For this purpose, we employ a light

For this purpose, we employ a lightweight visibility test to
estimate the expected unoccluded vertical extent of each potential
wall patch P. In our technique, an occlusion happens if the OBB of
a patch P and that of an occluder O overlap when seen from the
scan position from which they were taken. We construct the
infinite shadow volume [26] of each O by casting rays from the
scan position through the vertices of its OBB. We then compute the
intersection of this shadow volume with the plane induced
by P through its normal and the center of its OBB. Finally,
the projection of the shadow volume is tested for overlap with
the bounding rectangle of P (i.e., the projection of its OBB).
In practice, we scale each OBB by a factor of 1.05 to ensure
intersection between the shadow volume of O and the bounding
rectangle of a potentially occluded patch P. The process is
illustrated in Fig. 3. If an occlusion between P and O occurs, we
consider the vertical extent of the projection of O onto P and
merge it to the vertical extent of P itself. By repeating this check
for every O, we obtain the combined height h of P. We then prune
P from the candidate list based on the following condition:
hrð1ηÞ  hrooms. Here η is a small number which we set to 0.05
and hrooms is the distance between the floor and the ceiling.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เพื่อจุดประสงค์นี้เราจ้างการทดสอบการมองเห็นมีน้ำหนักเบาเพื่อ
ประมาณการที่คาดว่าจะมีขอบเขตแนวตั้ง unoccluded ศักยภาพของแต่ละ
ผนังแพทช์พีในเทคนิคของเรามีการบดเคี้ยวที่เกิดขึ้นถ้า OBB ของ
แพทช์ P และของมี O ทับซ้อน occluder เมื่อเห็นได้จาก
การสแกน ตำแหน่งจากการที่พวกเขาถูกนำ เราสร้าง
เงาเสียงอนันต์ [26] ของแต่ละ O โดยการหล่อรังสีจาก
ตำแหน่งสแกนผ่านจุดของ OBB ของตน จากนั้นเราจะคำนวณ
จุดตัดของเงาเสียงนี้กับเครื่องบินเหนี่ยวนำ
โดย P ผ่านปกติและเป็นศูนย์กลางของ OBB ของตน ในที่สุด
การประมาณการของเงาเสียงที่จะทดสอบการทับซ้อนกับ
bounding สี่เหลี่ยมของ P (เช่นการประมาณการของ OBB ของตน).
ในทางปฏิบัติเราขนาดแต่ละ OBB โดยปัจจัยที่ 1.05 เพื่อให้แน่ใจว่า
จุดตัดระหว่างเงาเสียงของ O และ bounding
สี่เหลี่ยมผืนผ้าอาจโดนแพทช์พีกระบวนการที่มีการ
แสดงในรูป 3. หากมีการบดเคี้ยวระหว่าง P และ O เกิดขึ้นเรา
พิจารณาขอบเขตแนวตั้งของประมาณการของ O บน P และ
ผสานไปตามแนวตั้งของ P ตัวเอง โดยการทำซ้ำการตรวจสอบนี้
ทุก O เราได้รับความสูง H รวมของพีจากนั้นเราจะตัด
P จากรายชื่อผู้สมัครตามเงื่อนไขต่อไปนี้:
? hrð1ηÞ? hrooms นี่ηเป็นจำนวนเล็ก ๆ ที่เราตั้งค่าไว้ที่ 0.05
และ hrooms เป็นระยะห่างระหว่างพื้นและเพดาน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

สำหรับวัตถุประสงค์นี้ เราใช้ทดสอบการมองเห็นน้ำหนักเบาประมาณการคาดว่า unoccluded ขอบเขตของศักยภาพแต่ละแนวตั้งผนังแพทช์หน้าเทคนิคของเรามีการเกิดขึ้นถ้าจะของแพทช์ P ที่ซ้อนทับกัน occluder O เมื่อเห็นจากสแกนตำแหน่งจากที่พวกเขาถูกลักพาตัว เราสร้างอนันต์หมวด [ 26 ] เงาของแต่ละหล่อด้วยรังสีจากสแกนตำแหน่งผ่านจุดยอดของ obb . เราก็คำนวณสี่แยกนี้ปริมาณกับเครื่องบินและเงาโดย P ผ่านปกติ และศูนย์กลางของ obb . ในที่สุดประมาณการของปริมาณการทดสอบ ทับซ้อนกับเงาขอบเขตของจุด ( เช่นสี่เหลี่ยมผืนผ้า , การประมาณการของ obb )ในการปฏิบัติ เราชั่งแต่ละ obb โดยปัจจัยที่ 1.05 เพื่อให้แน่ใจว่าจุดตัดระหว่างเงาปริมาณของ O และขอบเขตสี่เหลี่ยมของอาจ occluded แพทช์หน้ากระบวนการแสดงในรูปที่ 3 หากมีการอุดตันระหว่าง P กับ O เกิดขึ้น เราพิจารณาขอบเขตของแนว O P และฉายลงบนผสานกับขอบเขตของแนว P นั่นเอง โดยการตรวจสอบสำหรับทุกโอ เราได้รวมสูง h P . จากนั้นเราพรุนP จากรายชื่อผู้สมัครตามเงื่อนไขดังต่อไปนี้HR ð 1 ηÞ hrooms . ที่นี่ηเป็นจำนวนเล็ก ๆที่เราตั้งไว้ทางhrooms และระยะห่างระหว่างพื้นและเพดาน