An eccentric mechanism, also called

An eccentric mechanism, also called a crank mechanism, is
used to transform rotary motion into reciprocating motion
and vice versa. It’s a vital part of almost every car’s engine,
transforming the linear movement of pistons into the rotation
of the driveshaft.
A typical eccentric mechanism consists of a disc and a
short beam that connects the disc to a pushrod. As the disc
rotates, the beam makes the pushrod move forward and
backward along a straight line, as shown in Figure 8-11.
Note that if the green pushrod is guided, it has only linear
motion. In this case, it is guided by the yellow Technic brick.
The distance the pushrod travels depends on the disc’s
diameter. The bigger the diameter, the longer the pushrod’s
travel distance. We can also provide rotational motion using
a shorter beam instead of a disc, as shown in Figure 8-12.
Here, the distance the pushrod travels depends on the length
of the shorter beam.
An eccentric mechanism can also be used to transform
rotary motion into rocking motion (that is, partial rotary
motion). This type of mechanism, shown in Figure 8-13,
has no pushrod; instead, it has a second disc that performs
a partial rotation back and forth. The range of its movement
depends on the relationship between the two discs’
circumferences, and we can adjust the degree of movement
by using different-sized discs. For this type of mechanism
to work, however, the diameter of the second disc has to be
larger than the diameter of the first disc, and the beam’s
length has to be larger than the first disc’s diameter.


Figure 8-12: An eccentric mechanism with a shorter beam instead of a disc

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

มีกลไกการหลุดโลก เรียกว่ากลไก crankใช้แปรสภาพเคลื่อนไหวโรตารี่คอมเพรสเซอร์แอร์ลูกสูบเคลื่อนไหวและในทางกลับกัน มันเป็นส่วนสำคัญของเครื่องยนต์ของรถเกือบทุกคันเปลี่ยนการเคลื่อนที่เชิงเส้นของลูกสูบในการหมุนของ driveshaftกลไกหลุดโลกโดยทั่วไปประกอบด้วยแผ่นดิสก์และเสาสั้นที่เชื่อมต่อดิสก์กับ pushrod เป็นดิสก์หมุน pushrod ที่ก้าวไปข้างหน้าทำให้คาน และย้อนหลังไปตามเส้นตรง ดังที่แสดงในรูปที่ 8-11โปรดสังเกตว่า ถ้าตัว pushrod เขียว มีเส้นเท่านั้นเคลื่อนไหว ในกรณีนี้ มันจะแนะนำ โดยอิฐเทคนิคสีเหลืองห่างจากที่พักเดินทาง pushrod ขึ้นอยู่กับของดิสก์เส้นผ่าศูนย์กลาง เส้นผ่าศูนย์กลางที่ใหญ่กว่า ของ pushrod อีกต่อไปเดินทางระยะทาง นอกจากนี้เรายังสามารถให้เคลื่อนไหวในการหมุนใช้สั้นลำแทนดิสก์ ดังที่แสดงในรูป 8-12ห่างจากที่พักเดินทาง pushrod ขึ้นอยู่กับความยาวที่นี่ของคานสั้นกลไกการหลุดโลกใช้ในการแปลงเคลื่อนไหวหมุนเป็นโยกเคลื่อนไหว (นั่นคือ บางส่วนโรตารีเคลื่อนไหว) ชนิดของกลไก แสดงในรูป 8-13มีไม่ pushrod แทน มีดิสก์ที่สองที่ทำการมีบางส่วนหมุนไปมา ช่วงของการเคลื่อนย้ายขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ระหว่างของดิสก์สองcircumferences และเราสามารถปรับองศาของการเคลื่อนไหวโดยการใช้ดิสก์ขนาดแตกต่างกัน กลไกชนิดนี้การทำงาน อย่างไรก็ตาม เส้นผ่าศูนย์กลางของแผ่นดิสก์ที่สองยังต้องมีขนาดใหญ่กว่าเส้นผ่าศูนย์กลางของดิสก์แรก และของคานมีความยาวจะมีขนาดใหญ่กว่าขนาดของแผ่นแรกรูป 8-12: การหลุดโลกกลไก ด้วยแสงสั้นแทนดิสก์

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

มีกลไกประหลาดที่เรียกว่าข้อเสือกลไก คือ ใช้ในการเปลี่ยนแบบเคลื่อนไหวเป็น

แบบเคลื่อนไหว และในทางกลับกัน มันเป็นส่วนสําคัญของรถเกือบทุกเครื่องยนต์
เปลี่ยนการเคลื่อนไหวของลูกสูบโดยตรงลงในการหมุนของวงไดรฟ์ ชาฟท์
.
เป็นนอกรีตกลไกประกอบด้วยแผ่นดิสก์และคานที่เชื่อมต่อกับดิสก์
สั้นเพื่อ pushrod . เป็นแผ่นดิสก์
หมุน the beam makes the pushrod move forward and
backward along a straight line, as shown in Figure 8-11.
Note that if the green pushrod is guided, it has only linear
motion. In this case, it is guided by the yellow Technic brick.
The distance the pushrod travels depends on the disc’s
diameter. The bigger the diameter, the longer the pushrod’s
travel distance.นอกจากนี้เรายังสามารถให้บริการเคลื่อนที่แบบหมุนโดยใช้
คานสั้นแทนของดิสก์ ดังแสดงในรูปที่ 8 .
ที่นี่ ระยะทาง pushrod เดินทางขึ้นอยู่กับความยาวของคานสั้น
.
กลไกเท่านั้น ยังสามารถใช้เพื่อแปลง
หมุนเคลื่อนไหวเข้าไปโยกเคลื่อนไหว ( คือบางส่วนหมุน
เคลื่อนไหว ) ของกลไกชนิดนี้ แสดงในรูปที่ 8-13
, ไม่มี pushrod แทน it has a second disc that performs
a partial rotation back and forth. The range of its movement
depends on the relationship between the two discs’
circumferences, and we can adjust the degree of movement
by using different-sized discs. For this type of mechanism
to work, however, the diameter of the second disc has to be
larger than the diameter of the first disc, and the beam’s
length has to be larger than the first disc’s diameter.


Figure 8-12: An eccentric mechanism with a shorter beam instead of a disc