สิทธิการทำแท้ง
“ผู้หญิงย่อมมีสิทธิตัดสินใจปัญหาของตัวเอง เพราะผลของการตัดสินใจย่อมกระทบต่อชีวิตของผู้หญิงโดยตรง การพัฒนาตัวอ่อนให้เจริญเติบโตจนคลอดออกมาเป็นคนนั้นเป็นภาระที่ผูกพันกันระหว่างแม่ลูก ผู้ที่ต้องรับภาระโดยตรงคือ แม่ ไม่ใช่คนอื่นในสังคม จึงสมควรอย่างยิ่งที่ผู้รับภาระนั้นจะเป็นฝ่าย
เลือกเองว่ายินยอมที่จะเข้ารับภาระนั้นๆ หรือไม่ การทำแท้ง: มุมมองที่แตกต่าง“สิทธิทำแท้งของผู้หญิงเป็นความไม่รับผิดชอบ คุณใช้สิทธิโดยไม่คิดว่าเด็กมีสิทธิที่จะเกิด การที่ผู้หญิงเรียกร้องที่จะใช้สิทธิ
ในร่างกาย คุณละลาบละล้วงสิทธิของคนอื่นหรือเปล่า คือสิทธิของทารกที่คุณจะไปฆ่าเขา นอกจากข้อถกเถียงในประเด็นจุดเริ่มของชีวิตมนุษย์ ประเด็นการถกเถียงที่สำ คัญอีกประการหนึ่งคือ สิทธิในการทำ แท้งควรเป็นของใครโดยเฉพาะระหว่างสิทธิของมารดาในการจัดการกับเนื้อตัวร่างกายของตนกับสิทธิของเด็กในการที่จะมีชีวิตรอด6 นี้จึงนำไปสู่การตั้งคำถามว่า การทำแท้งเป็นการทำลายสิทธิของเด็กในการที่จะมีชีวิตอยู่หรือไม่ หรือผู้หญิงที่ตั้งครรภ์มีสิทธิที่จะจัดการกับร่างกายของตนเองหรือไม่ สิทธิใดสำคัญกว่ากันกลุ่มนักต่อสู้ในเรื่องสิทธิมนุษยชนของผู้หญิงมองว่าสิทธิในการทำแท้งเป็นประเด็นสำคัญหนึ่งของการต่อสู้ เนื่องจากสิทธิในการทำแท้งเป็นหัวใจสำคัญของการที่ผู้หญิงจะมีอำนาจเหนือเนื้อตัวร่างกายตนเอง เป็นสิทธิในการควบคุมและตัดสินใจในฐานะที่ตนเป็นเจ้าของร่างกาย สิทธิในการทำแท้งเป็นประเด็นสิทธิที่ท้าทายกรอบคิดความเชื่อดั้งเดิมในเรื่องความเป็นแม่ของผู้หญิงที่มีอยู่ในสังคมมาอย่างยาวนาน และในขณะเดียวกันก็เป็นประเด็น
สิทธิมนุษยชนที่สังคมมองข้ามไปมากที่สุดในขณะที่ฝ่ายที่เรียกร้องสิทธิในการมีชีวิตรอดของทารกกลับมองว่า
สิทธิในชีวิตของมนุษย์เป็นสิ่งที่มีค่าสูงยิ่งในสังคม แม้คนคนหนึ่งมีสิทธิที่จะทำอะไรกับร่างกายของตนก็ได้ แต่สิทธินี้ไม่อาจลบล้างหรือมีความสำคัญกว่าสิทธิในชีวิตของทารกในครรภ์ได้ การปะทะกันระหว่างหลักการของสิทธิทั้งสองฝ่ายมาจากรากฐานที่แตกต่างกัน เพราะยึดถือค่านิยมและความเชื่อแตกต่างกันในส่วนนี้จึงเป็นการนำเสนอมุมมองต่อสิทธิการทำแท้งที่ต่างกน