Natural pearls[edit]Natural pearls

Natural pearls[edit]
Natural pearls are nearly 100% calcium carbonate and conchiolin. It is thought that natural pearls form under a set of accidental conditions when a microscopic intruder or parasite enters a bivalve mollusk and settles inside the shell. The mollusk, irritated by the intruder, forms a pearl sac of external mantle tissue cells and secretes the calcium carbonate and conchiolin to cover the irritant. This secretion process is repeated many times, thus producing a pearl. Natural pearls come in many shapes, with perfectly round ones being comparatively rare.

Typically, the build-up of a natural pearl consists of a brown central zone formed by columnar calcium carbonate (usually calcite, sometimes columnar aragonite) and a yellowish to white outer zone consisting of nacre (tabular aragonite). In a pearl cross-section such as the diagram, these two different materials can be seen. The presence of columnar calcium carbonate rich in organic material indicates juvenile mantle tissue that formed during the early stage of pearl development. Displaced living cells with a well-defined task may continue to perform their function in their new location, often resulting in a cyst. Such displacement may occur via an injury. The fragile rim of the shell is exposed and is prone to damage and injury. Crabs, other predators and parasites such as worm larvae may produce traumatic attacks and cause injuries in which some external mantle tissue cells are disconnected from their layer.

Embedded in the conjunctive tissue of the mantle, these cells may survive and form a small pocket in which they continue to secrete calcium carbonate, their natural product. The pocket is called a pearl sac, and grows with time by cell division; in this way the pearl grows also. The juvenile mantle tissue cells, according to their stage of growth, secrete columnar calcium carbonate from pearl sac's inner surface. In time, the pearl sac's external mantle cells proceed to the formation of tabular aragonite. When the transition to nacre secretion occurs, the brown pebble becomes covered with a nacreous coating. During this process, the pearl sac seems to travel into the shell; however, the sac actually stays in its original relative position the mantle tissue while the shell itself grows. After a couple of years, a pearl forms and the shell may be found by a lucky pearl fisher.[6]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ไข่มุกธรรมชาติ [แก้ไข]ไข่มุกธรรมชาติเป็นเกือบ 100% แคลเซียมคาร์บอเนตและ conchiolin มันเป็นความคิดที่ฟอร์มไข่มุกธรรมชาติภายใต้ชุดของเงื่อนไขโดยไม่ตั้งใจเมื่อผู้บุกรุกด้วยกล้องจุลทรรศน์หรือปรสิตใส่เปลือก bivalve และชำระภายในเปลือก เปลือก ระคายเคือง โดยผู้บุกรุก แบบฟอร์ม sac มุกของหิ้งภายนอกเนื้อเยื่อเซลล์ และ secretes แคลเซียมคาร์บอเนตและ conchiolin ครอบคลุมออกฤทธิ์ระคายเคือง กระบวนการนี้หลั่งเป็นซ้ำหลายครั้ง ดังนั้นจึง ผลิตแบบมีมุก ไข่มุกธรรมชาติมาหลายรูปร่าง มีคนเข้ารอบกำลังดีอย่างหนึ่งที่หายากปกติ เกิดไข่มุกธรรมชาติประกอบด้วยพื้นที่ส่วนกลางสีน้ำตาลที่เกิดขึ้นจากคอลัมน์แคลเซียมคาร์บอเนต (ปกติแคลไซต์ บางคอลัมน์ aragonite) และสีออกเหลืองขาวโซนภายนอกประกอบด้วย nacre (aragonite ตาราง) ในระหว่างส่วนมุกเช่นไดอะแกรม วัสดุต่าง ๆ เหล่านี้ทั้งสองสามารถมองเห็น ของคอลัมน์แคลเซียมคาร์บอเนตรวยในวัสดุอินทรีย์แสดงเนื้อเยื่อหิ้งเยาวชนที่เกิดขึ้นในช่วงระยะแรก ๆ ของการพัฒนามุก เซลล์ชีวิตหน่วยงานโดยอาจดำเนินการต่อไปเพื่อทำการทำงานในตำแหน่งใหม่ มักจะเกิดในถุง ปริมาณกระบอกสูบดังกล่าวอาจเกิดขึ้นผ่านการบาดเจ็บ ริมที่เปราะบางของเปลือกจะถูกเปิดเผย และมีแนวโน้มที่จะบาดเจ็บและความเสียหาย ปู อื่น ๆ ล่า และปรสิตเช่นหนอนตัวอ่อนอาจผลิตโจมตีเจ็บปวด และทำให้บาดเจ็บซึ่งยกบางหิ้งภายนอกเนื้อเยื่อเซลล์จากชั้นของพวกเขา Embedded in the conjunctive tissue of the mantle, these cells may survive and form a small pocket in which they continue to secrete calcium carbonate, their natural product. The pocket is called a pearl sac, and grows with time by cell division; in this way the pearl grows also. The juvenile mantle tissue cells, according to their stage of growth, secrete columnar calcium carbonate from pearl sac's inner surface. In time, the pearl sac's external mantle cells proceed to the formation of tabular aragonite. When the transition to nacre secretion occurs, the brown pebble becomes covered with a nacreous coating. During this process, the pearl sac seems to travel into the shell; however, the sac actually stays in its original relative position the mantle tissue while the shell itself grows. After a couple of years, a pearl forms and the shell may be found by a lucky pearl fisher.[6]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ไข่มุกธรรมชาติ [แก้ไข]
ไข่มุกธรรมชาติเกือบแคลเซียมคาร์บอเนต 100% และ conchiolin มันคิดว่าไข่มุกธรรมชาติในรูปแบบภายใต้ชุดของเงื่อนไขโดยไม่ได้ตั้งใจเมื่อผู้บุกรุกกล้องจุลทรรศน์หรือพยาธิเข้าไปในหอยสองฝาและ settles ภายในเปลือก หอย, หงุดหงิดโดยผู้บุกรุกรูปแบบถุงมุกของเสื้อคลุมภายนอกเซลล์เนื้อเยื่อและการหลั่งแคลเซียมคาร์บอเนตและ conchiolin เพื่อให้ครอบคลุมการระคายเคือง ขั้นตอนการหลั่งนี้ซ้ำหลายครั้งจึงผลิตมุก ไข่มุกธรรมชาติมาในหลายรูปร่างกับคนรอบอย่างสมบูรณ์แบบเป็นที่หายากเมื่อเทียบกับ. โดยปกติแล้วการสร้างขึ้นของมุกธรรมชาติประกอบด้วยโซนสีน้ำตาลกลางที่เกิดขึ้นจากแคลเซียมคาร์บอเนตเสา (ปกติแคลเซียมคาร์บอเนต aragonite เสาบางครั้ง) และสีเหลืองไปด้านนอกสีขาว โซนประกอบด้วยมุก (ตาราง aragonite) ในมุกข้ามส่วนเช่นแผนภาพทั้งสองวัสดุที่แตกต่างสามารถมองเห็นได้ การปรากฏตัวของแคลเซียมคาร์บอเนตเสาที่อุดมไปด้วยสารอินทรีย์บ่งชี้เนื้อเยื่อแมนเทิลของเด็กและเยาวชนที่ก่อตัวขึ้นในระหว่างขั้นตอนแรกของการพัฒนามุก เซลล์ที่มีชีวิตพลัดถิ่นกับงานที่ดีที่กำหนดอาจจะยังคงปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งใหม่ของพวกเขามักจะเกิดในถุง การเคลื่อนที่ดังกล่าวอาจเกิดขึ้นผ่านทางได้รับบาดเจ็บ ขอบเปราะบางของเปลือกสัมผัสและมีแนวโน้มที่จะเกิดความเสียหายและการบาดเจ็บ ปูล่าอื่น ๆ และปรสิตเช่นตัวอ่อนหนอนอาจโจมตีบาดแผลและสาเหตุการบาดเจ็บซึ่งในบางเสื้อคลุมเซลล์เนื้อเยื่อภายนอกจะตัดการเชื่อมต่อจากชั้นของพวกเขา. ฝังตัวอยู่ในเนื้อเยื่อที่เชื่อมต่อกันของเสื้อคลุมเซลล์เหล่านี้อาจอยู่รอดได้และรูปแบบกระเป๋าขนาดเล็กที่ พวกเขายังคงหลั่งแคลเซียมคาร์บอเนตผลิตภัณฑ์ธรรมชาติของพวกเขา กระเป๋าที่เรียกว่าถุงมุกและเติบโตขึ้นกับเวลาโดยการแบ่งตัวของเซลล์; ในลักษณะนี้มุกยังเติบโต เซลล์เนื้อเยื่อแมนเทิลของเด็กและเยาวชนตามขั้นตอนของการเจริญเติบโตของพวกเขา, หลั่งแคลเซียมคาร์บอเนตเสาจากพื้นผิวด้านในของถุงมุก ในเวลาที่เซลล์เสื้อคลุมภายนอกถุงมุกดำเนินการต่อไปของการก่อตัวของ aragonite ตาราง เมื่อเปลี่ยนไปใช้การหลั่งหอยมุกเกิดขึ้นกรวดสีน้ำตาลกลายเป็นปกคลุมด้วยเคลือบมุก ในระหว่างกระบวนการนี้ถุงมุกที่ดูเหมือนว่าจะเดินทางเข้าไปในเปลือก; แต่ถุงจริงยังคงอยู่ในตำแหน่งสัมพัทธ์เดิมเนื้อเยื่อแมนเทิลในขณะที่เปลือกของตัวเองเติบโตขึ้น หลังจากสองสามปีที่ผ่านมารูปแบบและมุกเปลือกอาจจะพบได้โดยมุกโชคดีที่ชาวประมง. [6]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ธรรมชาติไข่มุก [ แก้ไข ]
ธรรมชาติไข่มุกได้เกือบ 100 % แคลเซียมคาร์บอเนต และคอนค ลิน . คิดว่ามันเป็นไข่มุกธรรมชาติรูปแบบภายใต้ชุดของเงื่อนไขโดยบังเอิญเมื่อผู้บุกรุกด้วยกล้องจุลทรรศน์หรือปรสิตเข้าไป และจ่ายภายในที่มีหอยเชลล์ หอย , การระคายเคืองโดยผู้บุกรุกรูปแบบไข่มุกปกคลุมภายนอกเซลล์เนื้อเยื่อ และหลั่งสารแคลเซียมคาร์บอเนต และคอนค ลินครอบคลุมระคายเคือง . ขั้นตอนนี้คือการทำซ้ำหลายๆ ครั้ง จึงผลิตไข่มุก ไข่มุกธรรมชาติมาในหลายรูปร่างกลมการเปรียบเทียบกับคนที่หายาก

โดยปกติการสะสมของไข่มุกธรรมชาติประกอบด้วยสีน้ำตาลกลางโซนรูปแบบโดยมีแคลเซียมคาร์บอเนต ( โดยปกติแคลไซต์ บางครั้งมีอะราโกไนต์ ) และสีเหลืองขาวนอกเขตประกอบด้วยไข่มุก ( ตารางอะราโกไนต์ ) ไข่มุกภาพตัดขวาง เช่น แผนภาพเหล่านี้สองวัสดุที่แตกต่างกันที่สามารถเห็นได้การปรากฏตัวของมี แคลเซียม คาร์บอเนต อุดมด้วยอินทรีย์วัตถุ พบว่าเนื้อเยื่อแมนเทิลเยาวชนที่ก่อตั้งขึ้นในช่วงระยะแรกของการพัฒนา มุก การแทนที่เซลล์มีชีวิต กับงานต่อ อาจจะยังคงดำเนินการฟังก์ชั่นของพวกเขาในสถานที่ใหม่ของพวกเขา มักจะเป็นผลในซีสต์ การเคลื่อนที่ดังกล่าวอาจเกิดขึ้นผ่านการบาดเจ็บ