The maps make it clear that the glo

The maps make it clear that the global economy takes shape around perhaps 20 great Megas--half in the United States and the rest scattered throughout the world. These regions are home to just 10 percent of total world population, 660 million people, but produce half of all economic activity, two thirds of world-class scientific activity and three quarters of global innovations. The great urbanologist Jane Jacobs was the first to describe why megalopolises grow. When people cluster in one place, they all become more productive. And the place itself becomes much more productive, because collective creativity grows exponentially. Ideas flow more freely, are honed more sharply and can be put into practice more quickly. Later, Nobel Prize-winning economist Robert Lucas dubbed these forces "human capital externalities," and explained why they seem to override "the usual economic forces," like prices: "What can people be paying Manhattan or downtown Chicago rents for, if not to be around other people?"

There is, however, a tipping point. The forces of price and congestion begin pushing people away from the center. But make no mistake, this has nothing to do with the "decentralization of work," as many have argued. The huge economic advantages of clustering still guide the process, which is why second cities emerge near big cities or in the corridors between them, not in the middle of nowhere.

The biggest Mega in economic terms is the original, the Boston-to-Washington corridor. In 1961 it was home to about 32 million people; today its population has risen to 55 million, more than 17 percent of all Americans. The region generates $2.5 trillion in economic activity, making it the world's fourth largest economy, bigger than France or the United Kingdom. Next in line is Chi-Pitts, the great Midwestern Mega running from Chicago to Detroit, Cleveland and Pittsburgh, with $2.3 trillion in economic activity. Three of the power centers of the U.S. economy even stretch beyond American borders: So-Cal runs from Los Angeles to San Diego across the Mexican border to Tijuana; Tor-Buff-Chester sprawls from Toronto to Rochester, and Cascadia from Portland, Oregon, to Vancouver.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ในแผนที่ให้ชัดเจนว่าเศรษฐกิจโลกจะทรงงาน Megas ดีที 20 - ครึ่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกาและส่วนเหลือที่กระจายอยู่ทั่วโลก ภูมิภาคเหล่านี้มีบ้านเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ของประชากรโลกทั้งหมด 660 ล้านคน แต่ผลิตครึ่งหนึ่งของกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งหมด สองในสาม ของกิจกรรมทางวิทยาศาสตร์ระดับโลก และสามในสี่ของนวัตกรรมระดับโลก Urbanologist ดี Jane Jacobs แรกที่อธิบายว่า ทำไม megalopolises เติบโตได้ เมื่อท่านคลัสเตอร์ในเดียว พวกเขาทั้งหมดกลายเป็นมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสถานที่ตัวเองกลายเป็นมีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากความคิดสร้างสรรค์รวมเติบโตชี้แจง ความคิดไหลได้อย่างอิสระมากขึ้น มีเฉียบคมคมชัดขึ้น และสามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้อย่างรวดเร็ว ต่อมา นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบลโรเบิร์ตลูคัสขนานนามว่ากองกำลังเหล่านี้ "externalities ทุนมนุษย์" และอธิบายทำไมดูเหมือนแทน "ความปกติทางเศรษฐกิจ" กองทัพ เช่นราคา: "อะไรสามารถคนจ่ายแมนฮัตตันหรือดาวน์ทาวน์ชิคาโกเช่า ถ้าไม่แก่จะรอบคนอื่น ๆ ? "มี อย่างไรก็ตาม จุดเปลี่ยน กองกำลังของราคาและความแออัดจนดันคนหนี แต่ไม่ผิดพลาด มีอะไรที่ทำกับ "กระจายงาน เป็นจำนวนมากได้โต้เถียง ข้อได้เปรียบทางเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของคลัสเตอร์ยังคงคู่มือกระบวนการ ซึ่งเป็นเหตุผลที่สองเมืองเกิดใกล้ กับเมืองใหญ่ หรือ ในบริเวณทางเดินระหว่างพวกเขา ไม่แสงอรุณร็อคที่ใหญ่ที่สุดในแง่เศรษฐกิจคือ ต้นฉบับ ทางเดินบอสตันวอชิงตัน ในปี 1961 ก็ประมาณ 32 ล้านคน ปัจจุบันมีประชากรเพิ่มขึ้น 55 ล้าน มากกว่าร้อยละ 17 ของชาวอเมริกันทั้งหมด ภูมิภาคสร้าง $2.5 ล้านล้านในกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การทำให้เศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดอันดับสี่ของโลก ใหญ่กว่าประเทศฝรั่งเศสหรือสหราชอาณาจักร ถัดไป ในบรรทัดเป็น Chi Pitts อาเมดีใช้จากชิคาโกดีทรอยต์ คลีฟแลนด์ และ พิตส์เบิร์ก กับ $2.3 ล้านล้านในกิจกรรมทางเศรษฐกิจ สามของศูนย์อำนาจของเศรษฐกิจสหรัฐฯ แม้ยืดขอบเขตอเมริกัน: ดัง-Cal วิ่งจาก Los Angeles ไปซานดิเอโกข้ามชายแดนเม็กซิโกกับจัว Tor-Buff-เชสเตอร์สถานจากโตรอนโตถึงโรเชสเตอร์ Cascadia จากพอร์ตแลนด์ โอเรกอน แวนคูเวอร์

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

แผนที่ทำให้มันชัดเจนว่าเศรษฐกิจโลกจะรูปร่างรอบ 20 บางทีที่ดี Megas - ครึ่งในสหรัฐอเมริกาและส่วนที่เหลือกระจายอยู่ทั่วโลก ภูมิภาคเหล่านี้จะกลับบ้านไปเพียงร้อยละ 10 ของประชากรโลกทั้งหมด 660 ล้านคน แต่ผลิตครึ่งหนึ่งของกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งหมดสองในสามของกิจกรรมทางวิทยาศาสตร์ระดับโลกและสามในสี่ของนวัตกรรมระดับโลก urbanologist ที่ดีเจนจาคอบส์เป็นคนแรกที่อธิบายว่าทำไม megalopolises เติบโต เมื่อคนกลุ่มหนึ่งในสถานที่ที่พวกเขาทั้งหมดจะกลายเป็นมีประสิทธิผลมากขึ้น และสถานที่ที่ตัวเองจะกลายเป็นมากมากขึ้นเพราะความคิดสร้างสรรค์โดยรวมเติบโตชี้แจง ไหลของความคิดอย่างอิสระมากขึ้นจะเพิ่มพูนขึ้นอย่างรวดเร็วและสามารถนำไปปฏิบัติได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ต่อมารางวัลโนเบลเศรษฐศาสตร์โรเบิร์ตลูคัสขนานนามว่ากองกำลังเหล่านี้ "วงนอกทุนมนุษย์" และอธิบายว่าทำไมพวกเขาดูเหมือนจะแทนที่ "กองกำลังทางเศรษฐกิจตามปกติ" เช่นราคา: "สิ่งที่คนสามารถจะจ่ายเงินแมนฮัตตันหรือเมืองชิคาโกค่าเช่าถ้าไม่ ที่จะเป็นรอบคนอื่น? "

มี แต่ชี้ให้ทิป กองกำลังของราคาและความแออัดเริ่มต้นผลักดันคนออกจากศูนย์ แต่ให้ไม่มีข้อผิดพลาดนี้มีอะไรจะทำอย่างไรกับ "การกระจายอำนาจของการทำงาน" เป็นจำนวนมากได้ที่ถกเถียงกันอยู่ ประโยชน์ทางเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของการจัดกลุ่มยังคงเป็นแนวทางในการดำเนินการซึ่งเป็นเหตุผลที่เมืองสองโผล่ออกมาอยู่ใกล้กับเมืองใหญ่หรือในทางเดินระหว่างพวกเขาไม่ได้อยู่ในกลางไม่มีที่ไหนเลย.

เมกะใหญ่ที่สุดในแง่เศรษฐกิจเป็นต้นฉบับที่บอสตันไปวอชิงตัน ฉนวน ในปี 1961 มันเป็นบ้านที่ประมาณ 32 ล้านคน; วันนี้ประชากรของประเทศได้เพิ่มขึ้นถึง 55 ล้านกว่าร้อยละ 17 ของชาวอเมริกันทุกคน ภูมิภาคสร้าง 2500000000000 $ ในกิจกรรมทางเศรษฐกิจทำให้เศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสี่ของโลกที่มีขนาดใหญ่กว่าประเทศฝรั่งเศสหรือสหราชอาณาจักร ในบรรทัดถัดไปคือ Chi-พิตส์เมกะแถบมิดเวสต์ที่ดีวิ่งออกมาจากชิคาโกไปดีทรอยต์พิตส์เบิร์กและคลีฟแลนด์กับ 2300000000000 $ ในกิจกรรมทางเศรษฐกิจ สามศูนย์อำนาจของเศรษฐกิจสหรัฐฯแม้ยืดพรมแดนอเมริกัน: So-Cal วิ่งจาก Los Angeles ไปซานดิเอโกข้ามพรมแดนเม็กซิโก Tijuana; ทอร์ Buff-เชสเตอร์แหมะจากโตรอนโตโรเชสเตอร์และ Cascadia จาก Portland, Oregon, แวนคูเวอร์

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

แผนที่ให้ชัดเจนว่าเศรษฐกิจโลกจะรูปร่างรอบบางที 20 ดีใหญ่ -- ครึ่งในสหรัฐอเมริกาและส่วนที่เหลือกระจายอยู่ทั่วโลก ภูมิภาคนี้มีบ้านแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ของประชากรโลกทั้งหมด 660 ล้านคน แต่ผลิตครึ่งหนึ่งของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ สองในสามของกิจกรรมทางวิทยาศาสตร์ระดับโลก และสามในสี่ของนวัตกรรมระดับโลก การ urbanologist ที่ดีเจนจาคอบส์เป็นคนแรกที่อธิบายว่าทำไม megalopolises เติบโต เมื่อผู้คนกลุ่มในสถานที่หนึ่ง พวกเขากลายเป็นมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสถานที่ที่ตัวเองกลายเป็นมีประสิทธิผลมากขึ้น เพราะความคิดสร้างสรรค์โดยรวมเติบโตชี้แจง ความคิดที่ไหลได้อย่างอิสระมากขึ้น มี honed มากขึ้นอย่างรวดเร็ว และสามารถนำสู่การปฏิบัติได้อย่างรวดเร็ว ต่อมา นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบลชนะโรเบิร์ต ลูคัสขนานนามเหล่านี้บังคับ " ผลกระทบภายนอกทุนมนุษย์ " และอธิบายว่าทำไมพวกเขาดูเหมือนจะแทนที่ " ปกติกําลังทางเศรษฐกิจ " ที่ราคา " สิ่งที่ผู้คนสามารถจ่ายแมนฮัตตันหรือดาวน์ทาวน์ ชิคาโก ค่าเช่า ถ้าไม่ให้คนอื่นไปทั่ว ?อย่างไรก็ตาม การให้ทิปจุด กองกำลังของราคาและความแออัดเริ่มผลักคนออกจากศูนย์ แต่ให้ไม่มีข้อผิดพลาดนี้ไม่เกี่ยวกับ " การกระจายอำนาจของงาน " หลายคนได้ถกเถียงกัน ประโยชน์ทางเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของการจัดกลุ่มยังแนะนำกระบวนการ ซึ่งทำให้เมืองที่สองเกิดใกล้เมืองใหญ่ หรือในทางเดินระหว่างพวกเขาไม่ได้อยู่ในกลางไม่มีที่ไหนเลย .ร็อคที่ใหญ่ที่สุดในแง่เศรษฐกิจคือต้นฉบับ บอสตันวอชิงตัน ทางเดิน ในปี 1961 มันบ้านประมาณ 32 ล้านคน วันนี้ประชากรได้เพิ่มขึ้นถึง 55 ล้าน มากกว่า 17 เปอร์เซ็นต์ของคนอเมริกัน ภูมิภาคสร้าง $ 2.5 ล้านในกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ทำให้เศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสี่ของโลก มากกว่า ฝรั่งเศส หรืออังกฤษ ในบรรทัดถัดไปคือชิพิตส์ ใหญ่ ช่องเมก วิ่งจากชิคาโกดีทรอยต์ , คลีฟแลนด์และพิตส์เบิร์ก , ด้วย $ 2.3 ล้านในกิจกรรมทางเศรษฐกิจ สามของอำนาจที่ศูนย์กลางเศรษฐกิจของสหรัฐฯยังยืดเกินเส้นขอบอเมริกัน : ดังนั้นคาลวิ่งจาก Los Angeles ไปซานดิเอโกข้ามชายแดนเม็กซิโก Tijuana ; TOR Buff เชสเตอร์แหมะจากโตรอนโต้ โรเชสเตอร์ และ แค็ซเคเดีย จาก Portland , Oregon , แวนคูเวอร์