Arbuscular mycorrhizal fungi (AMF)

Arbuscular mycorrhizal fungi (AMF) are considered to play a pivotal role in organic farming systems as they are known to enhance plant phosphorus (P) uptake from soils low in plant-available P. However, the structure and therefore function of AMF communities may be altered depending on environment and management conditions. Polymerase chain reaction-denaturing gradient gel electrophoresis (PCR-DGGE) and quantitative real-time PCR (qPCR) were used to explore AMF community structure in soils from perennial forages (Medicago sativa—Phleum pratense) on three pairs of long-term (>20 yr) organic and conventional dairy farm soils in Ontario, Canada. There were no significant differences in DGGE band numbers (indicative of species richness) among organic and conventionally managed soils. Analysis of Similarity revealed significant differences in AMF community composition with both farming system management and farm pair location having significant effects (R = 0.71 and 0.91, respectively, P < 0.0001 for both). Real-time qPCR indicated greater abundance of Funneliformis mosseae under conventional management (P = 0.036), while organic management tended to support greater abundance of Claroideoglomus claroideum (P = 0.067). Such a compositional shift in AMF communities could have consequences for the growth and P-use efficiency of their host. The results of this study highlight that the structure of AMF community assemblages are co-determined by both local environmental conditions and farming system management, and importantly, demonstrate for the first time differences between organic and conventional management in dairy farm soils from mixed perennial forages.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

Arbuscular เชื้อรา (AMF) จะถือว่ามีบทบาทสำคัญในระบบเกษตรอินทรีย์ที่พวกเขาเป็นที่รู้จักกันเพื่อเพิ่มพืชฟอสฟอรัส (P) การดูดซึมจากดินที่ต่ำในโรงงานที่มีอยู่พีอย่างไรก็ตามโครงสร้างและดังนั้นจึงฟังก์ชั่นของชุมชน AMF อาจจะ มีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและสภาพการจัดการ Polymerase Chain Reaction-denaturing ข่าวคราวการไล่ระดับสี (PCR-DGGE) และเชิงปริมาณแบบ real-time PCR (qPCR) ถูกนำมาใช้ในการสำรวจโครงสร้างชุมชน AMF ในดินจากจำนงยืนต้น (Medicago sativa-Phleum pratense) ในวันที่สามคู่ในระยะยาว (> 20 ปี) นมอินทรีย์และดินฟาร์มในแคนาดา ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญใน DGGE ตัวเลขวง (ที่บ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ของสปีชีส์) ในหมู่อินทรีย์และการจัดการดินที่อยู่ตามอัตภาพ การวิเคราะห์ความคล้ายคลึงกันเปิดเผยความแตกต่างในองค์ประกอบชุมชนสารเลวที่มีทั้งการจัดการระบบการเลี้ยงและสถานที่ตั้งของฟาร์มคู่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ (R = 0.71 และ 0.91 ตามลำดับ p <0.0001 สำหรับทั้งสอง) qPCR แบบ Real-time ชี้ให้เห็นความอุดมสมบูรณ์มากขึ้นของ Funneliformis mosseae ภายใต้การจัดการทั่วไป (P = 0.036) ในขณะที่การจัดการอินทรีย์มีแนวโน้มที่จะสนับสนุนความอุดมสมบูรณ์มากขึ้นของ Claroideoglomus claroideum (P = 0.067) การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว compositional ในชุมชน AMF อาจมีผลกระทบสำหรับการเจริญเติบโตและประสิทธิภาพการใช้งาน P-ของโฮสต์ของพวกเขา ผลที่ได้จากการศึกษาครั้งนี้ไฮไลท์ว่าโครงสร้างของประชาคมชุมชน AMF จะร่วมกำหนดโดยสภาพแวดล้อมทั้งในระดับท้องถิ่นและการจัดการระบบการเลี้ยงและที่สำคัญแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างสำหรับครั้งแรกระหว่างการจัดการอินทรีย์และในดินจากฟาร์มโคนมจำนงยืนต้นผสม

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

น้ำเชื้อราไมโคไรซา ( AMF ) ถือว่ามีบทบาทสำคัญในระบบเกษตรอินทรีย์เช่นที่พวกเขาเป็นที่รู้จักกันเพื่อเพิ่มธาตุอาหารพืชฟอสฟอรัส ( P ) จากดินต่ำในโรงงานของพี แต่โครงสร้างและฟังก์ชันของชุมชน AMF อาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและเงื่อนไขการจัดการการใช้ปฏิกิริยาลูกโซ่โพลีเมอเรสี่ลาด gel electrophoresis ( ดีเอ็นเอ 9 แถบบ่งชี้ ) และเชิงปริมาณ ( qpcr PCR แบบเรียลไทม์ ) ถูกใช้เพื่อสำรวจโครงสร้างชุมชน AMF ในดินจากไม้ยืนต้นค้นหา ( MEDICAGO , หญ้าธิโมเท ) สามคู่ระยะยาว ( 20 ปี ) ฟาร์มโคนมอินทรีย์และดินใน Ontario , แคนาดาไม่พบความแตกต่างในตัวเลขวงดนตรีการทดลอง ( บ่งบอกถึงความร่ำรวยของชนิดของอินทรีย์ และการจัดการโดยดิน การวิเคราะห์ความแตกต่างในความเหมือน เปิดเผยว่าการชุมชนองค์ประกอบทั้งระบบการจัดการฟาร์มและฟาร์มอยู่คู่มีความสัมพันธ์ ( r = 0.71 และ 0.91 ตามลำดับ , p < 0.0001 ทั้งสอง )qpcr เวลาจริงแสดงความอุดมสมบูรณ์มากกว่าของ funneliformis mosseae ภายใต้การจัดการแบบเดิม ( p = 0.036 ) ในขณะที่การจัดการเกษตรอินทรีย์มีแนวโน้มที่จะสนับสนุนความอุดมสมบูรณ์มากกว่าของ claroideoglomus claroideum ( P = 0.067 ) เช่นส่วนประกอบไรกะในชุมชนอาจมีผลกระทบต่อการเจริญเติบโตและประสิทธิภาพ p-use ของโฮสต์ของพวกเขาผลของการศึกษานี้เน้นที่โครงสร้างของชุมชนร่วมกำหนดโดยมีไรทะเลของทะเลทั้งสภาพแวดล้อมและการเลี้ยง การจัดการระบบ และที่สำคัญ แสดงให้เห็นเป็นครั้งแรกความแตกต่างระหว่างอินทรีย์และการจัดการทั่วไปในฟาร์มโคนมผสมดินจากไม้ยืนต้น
ค้นหา .