The removing of the PPP party was a

The removing of the PPP party was a “judicial coup” and the installation of Prachatipat was a “silent coup” against the Thaksin proxy government performed by the courts and the Royal Thai Army respectively (Rojanaphruk, 2008).
Therefore, shortly after Prime Minister Abhisit took office, the red shirt protesters began their full scale protest at the government house in April 2009. During the political rally, the exiled Thaksin announced via a long distance video broadcast from Dubai that former Prime Minister General Prem Tinsulanonda, the president of King’s privy council, was behind the “silent coup” against his brother-in-law’s government as well as the mastermind behind the 2006 military operations to remove his government (Bell, 2009). Consequently, the aim of the UDD’s protest was to demolish the so called “Amatayatipatai”, or the noble elites who control the country behind the scene. The red shirts also called for Abhisit to resign, the dissolution of parliament and a new round of free and fair elections.
On the other side, the yellow shirts protest movement was transformed into a new political party. The PAD’s leaders jointly founded the New Politics Party (NPP), which shared the same political ideology with the yellow shirts movement. The NPP proposed a controversial political reform plan to clean up Thai politics. The Thai ‘new politics’ under the NPP’s proposal was to create a new kind of national assembly in which only 30% of the MPs are directly elected by the people, while the other 70% are appointed. The PAD’s initiative was seen by international media as non-democratic and tending toward fascism (Somasundrum, 2008).
During the East Asia summit held in Pataya, the seaside resort city not far from Bangkok, UDD demonstrators broke into the conference building and forced the summit to be cancelled. Prime Minister Abhisit imposed a state of emergency in Pataya city and evacuated the Asian nation leaders out of the chaotic area via airlift (BBC, 2009b). The red shirts also violently attacked the prime minister’s vehicle when he was trying to leave the venue. In the meantime, the red shirt leaders declared their victory and asked the protesters to return to the main gathering in Bangkok.
Throughout the time of the traditional Thai New Year long weekend, 100,000 red shirts assembled at Government House and the Royal Grand Field in Bangkok’s old town. The Abhisit government announced a state of emergency in Bangkok and ordered the troops to surround the protest areas. As a result, two people died and more than 100 red shirts were injured from the clash. As revealed by Human Rights Watch, the red shirts initiated an attack on Thai soldiers with guns, explosive materials, slingshots and rocks (Bell, 2009). However, some international media hinted that the use of violent means to deal with the protesters was a serious mistake for Abhisit government (Abuza, 2009). In the early morning of the Thai New Year day (13 April), Thai soldiers used tear gas to disperse the red shirt protesters in central Bangkok. The next day, thousands of troops moved to clear the red shirt demonstrators from around the government building. The red shirt leaders decided to end the rally but vowed to go on with the anti-government campaign (BBC, 2009a).
During the months of March and May 2010, the red shirt protest activities intensified after the Thai Supreme Court announced the seizure of Thaksin’s assets. Most red shirt protesters from the north and north-eastern provinces of Thailand continuously travelled to join their fellows in Bangkok despite attempted roadblocks conducted by the authority. The UDD’s protest at the old town district of the Thai capital went on peacefully with the call for the resignation of the premier. Then in April 2010, the red shirt leaders decided to move their protest to Bangkok’s luxurious, tourist-attractive Downtown area. At this time, the government imposed a state of emergency and sent the troops in to crack down on the red shirt gathering.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เอาพรรค PPP "รัฐประหารยุติธรรม" และการติดตั้งของประชาธิปัตย์ "รัฐประหารเงียบ" ต่อต้านทักษิณพร็อกซีรัฐบาลดำเนินการ โดยศาลและทหารบกตามลำดับ (Rojanaphruk, 2008) ดังนั้น ในไม่ช้าหลังจากที่นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์เอา office ผู้ชุมนุมเสื้อแดงเริ่มประท้วงเต็มอัตราที่ทำเนียบรัฐบาลในเดือน 2552 เมษายน ในระหว่างการชุมนุมทางการเมือง การเนรเทศประกาศผลออกอากาศวิดีโอไกลจากดูไบว่าอดีตทั่วไปนายกรัฐมนตรีเปรมติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีของกษัตริย์ ทักษิณอยู่เบื้องหลัง "ปฏิวัติเงียบ" กับเขาพี่ชายในกฎหมายของรัฐบาลรวมทั้งบงการอยู่เบื้องหลังการดำเนินงานทางทหาร 2006 การลบรัฐบาลของเขา (Bell, 2009) ดังนั้น จุดมุ่งหมายของการประท้วงของนปช.คือการ รื้อถอนที่เรียกว่า "Amatayatipatai" หรือชั้นนำโนเบิลที่ควบคุมประเทศเบื้องหลังการถ่าย เสื้อแดงยังเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ต้องลาออก ยุบสภาและรอบใหม่ของการเลือกตั้งที่เสรี และเป็นธรรมในด้านอื่น ๆ การเคลื่อนไหวประท้วงถูกแปรสภาพเป็นพรรคการเมืองใหม่เสื้อเหลือง ผู้นำของแผ่นร่วมกันก่อตั้งขึ้นใหม่การเมืองบุคคล (NPP), ซึ่งร่วมอุดมการณ์ทางการเมืองเดียวกันกับการเคลื่อนไหวของเสื้อเหลือง NPP การเสนอแผนการปฏิรูปการเมืองที่ขัดแย้งการเมืองไทย ไทย 'การเมืองใหม่' ภายใต้ข้อเสนอของ NPP คือการ สร้างตัวใหม่ประเภทของรัฐสภาซึ่งเพียง 30% ของ MPs อยู่โดยตรงได้รับเลือกตั้ง โดยคน ในขณะที่มีการแต่งตั้ง 70% แผ่นการริเริ่มถูกมอง โดยสื่อนานาชาติเป็นประชาธิปไตย และพุ่งเข้าหาตน (Somasundrum, 2008) ในระหว่างการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออกในซอย เมืองรีสอร์ทริมทะเลไม่ไกลจากกรุงเทพมหานคร นปช.ผู้ประท้วงบุกเข้าไปในอาคารจัดการประชุม และบังคับซัมมิทต้องยกเลิก นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์กำหนดภาวะฉุกเฉินในเมืองซอย และอพยพผู้นำประเทศเอเชียโรงแรมวุ่นวายผ่าน airlift (บีบีซี 2009b) เสื้อแดงอย่างรุนแรงยังโจมตียานพาหนะของนายกรัฐมนตรีเมื่อเขาพยายามที่ออกจากสถาน ในระหว่างนี้ ผู้นำเสื้อแดงประกาศชัยชนะ และขอประท้วงกลับไปรวบรวมหลักในกรุงเทพมหานครตลอดเวลาของวันหยุดยาวปีใหม่ไทยแบบดั้งเดิม เสื้อแดง 100,000 ประกอบที่ทำเนียบรัฐบาลและรอยัลแกรนด์ฟิลด์ในเมืองเก่าของกรุงเทพฯ รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ประกาศภาวะฉุกเฉินในกรุงเทพมหานคร และสั่งทหารล้อมรอบพื้นที่ชุมนุม เป็นผล สองคนเสียชีวิต และเสื้อแดงมากกว่า 100 ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะกัน ตามที่เปิดเผย โดยสิทธิมนุษยชน เสื้อแดงเริ่มโจมตีทหารไทยด้วยปืน วัตถุระเบิด หนังสติ๊กและก้อนหิน (Bell, 2009) อย่างไรก็ตาม บางสื่อนานาชาตินัยว่า การใช้ความรุนแรงเพื่อจัดการกับผู้ประท้วงเป็นความผิดพลาดรัฐบาลอภิสิทธิ์ (Abuza, 2009) ในเช้าของวันปีใหม่ไทย (13 เมษายน), ทหารใช้แก๊สน้ำตาเพื่อสลายผู้ประท้วงเสื้อแดงในกรุงเทพฯ ในวันถัดไป พันทหารย้ายไปล้างผู้ประท้วงเสื้อแดงจากรอบอาคารรัฐบาล ผู้นำเสื้อแดงตัดสินใจที่จะยุติการชุมนุม แต่สาบานว่า จะไปกับแคมเปญต่อต้านรัฐบาล (บีบีซี, (2009a))กิจกรรมเสื้อแดงประท้วงรุนแรงในช่วงเดือนมีนาคมถึง 2553 พฤษภาคม หลังศาลฎีกาประกาศการจับกุมของทักษิณ กลุ่มคนเสื้อแดงส่วนใหญ่จากภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือเดินทางเข้าร่วมเพื่อนของพวกเขาในกรุงเทพฯ แม้ มีอุปสรรคที่พยายามดำเนินการ โดยหน่วยงานอย่างต่อเนื่อง การประท้วงของนปช.ที่อำเภอเมืองเก่าของหลวงไปสงบกับการเรียกร้องการลาออกของนายกรัฐมนตรี จากนั้น ในเดือน 2553 เมษายน ผู้นำเสื้อแดงตัดสินใจย้ายประท้วงของกรุงเทพฯ หรูหรา ท่องเที่ยวน่าสนใจดาวน์พื้นที่ ตอนนี้ รัฐบาลกำหนดสถานการณ์ฉุกเฉิน และส่งกองทหารในการถอดรหัสลงบนเสื้อสีแดงที่รวบรวม

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เอาของพรรค PPP เป็น "ตุลาการรัฐประหาร" และการติดตั้งประชาธิปัตย์เป็น "รัฐประหารเงียบ" กับพร็อกซี่รัฐบาลทักษิณดำเนินการโดยศาลและกองทัพบกตามลำดับ (Rojanaphruk 2008)
ดังนั้นไม่นานหลังจากที่นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์เอาสำนักงานผู้ประท้วงเสื้อแดงเริ่มการประท้วงของพวกเขาเต็มขนาดที่ทำเนียบรัฐบาลในเดือนเมษายน 2009 ในช่วงการชุมนุมทางการเมืองที่ถูกเนรเทศทักษิณประกาศผ่านทางวิดีโอออกอากาศทางไกลจากดูไบที่อดีตนายกรัฐมนตรีพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ประธานองคมนตรีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่อยู่เบื้องหลัง "เงียบรัฐประหาร" ต่อต้านรัฐบาลพี่ชายของเขาในกฎหมายเช่นเดียวกับผู้บงการอยู่เบื้องหลัง 2006 การปฏิบัติการทางทหารเพื่อเอารัฐบาลของเขา (เบลล์ 2009) ดังนั้นจุดมุ่งหมายของการประท้วงของนปชก็คือการรื้อถอนที่เรียกว่า "Amatayatipatai" หรือชนชั้นขุนนางที่ควบคุมประเทศที่อยู่เบื้องหลังฉาก คนเสื้อแดงที่เรียกว่านายอภิสิทธิ์จะลาออกยุบสภาและรอบใหม่ของการเลือกตั้งเสรีและเป็นธรรม
ในด้านอื่น ๆ การเคลื่อนไหวประท้วงเสื้อเหลืองก็กลายเป็นพรรคการเมืองใหม่ ผู้นำพันธมิตรฯ ร่วมกันก่อตั้งพรรคการเมืองใหม่ (เอ็นพีพี) ซึ่งใช้ร่วมกันอุดมการณ์ทางการเมืองเหมือนกันกับการเคลื่อนไหวของเสื้อเหลือง NPP เสนอแผนปฏิรูปความขัดแย้งทางการเมืองในการทำความสะอาดการเมืองไทย ไทย 'การเมืองใหม่' ภายใต้ข้อเสนอของเอ็นพีพีคือการสร้างรูปแบบใหม่ของสมัชชาแห่งชาติซึ่งมีเพียง 30% ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้รับการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชนในขณะที่อีก 70% ได้รับการแต่งตั้ง ความคิดริเริ่มของพันธมิตรฯ ก็เห็นสื่อต่างประเทศที่ไม่ใช่ประชาธิปไตยและพุ่งไปสู่ลัทธิฟาสซิสต์ (Somasundrum 2008)
ระหว่างการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออกที่จัดขึ้นในพัทยา, เมืองริมทะเลรีสอร์ทอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯประท้วงนปชบุกเข้าไปในอาคารประชุมและบังคับประชุมสุดยอดจะต้องถูกยกเลิก นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์กำหนดภาวะฉุกเฉินในเมืองพัทยาและอพยพผู้นำประเทศเอเชียออกจากพื้นที่วุ่นวายผ่านการขนส่งทางอากาศ (บีบีซี, 2009b) เสื้อแดงยังรุนแรงโจมตีรถของนายกรัฐมนตรีเมื่อเขากำลังพยายามที่จะออกจากสถานที่จัดงาน ในขณะเดียวกันผู้นำเสื้อแดงประกาศชัยชนะของพวกเขาและขอให้ผู้ชุมนุมที่จะกลับไปชุมนุมที่หลักในกรุงเทพฯ
ตลอดเวลาของการแบบดั้งเดิมปีใหม่ไทยช่วงวันหยุดยาวที่ 100,000 คนเสื้อแดงรวมตัวกันที่ทำเนียบรัฐบาลและพระบรมมหาราชในเขตเมืองเก่าของกรุงเทพฯ รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในกรุงเทพฯและสั่งให้ทหารไปล้อมรอบพื้นที่ประท้วง เป็นผลให้ทั้งสองคนเสียชีวิตกว่า 100 คนเสื้อแดงที่ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะกัน ในฐานะที่เปิดเผยโดยสิทธิมนุษยชน, คนเสื้อแดงเริ่มโจมตีทหารไทยด้วยปืนวัตถุระเบิด, หนังสติ๊กและก้อนหิน (เบลล์ 2009) แต่บางสื่อต่างประเทศส่อเค้าว่าการใช้วิธีการรุนแรงในการจัดการกับผู้ชุมนุมประท้วงเป็นความผิดพลาดที่ร้ายแรงสำหรับรัฐบาลอภิสิทธิ์ (Abuza 2009) ในช่วงเช้าของวันปีใหม่ไทย (13 เมษายน) ทหารไทยใช้แก๊สน้ำตาในการสลายกลุ่มผู้ประท้วงเสื้อแดงในใจกลางกรุงเทพฯ ในวันถัดไปนับพันของทหารย้ายไปล้างผู้ประท้วงเสื้อแดงจากทั่วอาคารรัฐบาล ผู้นำเสื้อแดงตัดสินใจยุติการชุมนุม แต่สาบานว่าจะไปกับการรณรงค์ต่อต้านรัฐบาล (บีบีซี, 2009a)
ในช่วงเดือนมีนาคมและพฤษภาคม 2010 กิจกรรมการประท้วงเสื้อแดงรุนแรงขึ้นหลังจากที่ไทยศาลฎีกาประกาศยึดทรัพย์ของทักษิณ ส่วนใหญ่ผู้ประท้วงเสื้อแดงจากภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือจังหวัดของประเทศไทยอย่างต่อเนื่องได้เดินทางไปเข้าร่วมทุนในกรุงเทพฯแม้จะมีอุปสรรคในความพยายามที่ดำเนินการโดยผู้มีอำนาจ การประท้วงของกลุ่มนปชที่ย่านเมืองเก่าของเมืองหลวงของไทยไปในอย่างสงบสุขกับการเรียกร้องให้ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จากนั้นในเดือนเมษายน 2010 ผู้นำเสื้อแดงตัดสินใจที่จะย้ายการประท้วงของพวกเขาถึงความหรูหราและการท่องเที่ยวที่น่าสนใจในพื้นที่ย่านดาวน์ทาวน์ของกรุงเทพฯ ในช่วงเวลานี้รัฐบาลกำหนดภาวะฉุกเฉินและส่งกองกำลังในการปราบปรามการชุมนุมเสื้อแดง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การเอาของพรรคพลังประชาชนพรรคเป็น " ตุลาการรัฐประหาร " และการติดตั้งของประชาธิปัตย์คือ " รัฐประหาร " เงียบกับทักษิณมอบฉันทะรัฐบาลดำเนินการโดยศาลและกองทัพบกตามลำดับ ( rojanaphruk , 2008 )ดังนั้น หลังจากนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์รับตำแหน่ง ประท้วงเสื้อแดงเริ่มชุมนุมเต็มขนาด ที่ทำเนียบรัฐบาล ในเดือนเมษายน 2552 ในช่วงการชุมนุมทางการเมือง เนรเทศ พ.ต.ท. ทักษิณ ประกาศผ่านระยะทางยาววิดีโอออกอากาศจากดูไบว่า อดีตนายกฯ พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีของกษัตริย์ เป็นเบื้องหลังของ " รัฐประหาร " เงียบกับรัฐบาลน้องเขย รวมทั้งผู้อยู่เบื้องหลัง 2006 ปฏิบัติการทางทหารเพื่อเอารัฐบาลของเขา ( ระฆัง , 2552 ) . ดังนั้น เป้าหมายของ นปช. ประท้วงถูกรื้อเพื่อให้เรียกว่า " มาตยาธิปไตย " หรือขุนนางชนชั้นสูงที่ควบคุมประเทศที่อยู่เบื้องหลังฉาก เสื้อแดงยังเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ ลาออก ยุบสภา และ รอบใหม่ของการเลือกตั้งที่เสรีและยุติธรรมอีกด้านหนึ่ง เสื้อเหลืองชุมนุมก็แปรสภาพเป็นพรรคการเมืองพรรคใหม่ ของพันธมิตรฯ ผู้นำร่วมก่อตั้งพรรคการเมืองใหม่ ( NPP ) ซึ่งร่วมอุดมการณ์ทางการเมืองเดียวกันกับเสื้อเหลือง การเคลื่อนไหว ที่ NPP เสนอแผนปฏิรูปการเมืองขัดแย้งเพื่อล้างการเมืองไทย ไทย ' การเมือง ' ใหม่ภายใต้ข้อเสนอของ NPP คือการสร้างชนิดใหม่ของสมัชชาแห่งชาติที่เพียง 30 % ของ ส.ส. จะได้รับการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน ส่วนอีก 70% จะได้รับการแต่งตั้ง ความคิดริเริ่มของพันธมิตรฯ ก็เห็นสื่อต่างประเทศเป็นไม่ใช่ประชาธิปไตย และพุ่งต่อลัทธิฟาสซิสต์ ( somasundrum , 2008 )ในระหว่างการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออกที่จัดขึ้นที่พัทยา , รีสอร์ทริมทะเลในเมืองที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ผู้ชุมนุม นปช. บุกเข้าไปในอาคารประชุมและบังคับสุดยอดถูกยกเลิก นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์กำหนดสถานการณ์ฉุกเฉินในเมืองพัทยา และผู้นำชาติเอเชียอพยพออกจากพื้นที่วุ่นวายทางขนส่ง ( บีบีซี 2009b ) เสื้อแดงยังอาละวาดทำร้ายนายกรัฐมนตรีรถเมื่อเขาพยายามที่จะออกจากสถานที่ ในขณะเดียวกัน แกนนำเสื้อแดงประกาศชัยชนะของพวกเขาและถามผู้ชุมนุมกลับไปชุมนุมใหญ่ในกรุงเทพมหานครตลอดช่วงเวลาของแผนไทย ปีใหม่ วันหยุดยาว 100000 เสื้อแดงชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลและสนาม แกรนด์ รอยัล ในเขตเมืองเก่า รัฐบาลอภิสิทธิ์ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในกรุงเทพฯ และสั่งให้ทหารไปล้อมพื้นที่ประท้วง . เป็นผลให้ 2 คนเสียชีวิตและอีกกว่า 100 คนเสื้อแดงที่ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะ เปิดเผยว่าด้วยสิทธิมนุษยชน , คนเสื้อแดงเริ่มโจมตีทหารไทย กับ ปืน วัตถุระเบิด slingshots , และหิน ( ระฆัง , 2009 ) อย่างไรก็ตาม สื่อต่างประเทศบางส่วน hinted ว่าใช้ความรุนแรง วิธีที่จะจัดการกับผู้ประท้วงที่เป็นข้อผิดพลาดร้ายแรงสำหรับรัฐบาลอภิสิทธิ์ ( บูซา , 2009 ) ในตอนเช้าตรู่ของวันขึ้นปีใหม่ไทย ( 13 เมษายน ) ทหารไทยใช้แก๊สน้ำตาสลายผู้ประท้วงเสื้อแดงใจกลางกรุงเทพฯ วันต่อมา พันทหารย้ายไปเคลียร์ผู้ชุมนุมเสื้อแดงจากรอบอาคารรัฐบาล ผู้นำเสื้อแดงยุติการชุมนุม แต่สาบานไป ด้วยการรณรงค์ต่อต้านรัฐบาล ( บีบีซี 2009a )ระหว่างเดือนมีนาคม และพฤษภาคม 2553 เสื้อแดงประท้วงกิจกรรมอย่างเข้มข้นหลังจากศาลฎีกาประกาศยึดทรัพย์สินของทักษิณ แดงส่วนใหญ่เสื้อแนวจากเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดของประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เดินทางเพื่อเข้าร่วมเพื่อนในกรุงเทพฯ แม้จะพยายามปิดถนน โดยผู้มีอำนาจ ประท้วงของ นปช. ที่เมืองเก่าตำบลของทุนไทยไปอย่างสงบด้วยเรียกการลาออกของนายกรัฐมนตรี จากนั้นในเดือนเมษายน 2010 , แกนนําเสื้อแดงตัดสินใจย้ายการชุมนุมประท้วง ของกรุงเทพมหานครที่หรูหรา พื้นที่เมืองที่น่าสนใจท่องเที่ยว ในเวลานี้ รัฐบาลกำหนดสภาวะฉุกเฉิน และส่งทหารในการปราบปรามการชุมนุมเสื้อแดง