Governments, activists, and the med

Governments, activists, and the media have become adept at holding companies to account for the social consequences of their actions. In response, corporate social responsibility has emerged as an inescapable priority for business leaders in every country.

Frequently, though, CSR efforts are counterproductive, for two reasons. First, they pit business against society, when in reality the two are interdependent. Second, they pressure companies to think of corporate social responsibility in generic ways instead of in the way most appropriate to their individual strategies.

The fact is, the prevailing approaches to CSR are so disconnected from strategy as to obscure many great opportunities for companies to benefit society. What a terrible waste. If corporations were to analyze their opportunities for social responsibility using the same frameworks that guide their core business choices, they would discover, as Whole Foods Market, Toyota, and Volvo have done, that CSR can be much more than a cost, a constraint, or a charitable deed—it can be a potent source of innovation and competitive advantage.

In this article, Michael Porter and Mark Kramer propose a fundamentally new way to look at the relationship between business and society that does not treat corporate growth and social welfare as a zero-sum game. They introduce a framework that individual companies can use to identify the social consequences of their actions; to discover opportunities to benefit society and themselves by strengthening the competitive context in which they operate; to determine which CSR initiatives they should address; and to find the most effective ways of doing so. Perceiving social responsibility as an opportunity rather than as damage control or a PR campaign requires dramatically different thinking—a mind-set, the authors warn, that will become increasingly important to competitive success.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

รัฐบาล นักเคลื่อนไหว สื่อได้กลายเป็นบริษัทโฮลดิ้งการผลกระทบทางสังคมของการกระทำของคุณหญิง ตอบ สังคมได้ผงาดขึ้นเป็นตัวสำคัญไม่พ้นสำหรับผู้นำธุรกิจในทุกประเทศบ่อย แม้ว่า ความพยายามของ CSR ได้ counterproductive ด้วยเหตุผลสองประการ ครั้งแรก พวกเขาหลุมธุรกิจกับสังคม เมื่อในความเป็นจริง ทั้งสองจัด สอง พวกเขากดดันบริษัทคิดของสังคมในลักษณะทั่วไปแทนในลักษณะที่เหมาะสมกับกลยุทธ์ของแต่ละจริงอยู่ แนวทาง CSR เป็นดังนั้นได้ตัดการเชื่อมต่อจากกลยุทธ์เพื่อบดบังโอกาสดีมากสำหรับบริษัทเพื่อประโยชน์ของสังคม สิ่งน่ากลัวเสีย ถ้าองค์กรมีการ วิเคราะห์โอกาสของพวกเขาในสังคมโดยใช้กรอบเดียวกันที่แนะนำทางเลือกธุรกิจหลักของพวกเขา พวกเขาจะค้น พบ เป็นตลาดอาหารทั้งหมด โตโยต้า และวอลโว่ ทำ ว่า CSR สามารถมากขึ้นกว่าต้นทุน ข้อจำกัด หรือหนังสือการกุศล — มันสามารถเป็นแหล่งมีศักยภาพของนวัตกรรมและความได้เปรียบเชิงแข่งขันในบทความนี้ กระเป๋า Michael และ Kramer หมายเสนอวิธีพื้นฐานใหม่เพื่อดูความสัมพันธ์ระหว่างธุรกิจและสังคมที่ไม่ถือว่าเจริญเติบโตขององค์กรและสังคมเป็นเกมผลรวมศูนย์– แนะนำกรอบการทำงานที่แต่ละบริษัทสามารถใช้เพื่อระบุผลกระทบทางสังคมของการกระทำของพวกเขา ได้โอกาสเพื่อประโยชน์ของสังคมและตัวเอง โดยเพิ่มบริบทการแข่งขันซึ่งจะมี การกำหนดแผนงาน CSR ที่พวกเขาควรอยู่ และหาวิธีมีประสิทธิภาพสูงสุดทำ Perceiving สังคมเป็นโอกาสแทนที่เป็นความเสียหายหรือการประชาสัมพันธ์ ส่งเสริมการขายต้องคิดแตกต่างกันอย่างมากซึ่งมี mind-set เตือนผู้เขียน ที่จะกลายเป็นมากขึ้นต้องแข่งขันประสบความสำเร็จ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

รัฐบาลกิจกรรมและสื่อได้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในการถือครอง บริษัท บัญชีสำหรับผลกระทบทางสังคมของการกระทำของพวกเขา ในการตอบสนองความรับผิดชอบต่อสังคมได้กลายเป็นความสำคัญหลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับผู้นำธุรกิจในทุกประเทศ. บ่อย แต่ความพยายามที่จะมีความรับผิดชอบต่อสังคมต่อต้านด้วยเหตุผลสองประการ ครั้งแรกพวกเขาหลุมธุรกิจต่อสังคมเมื่อในความเป็นจริงทั้งสองจะพึ่งพาซึ่งกันและกัน ประการที่สองพวกเขากดดันให้ บริษัท ที่จะคิดว่าความรับผิดชอบต่อสังคมในรูปแบบทั่วไปแทนในวิธีที่เหมาะสมที่สุดในการกลยุทธ์ของตน. ความจริงก็คือวิธีการแลกเปลี่ยนที่จะรับผิดชอบต่อสังคมจึงตัดการเชื่อมต่อจากกลยุทธ์ที่จะปิดบังโอกาสที่ดีมากสำหรับ บริษัท ที่จะได้รับประโยชน์ สังคม. สิ่งที่เสียน่ากลัว หาก บริษัท มีการวิเคราะห์โอกาสของพวกเขาสำหรับความรับผิดชอบต่อสังคมโดยใช้กรอบเดียวกับที่ให้คำแนะนำทางเลือกที่ธุรกิจหลักของพวกเขาพวกเขาจะค้นพบเป็นทั้งตลาดอาหาร, โตโยต้าและวอลโว่ได้ทำที่รับผิดชอบต่อสังคมสามารถจะมากขึ้นกว่าค่าใช้จ่ายที่ จำกัด , หรือการกุศลโฉนดมันสามารถเป็นแหล่งที่มีศักยภาพของนวัตกรรมและความได้เปรียบในการแข่งขัน. ในบทความนี้ไมเคิลพอร์เตอร์และมาร์คเครเมอเสนอวิธีการใหม่โดยพื้นฐานจะมองไปที่ความสัมพันธ์ระหว่างธุรกิจและสังคมที่ไม่ได้ปฏิบัติต่อการเจริญเติบโตขององค์กรและสวัสดิการสังคม เกมศูนย์รวม พวกเขาแนะนำกรอบที่แต่ละ บริษัท สามารถใช้ในการระบุผลกระทบทางสังคมของการกระทำของพวกเขา; ที่จะค้นพบโอกาสที่จะได้ประโยชน์ต่อสังคมและตัวเองโดยการเสริมสร้างบริบทของการแข่งขันที่พวกเขาทำงาน; เพื่อตรวจสอบว่าการริเริ่มความรับผิดชอบต่อสังคมที่พวกเขาควรจะอยู่; และหาวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดของการทำเช่นนั้น การรับรู้ความรับผิดชอบต่อสังคมเป็นโอกาสมากกว่าที่จะเป็นการควบคุมความเสียหายหรือการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ต้องใช้ที่แตกต่างกันอย่างมากในความคิด-ใจตั้งผู้เขียนเตือนว่าจะมีความสำคัญมากขึ้นที่จะสำเร็จในการแข่งขัน