Wat Pho is named after a monastery

Wat Pho is named after a monastery in India where Buddha is believed to have lived.[5] Prior to the temple's founding, the site was a centre of education for traditional Thai medicine, and statues were created showing yoga positions. An enormous Buddha image from Ayuthaya's Wat Phra Si Sanphet was destroyed by the Burmese in 1767; King Rama I (1782-1809 A.D.) incorporated its fragments to build a temple to enlarge and renovate the complex.[6] The complex underwent many changes in the next 260 years. Under King Rama III (1824-1851 A.D.), plaques inscribed with medical texts were placed around the temple.[7] These received recognition in the Memory of the World Programme launched by UNESCO on February 21, 2008.[8] Adjacent to the building housing the Reclining Buddha is a small raised garden, the centrepiece being a bodhi tree which is believed to have been propagated from the original tree in India where Buddha sat while awaiting enlightenment. The temple was created as a restoration of an earlier temple on the same site, Wat Phodharam, with the work beginning in 1788. The temple was restored and extended in the reign of King Rama III, and was restored again in 1982.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วัดโพธิ์ตั้งชื่ออารามในอินเดียที่พระเชื่อว่ามีชีวิตอยู่[5] ก่อนหน้าการก่อตั้งวัด เว็บไซต์คือ ศูนย์การศึกษาการแพทย์แผนไทย และรูปปั้นสร้างตำแหน่งแสดงโยคะ ดังพระพุทธรูปจากอยุธยาของวัดพระศรีสรรเพชญ์ถูกทำลาย โดยพม่าในปีพ.ศ. 2310 พระราม (1782-1809 A.D.) ฉันรวมบางส่วนของการสร้างวัดเพื่อขยาย และเงินก้อนซับซ้อน[6] คอมเพล็กซ์การเปลี่ยนแปลงมากมายใน 260 ปีถัดไป ภายใต้พระราม III (1824-1851 A.D.), plaques จารึก มีข้อความทางการแพทย์ถูกวางรอบวัด[7] เหล่านี้ได้รับรู้ในความทรงจำของโลกโปรแกรมเปิดตัวยูเนสโกบน 21 กุมภาพันธ์ 2008Adjacent [8] การอาคารที่อยู่อาศัยยกหย่อม แก่นกำลังโพธิ์ซึ่งเชื่อว่ามีการเผยแพร่จากต้นฉบับในอินเดียที่พระเสาร์ในขณะรอการตรัสรู้ เป็นพระนอน วัดถูกสร้างขึ้นเป็นคืนของวัดก่อนหน้าในไซต์เดียวกัน Wat Phodharam กับการเริ่มต้นทำงานใน 1788 มีบูรณะวัด และขยายในรัชกาลสมเด็จพระราม III และคืนกลับมาอีกครั้งในปี 1982

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

วัดโพธิ์ตั้งชื่อตามวัดในประเทศอินเดียที่ที่พระพุทธเจ้าเชื่อว่าจะยังมีชีวิตอยู่. [5] ก่อนที่จะมีการก่อตั้งวัด, เว็บไซต์เป็นศูนย์กลางของการศึกษาเพื่อการแพทย์แผน​​ไทยและรูปปั้นที่ถูกสร้างขึ้นแสดงให้เห็นตำแหน่งโยคะ พระพุทธรูปมหาศาลจากอยุธยาของวัดพระศรีสรรเพชญ์ที่ถูกทำลายจากพม่าในปี 1767; รัชกาลที่ (1782-1809 AD) นิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นชิ้นส่วนในการสร้างพระวิหารเพื่อขยายและปรับปรุงซับซ้อน. [6] ซับซ้อนเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ในอีก 260 ปี ภายใต้รัชกาลที่สาม (1824-1851 AD) โล่จารึกตำราแพทย์ถูกวางไว้รอบพระอุโบสถ. [7] เหล่านี้ได้รับการยอมรับที่ได้รับในมรดกความทรงจำแห่งโลกเปิดตัวโดยยูเนสโกเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2008 [8] ติดกับ การสร้างที่อยู่อาศัยพระพุทธไสยาสน์เป็นสวนเล็ก ๆ ยกขึ้นเป็นศูนย์กลางต้นโพธิ์ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับการขยายพันธุ์จากต้นเดิมในอินเดียที่ที่พระพุทธเจ้านั่งในขณะที่รอการตรัสรู้ วัดถูกสร้างขึ้นเป็นบูรณะวัดก่อนหน้านี้ในเว็บไซต์เดียวกันวัด Phodharam กับการทำงานที่เริ่มต้นใน 1788 วัดได้รับการบูรณะและขยายในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระและได้รับการบูรณะอีกครั้งในปี 1982

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

วัด โพธิ์ ตั้งชื่อวัดในอินเดียที่พระพุทธเจ้า เชื่อกันว่ามีอยู่ . [ 5 ] ก่อนวัดของผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ คือ ศูนย์บริการการศึกษาของการแพทย์แผนไทย และรูปปั้นที่ถูกสร้างขึ้นแสดงตำแหน่งโยคะ เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ จาก อยุธยา วัดพระศรีสรรเพชญ์ ถูกทำลายโดยชาวพม่าใน 1767 ; รัชกาลที่ ( 1782-1809 A.D .) รวมของชิ้นส่วนในการสร้างวัด เพื่อขยายและปรับปรุงซับซ้อน [ 6 ] ที่ซับซ้อนได้รับการเปลี่ยนแปลงมากมายในหน้า 260 ปี ภายใต้กษัตริย์พระราม 3 ( 1824-1851 AD ) , โล่สลักข้อความทางการแพทย์ถูกวางไว้รอบพระวิหาร [ 7 ] เหล่านี้ได้รับการยอมรับในแผนงานความทรงจำแห่งโลกของยูเนสโก โดยเปิดตัวในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2551[ 8 ] ที่อยู่ติดกับอาคารที่อยู่อาศัยพระนอนมีขนาดเล็กยกสวน คล้ายถูกต้นโพธิ์ซึ่งเชื่อว่าได้ถูกขยายพันธุ์จากต้นเดิมในอินเดียที่พระพุทธเจ้านั่งรอการตรัสรู้ วัดถูกสร้างขึ้นเป็นวัดบูรณะก่อนหน้านี้บนเว็บไซต์เดียวกัน วัด phodharam ด้วยเริ่มทำงานใน 1788 .วัดได้รับการบูรณะและขยายในรัชสมัยของรัชกาลที่ 3 และได้รับการบูรณะอีกครั้งในปี 1982