Advised to dig ponds for rainwater

Advised to dig ponds for rainwater as dam water will be channeled for taps

A WATER expert has warned that there will be a scarcity of water for irrigation in the upcoming dry season as the rainy season is nearly over and the four key dams in the Chao Phraya River Basin were only 35 per cent full as of yesterday.

Of that water, only 11 per cent is available for consumption.

According to the Royal Irrigation Department (RID), there has been no inflow into the Pasak Jolasid Dam as of Monday, even though it has been releasing 880,000 cubic metres of water daily. Though the amount of water flowing into the Sirikit and Bhumibol Dams was higher than the outflow, the available water level at the two dams only stood at 17 per cent and 6 per cent, respectively.

The shortage of rain has been blamed for the unusually low water levels. Farmers are being encouraged to dig ponds to collect rainwater and opt for crops that require less irrigation, as water in the dams would be used for tap water first.

Royon Jitdon, director of the Hydro and Agro Informatics Institute, citing precipitation information, said rain should provide enough water for household consumption during the dry season, but it would not be sufficient for agriculture.

"This year's rainfall pattern is similar to 1987 with the Sirikit Dam and like 1998 with the Bhumibol Dam. Though rains are only expected to last until October, the volume of water in these two dams is considerably low, but I think it is enough for tap water production," he said.

Since most of the water will be channelled for household consumption, he said farmers could not rely on irrigation during the dry season between November and May next year.

"Farmers should dig ponds within their farms to stock rainwater for the dry season and change their plant-growing patterns," he advised.

Somwang Parasuksan, director of the Khwae Noi Bamrungdan Dam irrigation and maintenance department, also advised farmers to grow plants that consume less water, adding that the water-distribution plan during upcoming dry season would have to be discussed further.

"It appears that we will be able to store less water this year because the precipitation rate is less than average and the rain will not be continuous, so most of the rainwater will be absorbed in the soil rather than filling dams," Somwang said.

According to him, the average precipitation in the month of September around Khwae Noi Bamrungdan Dam is 983 millimetres; however, so far this month, it has only been 700 millimetres. On average, up to 1.6 billion cubic metres flows into this dam yearly.



Royon believes the absence of rain can be blamed on the severe El Nino phenomenon this year, though he said conditions should improve next year, as El Nino will be ending. Next year should see higher-than-average rainfall, he said.

Meanwhile, RID revealed that it and the Electricity Generating Authority of Thailand were trying to save as much water as possible in the dams and that they would coordinate with the Department of Royal Rainmaking and Agricultural Aviation for rain-making operations to fill up the dams.

RID further reported that 17 dams in the North, Northeast and Central regions currently hold less than 30 per cent of their maximum capacity. Of the dams, five are in the North, six each in the Northeast and Central region

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

แนะนำให้ขุดบ่อฝนเป็นเขื่อนน้ำจะคอนโทรลพร้อมสำหรับก๊อกเป็นน้ำผู้เชี่ยวชาญได้เตือนว่า จะมีการขาดแคลนน้ำสำหรับการชลประทานในฤดูแห้งจะเป็นฤดูฝนเป็นเกือบกว่า และ 4 สายหลักในลุ่มน้ำเจ้าพระยาได้เพียง 35 ร้อยเต็ม ณเมื่อวานนี้น้ำ เพียงร้อยละ 11 เป็นใช้ตามหลวงชลประทานกรม (RID), มีแล้วไม่ไหลเข้าไปยังเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ณจันทร์ แม้ว่าจะมีการปล่อยน้ำ 880000 ลูกบาศก์เมตรทุกวัน แม้ว่าปริมาณของน้ำที่ไหลลงสู่เขื่อนภูมิพลและสิริกิติ์ได้สูงกว่ากระแส ระดับน้ำว่างที่สายสองเท่าอยู่ที่ร้อยละ 17 และร้อยละ 6 ตามลำดับมีการตำหนิขาดแคลนฝนระดับน้ำต่ำผิดปกติ เกษตรกรมีการสนับสนุนให้ขุดบ่อเพื่อเก็บแบบสายฝน และเลือกพืชที่ใช้น้ำในเขื่อนจะใช้สำหรับน้ำประปาก่อนชลประทานน้อยRoyon Jitdon ผู้อำนวยการของ สถาบันสารสนเทศการเกษตร อ้างข้อมูลฝน ไฮโดรกล่าวว่า ฝนควรให้น้ำเพียงพอสำหรับการบริโภคในครัวเรือนในฤดูแล้ง แต่ไม่เพียงพอต่อการเกษตร"รูปแบบในปีนี้ปริมาณน้ำฝนได้คล้ายกับ 1987 และ เช่น 1998 กับเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ แม้ว่าฝนเท่านั้นคาดว่าจะ ล่าสุดจนถึงเดือนตุลาคม ปริมาณน้ำในเขื่อนที่สองเหล่านี้มีน้อยมาก แต่ฉันคิดว่า มันเพียงพอสำหรับการผลิตน้ำประปา เขากล่าวว่าเนื่องจากส่วนใหญ่น้ำจะ channelled ได้สำหรับปริมาณการใช้ในครัวเรือน เขากล่าวว่า เกษตรกรอาจต้องอาศัยการชลประทานในฤดูแล้งระหว่างเดือนพฤศจิกายนและพฤษภาคมปีถัดไป"เกษตรกรควรขุดบ่อภายในฟาร์มของหุ้นแบบสายฝนในฤดูแล้ง และเปลี่ยนรูปแบบการเจริญเติบโตพืช เขาแนะนำศักย์รินทร์ Parasuksan กรรมการชลประทานเขื่อนแควน้อย Bamrungdan และฝ่ายบำรุงรักษา ยังแนะนำเกษตรกรปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อย เพิ่มว่า แผนการกระจายน้ำในช่วงแล้งเกิดขึ้นจะต้องอธิบายเพิ่มเติม"เหมือนว่า เราจะสามารถเก็บน้ำน้อยปีนี้เนื่องจากอัตราฝนมีค่าเฉลี่ยน้อยกว่า และฝนจะไม่ต่อเนื่อง ดังนั้นส่วนใหญ่แบบสายฝนจะดูดซึมในดินแทนการอุดสาย ศักย์รินทร์กล่าวตามเขา ฝนเฉลี่ยในเดือนกันยายนใกล้เขื่อนแควน้อย Bamrungdan เป็น 983 millimetres อย่างไรก็ตาม จนเดือนนี้ มันมีเฉพาะแล้ว 700 millimetres โดยเฉลี่ย ค่าการ 1.6 ล้านลูกบาศก์เมตรไหลเข้านี้เขื่อนประจำปีRoyon เชื่อขาดฝนสามารถถูกตำหนิในปรากฏการณ์เอลนิโนรุนแรงปีนี้ แม้ว่าเขากล่าวว่า เงื่อนไขที่ควรปรับปรุงปีหน้า เป็นเอลนิโนที่จะสิ้นสุด ปีถัดไปควรดูปริมาณน้ำฝนสูงกว่าค่าเฉลี่ย เขากล่าวว่าในขณะเดียวกัน RID เปิดเผยว่า การไฟฟ้าสร้างประเทศไทยและพยายามประหยัด เป็นน้ำมากที่สุดในสายนี้ และ ที่พวกเขาจะประสานงานกับแผนก Royal Rainmaking และการบินเกษตรสำหรับฝนทำให้เต็มเขื่อนRID เพิ่มเติมรายงานว่า 17 เขื่อนในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและกลางค้างไว้น้อยกว่าร้อยละ 30 ของกำลังการผลิตสูงสุดในปัจจุบัน เขื่อน ห้าอยู่ในเหนือ 6 แต่ละภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือและกลาง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ควรที่จะขุดบ่อสำหรับน้ำฝนเป็นน้ำเขื่อนจะมีช่องทางสำหรับก๊อกผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำได้เตือนว่าจะมีการขาดแคลนน้ำเพื่อการชลประทานในฤดูแล้งที่จะเกิดขึ้นในขณะที่ฤดูฝนเกือบกว่าและสี่เขื่อนสำคัญในเจ้าพระยาลุ่มน้ำมีเพียงร้อยละ 35 เต็มรูปแบบเป็นของเมื่อวาน. ของน้ำที่มีเพียงร้อยละ 11 สามารถใช้ได้สำหรับการบริโภค. ตามที่กรมชลประทาน (RID) ยังไม่มีการไหลเข้าเข้าไปในป่าสักชลสิทธิ์เขื่อนในวันจันทร์แม้ แม้ว่ามันจะได้รับการปล่อย 880,000 ลูกบาศก์เมตรของน้ำทุกวัน แม้ว่าปริมาณน้ำไหลลงสู่สิริกิติ์และภูมิพลเขื่อนสูงกว่าการไหลออกของระดับน้ำที่มีอยู่ในทั้งสองเขื่อนเพียงยืนอยู่ที่ร้อยละ 17 และร้อยละ 6 ตามลำดับ. ปัญหาการขาดแคลนฝนที่ได้รับการกล่าวหาว่าต่ำผิดปกติ ระดับน้ำ เกษตรกรได้รับการสนับสนุนที่จะขุดบ่อเพื่อเก็บน้ำฝนและเลือกพืชที่ต้องใช้น้ำชลประทานน้อยเป็นน้ำในเขื่อนจะใช้กับน้ำประปาได้เป็นครั้งแรก. Royon Jitdon ผู้อำนวยการทรัพยากรน้ำและการเกษตรสถาบันสารสนเทศอ้างข้อมูลฝนฝนกล่าวว่า ควรจัดให้มีน้ำเพียงพอสำหรับการบริโภคในครัวเรือนในช่วงฤดูแล้ง แต่มันจะไม่เพียงพอสำหรับการเกษตร. "รูปแบบปริมาณน้ำฝนในปีนี้จะคล้ายกับปี 1987 มีเขื่อนสิริกิติ์และเช่นเดียวกับปี 1998 โดยมีเขื่อนภูมิพล. แม้ว่าฝนที่คาดว่าเท่านั้นที่จะมีไปจนถึง ตุลาคมปริมาณน้ำในทั้งสองเขื่อนอยู่ในระดับต่ำมาก แต่ฉันคิดว่ามันก็เพียงพอสำหรับการผลิตน้ำประปา "เขากล่าว. เนื่องจากส่วนใหญ่ของน้ำจะถูกช่องทางสำหรับการบริโภคในครัวเรือนเขากล่าวว่าเกษตรกรไม่สามารถพึ่งพาการชลประทานในช่วง ฤดูแล้งระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนพฤษภาคมของปีถัดไป. "เกษตรกรควรขุดบ่อภายในฟาร์มของพวกเขาที่จะน้ำฝนสต็อกสำหรับฤดูแล้งและการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของพืชที่เจริญเติบโตของพวกเขา" เขาแนะนำ. สมหวัง Parasuksan ผู้อำนวยการชลประทานแควน้อย Bamrungdan เขื่อนและการบำรุงรักษา กรมยังได้แนะนำให้เกษตรกรที่จะปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อยเพิ่มว่าแผนน้ำกระจายในช่วงฤดูแล้งที่จะเกิดขึ้นจะต้องมีการหารือต่อไป. "ปรากฏว่าเราจะสามารถที่จะเก็บน้ำน้อยในปีนี้เนื่องจากอัตราการตกตะกอนคือ น้อยกว่าค่าเฉลี่ยและฝนจะไม่ต่อเนื่องดังนั้นส่วนใหญ่ของน้ำฝนจะถูกดูดซึมในดินมากกว่าการเติมเขื่อน "สมหวังกล่าว. ตามเขาฝนโดยเฉลี่ยในเดือนกันยายนรอบแควน้อย Bamrungdan เขื่อนเป็น 983 มิลลิเมตร; แต่เพื่อให้ห่างไกลในเดือนนี้จะได้รับเพียง 700 มิลลิเมตร โดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 1.6 พันล้านลูกบาศก์เมตรไหลลงสู่เขื่อนนี้เป็นประจำทุกปี. Royon เชื่อว่ากรณีที่ไม่มีฝนตกสามารถตำหนิที่รุนแรงปรากฏการณ์เอลนีโญในปีนี้แม้ว่าเขากล่าวว่าเงื่อนไขที่ควรจะปรับปรุงในปีหน้าเป็นเอลนีโญจะสิ้นสุด ปีถัดไปจะเห็นปริมาณน้ำฝนสูงกว่าค่าเฉลี่ยของเขากล่าวว่า. ในขณะเดียวกันกรมชลประทานเปิดเผยว่ามันและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยกำลังพยายามที่จะประหยัดน้ำมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ในการสร้างเขื่อนและว่าพวกเขาจะประสานงานกับกรมฝนหลวง การเกษตรและการบินสำหรับการดำเนินการทำฝนมาเติมให้เต็มเขื่อน. กำจัดรายงานเพิ่มเติมว่า 17 เขื่อนในภาคเหนือภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคกลางขณะนี้ถือน้อยกว่าร้อยละ 30 ของความจุสูงสุดของพวกเขา เขื่อนห้าอยู่ในทิศตะวันตกเฉียงเหนือหกในแต่ละภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคกลาง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ควรขุดสระน้ำสำหรับน้ำฝนเป็นเขื่อนน้ำจะเป็นช่องทางสำหรับก๊อก

เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำได้เตือนว่ามีความขาดแคลนน้ำเพื่อการชลประทานในฤดูแล้งที่จะมาถึง เช่น ฤดูฝนกำลังจะผ่านไป และสี่คีย์เขื่อนในลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีเพียง 35 เปอร์เซ็นต์เต็มของเมื่อวานนี้

ของน้ำที่เพียง 11 เปอร์เซ็นต์สามารถใช้ได้สำหรับการบริโภค .

ตามที่กรมชลประทาน ( RID ) มีการไหลเข้าสู่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ในวันจันทร์ แม้ว่ามันจะถูกปล่อย 880 , 000 ลูกบาศก์เมตร ทุกวัน แม้ว่าปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนภูมิพล และสิริกิติ์ สูงกว่าการไหลออก , ระดับน้ําในเขื่อน 2 ใช้ได้เฉพาะอยู่ที่ 17 เปอร์เซ็นต์ และ 6 เปอร์เซ็นต์ , ตามลำดับ .

การขาดฝนได้รับการตำหนิสำหรับระดับน้ำต่ำผิดปกติ ส่งเสริมให้เกษตรกรมีการขุดบ่อเก็บน้ำฝน และเลือกปลูกพืชที่ต้องใช้น้ำน้อย น้ำในเขื่อนจะใช้น้ำประปาก่อน

royon jitdon ผู้อำนวยการของสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร โดยข้อมูลปริมาณฝนบอกว่า ฝนควรมีน้ำเพียงพอสำหรับการบริโภคในครัวเรือนในช่วงหน้าแล้ง แต่มันก็ไม่เพียงพอสำหรับการเกษตร

" รูปแบบปริมาณน้ำฝนในปีนี้จะคล้ายกับ 1987 กับเขื่อนสิริกิติ์ และชอบ 1998 กับเขื่อนภูมิพล . แม้ว่าฝนตกคาดว่าจะมีเฉพาะเมื่อถึงเดือนตุลาคม ปริมาณน้ำในเขื่อนทั้งสองนี้ต่ำมากแต่ฉันคิดว่ามันเพียงพอสำหรับผลิตน้ำประปา , " เขากล่าว .

เนื่องจากน้ำส่วนใหญ่จะขึ้นเพื่อการบริโภคในครัวเรือน เขาบอกว่า เกษตรกรไม่สามารถพึ่งพาการชลประทานในฤดูแล้งระหว่างเดือนพฤศจิกายนและเดือนพฤษภาคมปีหน้า

" เกษตรกรควรขุดบ่อเลี้ยงภายในฟาร์มของพวกเขาหุ้นน้ำฝนสำหรับฤดูกาล แห้ง และเปลี่ยนรูปแบบการปลูกพืชของพวกเขา , " เขาแนะนำ

parasuksan สมหวัง ,ผู้อำนวยการของกรมชลประทานเขื่อนแควน้อย bamrungdan และการบํารุงรักษา ยังได้แนะนำให้เกษตรกรปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อย เสริมว่า การกระจายน้ำช่วงฤดูแล้งที่จะมาถึง จะได้วางแผนที่จะกล่าวถึงต่อไป . .

" มันดูเหมือนว่าเราจะสามารถเก็บน้ำได้น้อยลงในปีนี้ เพราะด้วยอัตราเฉลี่ยน้อยกว่า และสายฝนจะไม่ต่อเนื่องดังนั้นส่วนใหญ่ของน้ำฝนจะซึมลงดิน แทนที่จะเติมเขื่อน " สมหวังกล่าว .

ตามเขา ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยในเดือนกันยายน รอบเขื่อนแควน้อย bamrungdan 442 มิลลิเมตร อย่างไรก็ตาม จนถึงเดือนนี้ก็มีแค่ 700 มิลลิเมตร โดยเฉลี่ยถึง 1.6 พันล้านลูกบาศก์เมตรที่ไหลลงเขื่อนนี้



รายปี