Chulalongkorn was best known for hi

Chulalongkorn was best known for his abolition of Siamese slavery (ทาส.) He associated the abolition of slavery in the United States with the bloodshed of the American Civil War. Chulalongkorn, to prevent such a bloodbath in Siam, provided several steps towards the abolition of slavery, not an extreme turning point from servitude to total freedom. Those who found themselves unable to live on their own sold themselves into slavery by rich noblemen. Likewise, when a debt was defaulted, the borrower would become a slave of the lender. If the debt was redeemed, the slave regained freedom.

However, those whose parents were household slaves (ทาสในเรือนเบี้ย) were bound to be slaves forever because their redemption price was extremely high.

Because of economic conditions, people sold themselves into slavery in great numbers and in turn they produced a large number of household slaves. In 1867 they accounted for one-third of Siamese population. In 1874, Chulalongkorn enacted a law that lowered the redemption price of household slaves born in 1867 (his ascension year) and freed all of them when they had reached 21.

The newly freed slaves would have time to settle themselves as farmers or merchants so they would not become unemployed. In 1905, the Slave Abolition Act ended Siamese slavery in all forms. The reverse of 100-baht notes in circulation since the 2005 centennial depict Chulalongkorn in navy uniform abolishing the slave tradition.

The traditional corvée system declined after the Bowring Treaty, which gave rise to a new class of employed labourers not regulated by the government, while many noblemen continued to hold sway over large numbers of Phrai Som. Chulalongkorn needed more effective control of manpower to undo the power of nobility. After the establishment of the Monthon system, Chulalongkorn began the census to get the statistics of all men available to the government. The Employment Act of 1900 required that all workers be paid, not forced to work.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

จุฬาลงกรณ์เป็นที่รู้จักกันดีที่สุดสำหรับการยกเลิกของเขาเป็นทาสสยาม (ทาส.) เขาเกี่ยวข้องการเลิกทาสในประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีการนองเลือดของสงครามกลางเมืองอเมริกา จุฬาลงกรณ์เพื่อป้องกันการนองเลือดดังกล่าวในสยามให้หลายขั้นตอนไปสู่การเลิกทาสที่ไม่ได้เป็นจุดเปลี่ยนที่รุนแรงจากภาวะจำยอมที่จะมีเสรีภาพทั้งหมด บรรดาผู้ที่พบว่าตัวเองไม่สามารถที่จะมีชีวิตอยู่ได้ด้วยตัวเองขายตัวเองเป็นทาสโดยขุนนางที่อุดมไปด้วย ในทำนองเดียวกันเมื่อหนี้ผิดนัดผู้กู้ก็จะกลายเป็นทาสของผู้ให้กู้ หากหนี้ที่ได้รับการไถ่ทาสคืนเสรีภาพ. แต่ผู้ที่มีพ่อแม่เป็นทาสในครัวเรือน (ทาสในเรือนเบี้ย) ถูกผูกไว้เพื่อเป็นทาสตลอดไปเพราะราคาไถ่ถอนของพวกเขาอยู่ในระดับสูงมาก. เพราะภาวะเศรษฐกิจที่คนขายตัวเองเป็นทาสในที่ดี ตัวเลขและในทางกลับกันพวกเขาผลิตจำนวนมากของทาสในครัวเรือน ขึ้นในปี 1867 พวกเขาคิดเป็นหนึ่งในสามของประชากรสยาม ใน 1874 จุฬาลงกรณ์ตรากฎหมายที่ลดราคาไถ่ถอนทาสในครัวเรือนที่เกิดขึ้นในปี 1867 (ปีที่เสด็จขึ้นสู่สวรรค์ของเขา) และปลดปล่อยทั้งหมดของพวกเขาเมื่อพวกเขามาถึง 21 ทาสเพิ่งเป็นอิสระจะมีเวลาที่จะชำระตัวเองเป็นเกษตรกรหรือพ่อค้าเพื่อให้พวกเขา จะไม่กลายเป็นคนว่างงาน ในปี 1905, ทาสยกเลิกพระราชบัญญัติสิ้นสุดการเป็นทาสสยามในทุกรูปแบบ ย้อนกลับของการบันทึก 100 บาทในการไหลเวียนตั้งแต่หนึ่งร้อยปี 2005 แสดงให้เห็นถึงจุฬาลงกรณ์ในกองทัพเรือเครื่องแบบยกเลิกประเพณีทาส. ระบบcorvéeแบบดั้งเดิมลดลงหลังสนธิสัญญาบาวริ่งซึ่งก่อให้เกิดการเรียนใหม่ของคนงานลูกจ้างไม่ได้ควบคุมโดยรัฐบาลในขณะที่ ขุนนางหลายคนยังคงถือแกว่งไปแกว่งมามากกว่าตัวเลขขนาดใหญ่ของไพร Som จุฬาลงกรณ์จำเป็นต้องควบคุมที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นของกำลังคนเพื่อยกเลิกอำนาจของขุนนาง หลังจากที่ตั้งของระบบมณฑลจุฬาลงกรณ์เริ่มสำรวจสำมะโนประชากรที่จะได้รับข้อมูลทางสถิติของมนุษย์ทุกคนที่มีให้กับรัฐบาล พระราชบัญญัติการจ้างงาน 1900 จำเป็นที่ทุกคนจะได้รับเงินไม่ได้บังคับให้ทำงาน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

จุฬาลงกรณ์เป็นที่รู้จักดีที่สุดสำหรับการยกเลิกของสยามความเป็นทาส ( ทาส ) เขาเกี่ยวข้อง การเลิกทาสในสหรัฐอเมริกากับการนองเลือดของสงครามกลางเมืองอเมริกา จุฬาฯ เพื่อป้องกันไม่ให้เช่นเลือดสยามให้หลายขั้นตอนไปสู่การประกาศเลิกทาส ไม่สุดโต่งจุดเปลี่ยนจากทาสเป็นอิสระทั้งหมด บรรดาผู้ที่พบตัวเองไม่สามารถที่จะใช้ชีวิตของพวกเขาเองขายเองเป็นทาสโดยรวยสูงศักดิ์ อนึ่ง เมื่อหนี้ผิดนัด , ผู้กู้จะกลายเป็นทาสของผู้ให้กู้ ถ้าหนี้ถูกไถ่ถอนทาสที่ได้รับอิสรภาพอย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีพ่อแม่เป็นทาสในครัวเรือน ( ทาสในเรือนเบี้ย ) ถูกผูกไว้เป็นทาสตลอดไป เพราะราคาแลกของพวกเขาสูงมากเพราะเงื่อนไขทางเศรษฐกิจ คนขายเองเป็นทาสในตัวเลขที่ดีและทำให้พวกเขาผลิตจำนวนมากของทาสในครัวเรือน ในพวกเขาคิดเป็นหนึ่งในสามของจำนวนประชากรไทยสมัยโบราณ ใน 1874 , จุฬาลงกรณ์ประกาศใช้กฎหมายที่ลดราคาไถ่ถอนทาสในครัวเรือนเกิดใน 1867 เขา ( ขึ้นปี ) และได้ทั้งหมดของพวกเขาเมื่อพวกเขาได้ถึง 21ที่เพิ่งปลดปล่อยทาสจะได้มีเวลาจัดการตัวเองเป็นชาวนาหรือพ่อค้า ดังนั้นพวกเขาจะไม่กลายเป็นผู้ว่างงาน ใน 1905 , เลิกทาสแสดงสิ้นสุดสยามทาสทุกรูปแบบ การย้อนกลับของธนบัตร 100 บาทในการไหลเวียนตั้งแต่ปี 2005 ถึงจุฬาลงกรณ์ในกองทัพเรือเครื่องแบบยกเลิกประเพณีทาสแบบ corv é e ระบบลดลงหลังจากสนธิสัญญาบาวริ่ง ซึ่งให้ขึ้นชั้นใหม่ของใช้แรงงานไม่ได้ควบคุมโดยรัฐบาล ในขณะที่หลายขุนนางยังคงถือแกว่งมากกว่าตัวเลขขนาดใหญ่ของไพรส้ม . จุฬาลงกรณ์ต้องการการควบคุมที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นของแรงงาน เพื่อยกเลิกอำนาจของขุนนาง หลังจากมีการจัดตั้งระบบมณฑล จุฬาลงกรณ์ เริ่มการสำรวจสำมะโนประชากรเพื่อให้ได้สถิติของผู้ชายทั้งหมดของรัฐบาล การกระทำของ 1900 ต้องการคนงานทั้งหมดต้องจ่าย ไม่ได้ถูกบังคับให้ทำงาน