Although cheese is a vital source o

Although cheese is a vital source of nutrition in many regions of the world and is extensively consumed in others, its use is not universal.

Cheese is rarely found in East Asian cuisines, presumably for historical reasons. However, East Asian sentiment against cheese is not universal. In Nepal the Dairy Development Corporation commercially manufactures cheese made from yak milk and is very popular with the country's population and the visiting tourists, also a very hard cheese made from either cow or yak milk knows as chhurpi is equally popular among the population. The national dish of Bhutan, ema datsi, is made from homemade yak or mare milk cheese and hot peppers. In Yunnan, China, several ethnic minority groups produce Rushan and Rubing from cow's milk.[citation needed] Cheese consumption is increasing in China, with annual sales more than doubling from 1996 to 2003 (to a still small 30 million U.S. dollars a year).[48] Certain kinds of Chinese preserved bean curd are sometimes misleadingly referred to in English as "Chinese cheese", because of their texture and strong flavor.

Strict followers of the dietary laws of Islam and Judaism must avoid cheeses made with rennet from animals not slaughtered in a manner adhering to halal or kosher laws.[49] Both faiths allow cheese made with vegetable-based rennet or with rennet made from animals that were processed in a halal or kosher manner. Many less orthodox Jews also believe that rennet undergoes enough processing to change its nature entirely and do not consider it to ever violate kosher law. (See Cheese and kashrut.) As cheese is a dairy food, under kosher rules it cannot be eaten in the same meal with any meat.

Rennet derived from animal slaughter, and thus cheese made with animal-derived rennet, is not vegetarian. Most widely available vegetarian cheeses are made using rennet produced by fermentation of the fungus Mucor miehei. Vegans and other dairy-avoiding vegetarians do not eat real cheese at all, but some vegetable-based cheese substitutes (usually soy-and almond-based) are available.

Even in cultures with long cheese traditions, it is not unusual to find people who perceive cheese—especially pungent-smelling or mold-bearing varieties such as Limburger or Roquefort—as unpalatable. Food-science writer Harold McGee proposes that cheese is such an acquired taste because it is produced through a process of controlled spoilage and many of the odor and flavor molecules in an aged cheese are the same found in rotten foods. He notes, "An aversion to the odor of decay has the obvious biological value of steering us away from possible food poisoning, so it is no wonder that an animal food that gives off whiffs of shoes and soil and the stable takes some getting used to."[50]

"The moon is made of a green cheese."

John Heywood, Proverbs.
Collecting cheese labels is called "tyrosemiophilia".[51]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

แม้ว่าชีเป็นแหล่งสำคัญของธาตุอาหารในหลายภูมิภาคของโลก และมีใช้อย่างกว้างขวางในผู้อื่น ใช้ไม่สากลชีสไม่ค่อยพบในอาหารเอเชียตะวันออก สันนิษฐานว่าเหตุผลทางประวัติศาสตร์ อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นของเอเชียตะวันออกกับชีไม่สากล ในเนปาล บริษัทพัฒนาโคนมผลิตชีสทำมาจากนมยักษ์ และเป็นที่นิยมมากกับประชากรของประเทศและนักท่องเที่ยวเยี่ยมชมในเชิงพาณิชย์ ยังชียากมากทำมาจากนมวัวหรือยาครู้เป็น chhurpi เป็นที่นิยมกันในหมู่ประชากร อาหารประจำชาติของภูฏาน ema datsi ทำจากบ้านยักษ์หรือแมร์ชีและพริก ในยูนนาน ประเทศจีน ชนกลุ่มน้อยหลายกลุ่มผลิต Rushan และ Rubing จากนมวัว [อ้างจำเป็น] การใช้ชีเพิ่มในจีน มียอดขายประจำปีมากกว่าสองเท่าจากปี 1996 2003 (ถึงตัวเล็กยังคง 30 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี) [48] บางชนิดเก็บเต้าหู้จีนจะ misleadingly บางครั้งเรียกว่าภาษาอังกฤษเป็น "จีนชี" จากเนื้อและรสติดตามที่เข้มงวดของกฎหมายอาหารอิสลามและยูดายต้องหลีกเลี่ยงทำ rennet จากสัตว์ไม่ฆ่าในลักษณะยึดมั่นในกฎหมายฮาลาล หรือเชอร์ชี [49] ชีสที่ทำจากผัก rennet หรือ rennet ที่ทำจากสัตว์ที่ถูกประมวลผลในลักษณะฮาลาล หรือเชอร์ทั้งสองศาสนาได้ น้อยชาวยิวดั้งเดิมหลายคนยังเชื่อว่า rennet ผ่านพอประมวลผลการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติทั้งหมด และทำไม่พิจารณาให้เคยละเมิดกฎหมายเชอร์ (ดูชีและ kashrut) เป็นชีสเป็นอาหารโคนม ภายใต้กฎเชอร์ที่ไม่รับประทานในมื้อเดียวกันกับเนื้อสัตว์Rennet จากฆ่าสัตว์ และชีสที่ทำกับสัตว์มา rennet ไม่เจ ชีเจมีมากจะทำโดยใช้ rennet ผลิต โดยการหมักกับเชื้อรา Mucor miehei อาหารเจและอาหารมังสวิรัติอื่น ๆ หลีกเลี่ยงนมไม่กินชีจริงทั้งหมด แต่แทนชีบางจากผัก (ถั่วเหลืองปกติ- และอัลมอนด์) มีการแม้ในวัฒนธรรมกับประเพณีชีนาน ไม่ผิดปกติเพื่อหาคนที่รู้ชี — โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลิ่นฉุน หรือ แบกแม่พิมพ์พันธุ์เช่น Limburger หรือ Roquefort — ปร่าเป็น วิทยาศาสตร์การอาหารเขียนแฮโรลด์ McGee เสนอว่า ชีเป็นรสซื้อที่ดังกล่าวเนื่องจากมีผลิต โดยการควบคุมการเน่าเสีย และโมเลกุลกลิ่นและรสชาติในการชีอายุหลายเหมือนกันที่พบในอาหารที่เน่าเสีย เขาจดบันทึก "มี aversion กับกลิ่นของการสลายตัวมีค่าทางชีวภาพชัดเจนของพวงเราห่างจากอาหารเป็นพิษได้ ดังนั้นมันจะไม่น่าแปลกใจที่เป็นอาหารสัตว์ที่ให้ปิด whiffs ของรองเท้าและดิน และมีเสถียรภาพใช้เวลาบางส่วนรับใช้" [50]"พระจันทร์ทำจากชีสสีเขียว"จอห์น Heywood สุภาษิตรวบรวมป้ายชีสเรียกว่า "tyrosemiophilia" [51]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

แม้ว่าชีสเป็นแหล่งสำคัญของสารอาหารในหลายภูมิภาคของโลกและมีการบริโภคอย่างกว้างขวางในคนอื่น ๆ การใช้งานไม่เป็นสากล. ชีสจะไม่ค่อยพบในอาหารเอเชียตะวันออกน่าจะด้วยเหตุผลทางประวัติศาสตร์ อย่างไรก็ตามความเชื่อมั่นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกกับชีสไม่เป็นสากล ในประเทศเนปาล บริษัท พัฒนาผลิตภัณฑ์นมในเชิงพาณิชย์ผลิตชีสที่ทำจากนมจามรีและเป็นที่นิยมมากกับประชากรของประเทศและนักท่องเที่ยวที่มาเยือนยังชีสยากมากที่ทำจากนมวัวหรือนมจามรีรู้เป็น chhurpi เป็นที่นิยมอย่างเท่าเทียมกันในหมู่ประชาชน อาหารประจำชาติของภูฏาน EMA datsi คือทำจากจามรีโฮมเมดหรือชีสนมเมียและพริกร้อน ในมณฑลยูนนานประเทศจีนหลายกลุ่มชนกลุ่มน้อยผลิต Rushan และ Rubing จากนมวัว. [อ้างจำเป็น] การบริโภคชีสจะเพิ่มขึ้นในประเทศจีนมียอดขายประจำปีมากกว่าสองเท่า 1996-2003 (ไปยังเล็ก 30 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี) . [48] บางชนิดจีนเต้าหู้เก็บรักษาไว้ถั่วบางครั้งจะทำให้เข้าใจผิดเรียกในภาษาอังกฤษว่า "ชีสจีน" เพราะเนื้อและรสชาติที่แข็งแกร่งของพวกเขา. ติดตามเข้มงวดของกฎหมายอาหารของศาสนาอิสลามและศาสนายิวต้องหลีกเลี่ยงชีสที่ทำด้วยวัวจากสัตว์ ไม่ฆ่าในลักษณะที่ยึดมั่นในกฎหมายฮาลาลหรือโคเชอร์ได้. [49] ทั้งสองศาสนาอนุญาตให้ทำด้วยชีสวัวผักที่ใช้หรือวัวที่ทำจากสัตว์ที่ถูกประมวลผลในลักษณะที่ฮาลาลหรือโคเชอร์ หลายคนยิวออร์โธดอกน้อยยังเชื่อว่าวัวผ่านการประมวลผลพอที่จะเปลี่ยนธรรมชาติของมันอย่างสิ้นเชิงและไม่คิดว่ามันจะเคยละเมิดกฎหมายเพียว (ดูชีสและเคแอล.) ในฐานะที่เป็นชีสเป็นอาหารนมภายใต้กฎระเบียบเพียว ๆ ก็ไม่สามารถนำมารับประทานในมื้อเดียวกันกับเนื้อสัตว์ใด ๆ . วัวมาจากการฆ่าสัตว์และทำให้ชีสทำกับวัวที่ได้จากสัตว์ไม่ได้เป็นมังสวิรัติ ส่วนใหญ่สามารถใช้ได้อย่างกว้างขวางชีสมังสวิรัติจะทำโดยใช้วัวที่ผลิตโดยการหมักเชื้อรา Mucor miehei หมิ่นประมาทและมังสวิรัตินมหลีกเลี่ยงการอื่น ๆ ไม่ได้กินชีสจริงที่ทุกคน แต่บางผักที่ใช้ทดแทนชีส (มักจะทำจากถั่วเหลืองและอัลมอนด์-based) ที่มีอยู่. แม้จะอยู่ในวัฒนธรรมประเพณีชีสยาวก็ไม่แปลกที่จะหาคนที่ รับรู้พันธุ์ชีสโดยเฉพาะอย่างยิ่งฉุนกลิ่นหรือแม่พิมพ์แบริ่งเช่นลิมหรือ Roquefort-AS ไม่อร่อย นักเขียนอาหารวิทยาศาสตร์ฮาโรลด์ McGee แนะว่าเป็นเช่นชีสรสชาติที่ได้มาเพราะมันเป็นที่ผลิตผ่านกระบวนการของการเน่าเสียการควบคุมและหลายกลิ่นและรสชาติโมเลกุลในชีสอายุเหมือนกันที่พบในอาหารที่เน่าเสีย เขาตั้งข้อสังเกต "ความเกลียดชังให้กลิ่นของการสลายตัวมีคุณค่าทางชีวภาพที่ชัดเจนของพวงมาลัยเราออกไปจากอาหารเป็นพิษที่เป็นไปได้ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจว่าอาหารสัตว์ที่ให้ปิด whiffs ของรองเท้าและดินและมีเสถียรภาพจะใช้เวลาบางส่วนรับใช้ . "[50] " ดวงจันทร์ทำจากชีสสีเขียว. " จอห์นเฮย์วู้ดสุภาษิต. การจัดเก็บภาษีป้ายชีสที่เรียกว่า" tyrosemiophilia ". [51]