรีย เป็นสองคนแรกที่ขึ้นสู่ยอดเขาเอเวอเรสต์ได้โดยไม่ใช้ถังออกซิเจน (oxygen tank)
ในปี ค.ศ. 1980 ไรน์โฮลด์ เมสเนอร์ (Reinhold Messner) เป็นมนุษย์คนแรกที่ขึ้นสู่ยอดเอเวอเรสต์เพียงลำพัง โดยไม่ใช้ถังออกซิเจนสำรอง
ในฤดูกาลปีนเขาปี ค.ศ. 1996 มีผู้เสียชีวิตจากการปีนยอดเขาเอเวอเรสต์ทั้งหมด 15 คน นับว่าเป็นปีที่มีผู้เสียชีวิตจากการปีนเขามากที่สุด โดยในวันที่ 10 พฤษภาคม ได้เกิดพายุขึ้นและคร่าชีวิตนักปีนเขาไปทั้งหมด 8 คน ในจำนวนนี้รวมถึง ร็อบ ฮอลล์ (Rob Hall) และ สก็อต ฟิชเชอร์ (Scott Fischer) สองนักปีนเขาผู้มากประสบการณ์ผู้ถูกจ้างให้นำทางคณะสำรวจ อย่างไรก็ตาม สองผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ คือ จอน คราเคอร์ (Jon Krakauer) และ เบค เวเธอร์ส (Beck Weathers) ได้กลับมาเขียนหนังสือเล่าประสบการณ์เฉียดตายในครั้งนั้น โดย จอน คราเคอร์ เขียนหนังสือ Into Thin Air และกลายเป็นหนังสือขายดี (bestseller) ในเวลาต่อมา ส่วน เบค เวเธอร์ส ออกหนังสือชื่อ Left for dead
ในปีเดียวกันนั้นเองที่ เดวิด เบรเชียร์ส นักปีนเขาและนักถ่ายทำภาพยนตร์ (filmmaker) ได้ถ่ายทำภาพยนตร์ไอแมกซ์ที่ยอดเขาเอเวอเรสต์ โดยคณะถ่ายทำของเบรเชียร์สอยู่ที่นั่นหลายสัปดาห์และมีโอกาสพบผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ 10 พฤษภา นอกจากนี้ คณะของเบรเชียร์สยังมี จัมลิง เทนซิง นอร์เกย์ (Jamling Tenzing Norgay) ซึ่งเป็นลูก
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
การพิชิตยอดเขา ประวัติการเดินทางขึ้นสู่ยอดเขาเอเวอเรสต์เริ่มขึ้นในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20ในปีค.ศ. 1921 คณะเดินทาง (สำรวจ) จากอังกฤษคณะแรกได้เดินทางมาเพื่อสำรวจหาเส้นทางการข้ามธารน้ำแข็งรงบุก (Rongbuk Glacier) โดยเดินทางขึ้นเขาจากจีนทิเบตทางทิศเหนือเนื่องจากในขณะนั้นเนปาลทางทิศใต้ยังคงปิดประเทศอยู่ในปีค.ศ. 1922 (avalanche) นักปีนเขาชาวเชอร์ปาเจ็ดคนเสียชีวิตจากหิมะถล่มนับเป็นครั้งแรกของการเสียชีวิตบนยอดเขาเอเวอเรสต์ที่ถูกบันทึกไว้ในปีเดียวกันนี้คณะเดินทางจากอังกฤษคณะที่สองได้ไต่ขึ้นสู่ระดับความสูง 8321 เมตรในปีค.ศ. 1924 คณะเดินทางจากอังกฤษคณะที่สามเดินทางเข้าใกล้ยอดเขาเอเวอเรสต์จอร์จมัลลอรี (George มื้อ) และแอนดรูเออร์ไวน์ (แอนดรูเออร์ไวน์) ตัดสินใจเดินทางขึ้นสู่ยอดเขาการเดินทางของเขาทั้งสองในครั้งนี้เป็นการเดินทางที่ไม่มีวันหวนกลับวันที่ 8 มิถุนายนเวลา 12.50 น.นักเดินทางคนอื่นๆ เห็นทั้งสองอยู่ไม่ไกลจากยอดเขาจากนั้นมีเมฆลอยมาปกคลุมและไม่มีใครเห็นทั้งสองคนนี้อีกเลยในปีค.ศ. 1979 (Wang Hongbao) หวังฮงเป่านักปีนเขาชาวจีนบอกกับเพื่อนร่วมทางว่าเขาพบศพศพหนึ่งในปีค.ศ. 1975 และนั่นน่าจะเป็นศพของเออร์ไวน์แต่โชคไม่ดีที่หวังฮงเป่าตกเขาเสียชีวิตไปก่อนที่จะได้บอกอะไรเพิ่มเติมในปีค.ศ. 1999 คณะเดินทางวิจัยมัลลอรีเออร์ไวน์ (มื้อและเออร์ไวน์วิจัยสำรวจ) ได้พบศพของมัลลอรีใกล้แคมป์จีนเก่าส่วนศพของเออร์ไวน์นั้นแม้จะมีการค้นหาอย่างหนักหน่วงในปีค.ศ. 2004 แต่ก็ยังไม่พบเป็นที่ถกเถียงกันในหมู่นักปีนเขาว่ามัลลอรีและเออร์ไวน์ได้พิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์แล้วหรือไม่นักปีนเขาส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่ามัลลอรีและเออร์ไวน์ได้ไปถึงยอดเขาเอเวอเรสต์เนื่องจากไม่มีหลักฐานว่าทั้งคู่ได้ไปถึงหินขั้นที่สอง (การไปถึงยอดเขาเอเวอเรสต์จากทางด้านเหนือต้องผ่านหินสามขั้น) แต่นักปีนเขาทั้งหลายเชื่อว่าถ้าทั้งคู่ผ่านตรงนี้ไปได้การไปถึงยอดเขาก็ไม่ใช่เรื่องลำบากเพราะไม่มีอุปสรรคใหญ่ใด ๆ อีกแล้วในระยะแรกการเดินทางขึ้นสู่ยอดเขาใช้เส้นทางด้านเหนือจากดินแดนจีนทิเบตแต่เส้นทางนี้ได้ปิดตัวลงในปีค.ศ. 1950 หลังจากประเทศจีนเข้ายึดครองทิเบตในขณะที่ประเทศเนปาลได้เริ่มเปิดประเทศให้คนภายนอกเดินทางเข้าประเทศได้ในปีค.ศ. 1949ในปีค.ศ. 1951 คณะเดินทางจากอังกฤษเดินทางเข้าสู่ประเทศเนปาลเพื่อสำรวจเส้นทางปีนเขาเส้นใหม่ที่อยู่ด้านใต้ของเทือกเขาในปีค.ศ. 1952 คณะเดินทางจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์พยายามขึ้นสู่ยอดเขาจากทางด้านใต้โดยอาศัยข้อมูลของคณะเดินทางจากอังกฤษซึ่งทีมของเรย์มอนด์แลมเบิร์ต (เรย์มอนด์แลมเบิร์ต) และเทนซิงนอร์เกเกือบจะขึ้นสู่ยอดเขาได้แต่ต้องถอยกลับเสียก่อนขณะที่เหลือระยะทางอีก 200 เมตรเท่านั้นในฤดูใบไม้ร่วงปีเดียวกันคณะเดินทางจากสวิสได้พยายามอีกครั้งแต่ก็ไต่ได้ในระดับที่ต่ำกว่าเดิมในปีค.ศ. 1953 คณะเดินทางจากอังกฤษนำทีมโดยจอห์นฮันต์ (John Hunt) ได้กลับมาที่ประเทศเนปาลและพยายามขึ้นสู่ยอดเขาเอเวอเรสต์อีกครั้งเมื่อคณะเดินทางไต่ขึ้นใกล้ยอดเขาจอห์นฮันต์ได้เลือกนักปีนเขาหนึ่งคู่ให้ไต่ขึ้นไปสู่ยอดเขาแต่นักปีนเขาคู่นี้อ่อนแรงเสียก่อนและไม่สามารถขึ้นไปสู่ยอดเขาได้ในวันถัดมาจอห์นฮันต์เลือกนักปีนเขาอีกคู่หนึ่งคือเอดมันด์ฮิลลารีชาวนิวซีแลนด์และเทียนซิงนอร์เกชาวเชอร์ปาร์นักปีนเขาคู่นี้เองที่พิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ลงได้เป็นครั้งแรกเมื่อเวลา 11.30 น.ตามเวลาท้องถิ่นของวันที่ 29 พฤษภาคมค.ศ. 1953 ที่ยอดเขาทั้งสองได้หยุดพักถ่ายรูปรวมทั้งฝังลูกอมและไม้กางเขนเล็กๆ ไว้ในหิมะก่อนจะเดินทางกลับข่าวความสำเร็จของคณะเดินทางไปถึงลอนดอนในเช้าวันที่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2ขึ้นครองราชย์ และหลังจากที่เอ็ดมันด์ฮิลลารีและจอห์นฮันต์กลับมายังกาฐมัณฑุทั้งสองก็ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นอัศวินเพื่อเป็นเกียรติแก่ความพยายามและความสำเร็จในครั้งนี้แม้ยอดเขาเอเวอเรสต์จะถูกพิชิตลงได้อย่างเป็นทางการแต่มนต์ขลังของยอดเขาแห่งนี้ก็ใช่ว่าจะหมดไปนักปีนเขาทั้งหลายทั่วทุกสารทิศจากทุกมุมโลกต่างก็อยากพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ให้ได้ซักครั้งในชีวิตนับตั้งแต่ปีค.ศ. 1953 เป็นต้นมาความพยายามในการขึ้นไปสู่ยอดเขาเอเวอเรสต์ครั้งสำคัญ ๆ มีดังนี้ในปีค.ศ. 1960 วันที่ 25 พฤษภาคมนักปีนเขาชาวจีนสามารถขึ้นถึงยอดเขาเอเวอเรสต์ได้โดยใช้เส้นทางด้านเหนือในปีค.ศ. 1963 วันที่ 22 พฤษภาคมทอมฮอร์นเบียนและวิลลีอันโซลด์ชาวอเมริกันขึ้นถึงยอดเขาโดยใช้เส้นทางด้านทิศตะวันตกค้างคืนที่ระดับความสูง 8,400 เมตรและเดินทางกลับตามเส้นทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ในปีค.ศ. 1965 วันที่ 20 พฤษภาคมนาวางกมบุ (Nawang Gombu) ชาวเชอร์ปาเป็นคนแรกที่พิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ได้สองครั้งในปีค.ศ. 1975 วันที่ 16 พฤษภาคมจุนโกะตาเบอิ (Nawang Gombu) ชาวญี่ปุ่นเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้สัมผัสยอดเขาเอเวอเรสต์ในปีค.ศ. 1978 ไรน์โฮลด์เมสเนอร์ (ไรน์โฮลด์เมสเนอร์) (ไรน์โฮลด์เมสเนอร์) ชาวอิตาลีและปีเตอร์ฮาเบเลอร์ (Peter Habeler) (Peter Habeler) ชาวออสเตรียเป็นสองคนแรกที่ขึ้นสู่ยอดเขาเอเวอเรสต์ได้โดยไม่ใช้ถังออกซิเจน (ออกซิเจน)ในปีค.ศ. 1980 ไรน์โฮลด์เมสเนอร์ (ไรน์โฮลด์เมสเนอร์) เป็นมนุษย์คนแรกที่ขึ้นสู่ยอดเอเวอเรสต์เพียงลำพังโดยไม่ใช้ถังออกซิเจนสำรองในฤดูกาลปีนเขาปีค.ศ. 1996 มีผู้เสียชีวิตจากการปีนยอดเขาเอเวอเรสต์ทั้งหมด 15 คนนับว่าเป็นปีที่มีผู้เสียชีวิตจากการปีนเขามากที่สุดโดยในวันที่ 10 พฤษภาคมได้เกิดพายุขึ้นและคร่าชีวิตนักปีนเขาไปทั้งหมด 8 คนในจำนวนนี้รวมถึงร็อบฮอลล์ (ร็อบฮอลล์) และสก็อตฟิชเชอร์ (Scott Fischเอ้อ) สองนักปีนเขาผู้มากประสบการณ์ผู้ถูกจ้างให้นำทางคณะสำรวจอย่างไรก็ตามสองผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้คือจอนคราเคอร์ (จอน Krakauer) และเบคเวเธอร์ส (เบ็ค Weathers) ได้กลับมาเขียนหนังสือเล่าประสบการณ์เฉียดตายในครั้งนั้นโดยจอนคราเคอร์เขียนหนังสือในอากาศบางและกลายเป็นหนังสือขายดี (ชาร์ตขายดี) ในเวลาต่อมาส่วนเบคเวเธอร์สออกหนังสือชื่อทิ้งให้ตายในปีเดียวกันนั้นเองที่เดวิดเบรเชียร์สนักปีนเขาและนักถ่ายทำภาพยนตร์ (อำนวยการสร้างภาพยนตร์) ได้ถ่ายทำภาพยนตร์ไอแมกซ์ที่ยอดเขาเอเวอเรสต์โดยคณะถ่ายทำของเบรเชียร์สอยู่ที่นั่นหลายสัปดาห์และมีโอกาสพบผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ 10 พฤษภานอกจากนี้คณะของเบรเชียร์สยังมีจัมลิงเทนซิงนอร์เกย์ (Jamling เทนซิงนอร์เก) ซึ่งเป็นลูก
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!

20
ในปี ค.ศ. 1921 คณะเดินทาง (เดินทาง) (Rongbuk กลาเซียร์) ในห้างหุ้นส่วนจำกัดขณะเนื่องจากนั้นเนปาลทางทิศใต้ยังคงปิดออกประเทศขณะนี้ในห้างหุ้นส่วนจำกัดปี ค.ศ. 1922 (หิมะถล่ม) ในปีเดียวกันนี้ 8321 เมตรปรับแรงในห้างหุ้นส่วนจำกัดปี ค.ศ. 1924 จอร์จมัลลอรี (จอร์จมัลลอ) และแอนดรูเออร์ไวน์ (แอนดรูเออร์) ตัดสินใจเดินทางขึ้นสู่ยอดเขา วันที่ 8 มิถุนายนเวลา 12.50 น นักเดินทางคนอื่น ๆ เห็นทั้งสอง อยู่ไม่ไกลจากยอดเขาจากนั้นมีเมฆลอยมาปกคลุมและไม่มีใครเห็นทั้งสองคนนี้อีกเลยในปี ค.ศ. 1979 หวังฮงเป่า (วัง Hongbao) ค.ศ. 1975 และนั่นน่าจะเป็นศพของเออ ร์ไวน์ ในปี ค.ศ. 1999 คณะเดินทางวิจัยมัลลอรี - เออร์ไวน์ (มัลลอเออร์และการวิจัยการเดินทาง) ได้พบศพของมัลลอ รีใกล้แคมป์จีนเก่าส่วนศพของเออร์ไวน์นั้นแม้จะมีการค้นหาอย่างหนักหน่วงในปี ค.ศ. 2004 ไปถึงหัวเรื่อง: การยอดเขาก็ไม่ใช่เรื่องลำบากเพราะไม่มีอุปสรรคใหญ่ใด ๆ อีกแล้วในห้างหุ้นส่วนจำกัดระยะแรก แต่เส้นทางนี้ได้ปิดตัวลงใน ปี ค.ศ. 1950 หลังจากประเทศจีนเข้ายึดครองทิเบตในขณะ ที่ประเทศเนปาล ค.ศ. 1949 ในปี ค.ศ. 1951 ค.ศ. 1952 คณะเดินทางจากประเทศสวิตเซอร์ แลนด์พยายามขึ้นสู่ยอดเขาจากทางด้านใต้ ซึ่งทีมของเรย์มอนด์แล มเบิร์ต (เรย์มอนด์แลมเบิร์) และเทนซิงนอร์ เกเกือบจะขึ้นสู่ยอดเขาได้ 200 เมตรเท่านั้นในฤดูใบไม้ร่วงปีเดียวกัน ค.ศ. 1953 คณะเดินทางจากอังกฤษนำทีมโดยจอ ห์นฮันต์ (จอห์นฮันท์) ได้กลับมาที่ประเทศเนปาล เมื่อคณะเดินทางไต่ขึ้นใกล้ยอดเขา จอห์นฮันต์ แต่นักปีนเขาคู่นี้อ่อน แรงเสียก่อนและไม่สามารถขึ้นไปสู่ยอดเขาได้ในวันถัดมาจอห์นฮันต์เลือกนักปีนเขาอีกคู่หนึ่งคือเอดมันด์ฮิลลารีชาวนิวซีแลนด์และ เทียนซิงนอร์เกชาว เชอร์ปาร์ เมื่อเวลา 11.30 น ตามเวลาท้องถิ่นของวันที่ 29 พฤษภาคม ค.ศ. 1953 ที่ยอดเขาทั้งสองได้หยุดพัก ถ่ายรูปรวมทั้งฝังลูกอมและไม้กางเขนเล็ก ๆ 2 ขึ้นครองราชย์และหลังจากที่เอ็ดมัน ด์ฮิลลารีและจอห์นฮันต์กลับมายังกาฐมัณฑุ นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1953 เป็นต้นมา ดังนี้มีในห้างหุ้นส่วนจำกัดปี ค.ศ. 1960 วันที่ 25 พฤษภาคม ค.ศ. 1963 วันที่ 22 พฤษภาคมทอมฮอร์นเบียนและ วิลลีอันโซลด์ชาวอเมริกัน ค้างคืนที่ระดับความสูง 8,400 เมตร ค.ศ. 1965 วันที่ 20 พฤษภาคมนาวางกมบุ (Nawang Gombu) ชาวเชอร์ปา ค.ศ. 1975 วันที่ 16 พฤษภาคมจุนโกะตาเบอิ (Nawang Gombu) ชาวญี่ปุ่น ค.ศ. 1978 ไรน์โฮลด์เมสเนอ ร์ (โฮลด์เมสเนอร์) (โฮลด์เมสเนอร์) ชาวอิตาลีและปีเตอร์ฮาเบเลอ ร์ (ปีเตอร์ Habeler) (ปีเตอร์ Habeler) ชาวออสเตรีย (ออกซิเจนถัง) ในปี ค.ศ. 1980 ไรน์โฮลด์เมสเนอ ร์ (โฮลด์เมสเนอร์) ค.ศ. 1996 15 คน โดยในวันที่ 10 พฤษภาคม 8 คนในจำนวนนี้รวมถึงร็อบ ฮอลล์ (ร็อบฮอลล์) และสก็อตฟิชเชอ ร์ (สกอตต์ฟิสเชอร์) อย่างไรก็ตาม คือจอนคราเคอร์ (จอน Krakauer) และเบคเวเธอร์ส (เบ็คฤดูกาล) โดยจอนคราเคอร์เขียนหนังสือ Into Thin Air และกลายเป็นหนังสือขายดี (ขายดี) ในเวลาต่อมาส่วนเบคเว เธอร์สออกหนังสือชื่อ ทิ้งให้ตายในปีเดียวกันนั้นเองที่เดวิดเบ รเชียร์สนักปี นเขาและนักถ่ายทำภาพยนตร์ (อำนวยการสร้างภาพยนตร์) 10 พฤษภานอกจากนี้คณะของเบรเชียร์ สยังมีจัมลิงเทนซิงนอร์เกย์ (Jamling เทนซิงนอร์เก) ซึ่งเป็นลูก

















การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
การพิชิตยอดเขา20 ประวัติการเดินทางขึ้นสู่ยอดเขาเอเวอเรสต์เริ่มขึ้นในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่สามารถค . ศ . 1921 คณะเดินทาง ( การเดินทาง ) จากอังกฤษคณะแรกได้เดินทางมาเพื่อสำรวจหาเส้นทางการข้ามธารน้ำแข็งรงบุก ( รองบักธารน้ำแข็ง ) โดยเดินทางขึ้นเขาจากจีนทิเบตทางทิศเหนือเนื่องจากในขณะนั้นเนปาลทางทิศใต้ยังคงปิดประเทศอยู่สามารถค . ศ . 1922 นักปีนเขาชาวเชอร์ปาเจ็ดคนเสียชีวิตจากหิมะถล่ม ( ถล่ม ) นับเป็นครั้งแรกของการเสียชีวิตบนยอดเขาเอเวอเรสต์ที่ถูกบันทึกไว้ในปีเดียวกันนี้คณะเดินทางจากอังกฤษคณะที่สองได้ไต่ขึ้นสู่ระดับความสูง 8321 เมตรสามารถค . ศ . 1924 คณะเดินทางจากอังกฤษคณะที่สามเดินทางเข้าใกล้ยอดเขาเอเวอเรสต์เมโยมัลลอรี ( George Mallory ) และแอนดรูเออร์ไวน์ ( Andrew Irvine ) ตัดสินใจเดินทางขึ้นสู่ยอดเขาการเดินทางของเขาทั้งสองในครั้งนี้เป็นการเดินทางที่ไม่มีวันหวนกลับวันที่ 8 มิถุนายนเวลา 12.50 น . นักเดินทางคนอื่นจะเห็นทั้งสองอยู่ไม่ไกลจากยอดเขาจากนั้นมีเมฆลอยมาปกคลุมและไม่มีใครเห็นทั้งสองคนนี้อีกเลยสามารถค . ศ . 1979 หวังฮงเป่า ( วัง Hongbao ) นักปีนเขาชาวจีนบอกกับเพื่อนร่วมทางว่าเขาพบศพศพหนึ่งในปีค . ศ . 1975 และนั่นน่าจะเป็นศพของเออร์ไวน์แต่โชคไม่ดีที่หวังฮงเป่าตกเขาเสียชีวิตไปก่อนที่จะได้บอกอะไรเพิ่มเติมสามารถค . ศ . 1999 คณะเดินทางวิจัยมัลลอรี - เออร์ไวน์ ( Mallory เร่งวิจัยและเออร์ไวน์ ) ได้พบศพของมัลลอรีใกล้แคมป์จีนเก่าส่วนศพของเออร์ไวน์นั้นแม้จะมีการค้นหาอย่างหนักหน่วงในปีค . ศ . 2004 แต่ก็ยังไม่พบเป็นที่ถกเถียงกันในหมู่นักปีนเขาว่ามัลลอรีและเออร์ไวน์ได้พิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์แล้วหรือไม่นักปีนเขาส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่ามัลลอรีและเออร์ไวน์ได้ไปถึงยอดเขาเอเวอเรสต์เนื่องจากไม่มีหลักฐานว่าทั้งคู่ได้ไปถึงหินขั้นที่สอง ( การไปถึงยอดเขาเอเวอเรสต์จากทางด้านเห นือต้องผ่านหินสามขั้น ) แต่นักปีนเขาทั้งหลายเชื่อว่าถ้าทั้งคู่ผ่านตรงนี้ไปได้การไปถึงยอดเขาก็ไม่ใช่เรื่องลำบากเพราะไม่มีอุปสรรคใหญ่ใดๆอีกแล้วในระยะแรกการเดินทางขึ้นสู่ยอดเขาใช้เส้นทางด้านเหนือจากดินแดนจีนทิเบตแต่เส้นทางนี้ได้ปิดตัวลงในปีค . ศ . 1950 หลังจากประเทศจีนเข้ายึดค
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: