The geologist further hypothesizes

The geologist further hypothesizes that cracks will occur from the northernmost to
the southernmost of the seabed area. In addition, exactly one sub-region in each row will
contain a crack and cracks in consecutive rows must be adjacent to each other, vertically or
diagonally. This means that two adjacent cracks are either in the same column or in the
adjacent column. The last part of the geologist’s hypothesis is that the most likely cracks
will occur in a way that the total amount of energy required to cause the cracks is minimal
among all possible cracks. In the above example, the most likely cracks occur in the
highlighted sub-regions and the total energy to cause the cracks is 2+5+1+5+1+2+2+2 units.
Your task is to write an efficient program to calculate the total energy amount
required to cause the most likely cracks.
Input
The first line contains an integer T denoting the number of test cases (1 ≤ T ≤ 10).
For each test case, the input is in the following format.
The first line contains integers M and N denoting the number of rows and columns of
sub-regions in a seabed area, where 1 ≤ M ≤ 500 and 1 ≤ N ≤ 500.
north
west

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

นักธรณีวิทยาเพิ่มเติม hypothesizes ที่รอยแตกจะเกิดขึ้นจากเหนือสุดไปชายแดนภาคใต้ของบริเวณก้นทะเล นอกจากนี้ หนึ่งอนุภูมิภาคในแต่ละแถวจะประกอบด้วยรอยแตก และรอยแตกต่อเนื่องกันเป็นแถวต้องประชิดกัน แนวตั้ง หรือตามแนวทแยงมุม นี้หมายความ ว่า รอยสองอยู่ติดกัน ในคอลัมน์เดียวกัน หรือในการคอลัมน์ที่อยู่ติดกัน เป็นส่วนท้ายของสมมติฐานของนักธรณีวิทยาที่มีแนวโน้มมากที่สุดรอยแตกจะเกิดขึ้นในลักษณะที่ว่าเงินทั้งหมดของพลังงานที่ต้องการทำให้เกิดรอยแตกน้อยที่สุดระหว่างรอยแตกได้ทั้งหมด ในตัวอย่างข้างต้น รอยแตกมักเกิดขึ้นในการภูมิภาคย่อยเน้นและพลังงานรวมทำให้เกิดรอยแตกเป็น 2 + 5 + 1 + 5 + 1 + 2 + 2 + 2 หน่วยงานของคุณจะเขียนโปรแกรมมีประสิทธิภาพในการคำนวณยอดรวมพลังงานต้องทำให้เกิดรอยแตกมักป้อนข้อมูลบรรทัดแรกประกอบด้วยจำนวนเต็ม T กำหนดเรียกค่าหมายเลขของกรณีทดสอบ (1 ≤ T ≤ 10)สำหรับแต่ละการทดสอบกรณี อินพุตอยู่ในรูปแบบต่อไปนี้บรรทัดแรกประกอบด้วยจำนวนเต็ม M และ N กำหนดเรียกค่าจำนวนของแถวและคอลัมน์ภูมิภาคย่อยในพื้นที่ก้นทะเล ที่ 1 ≤ M ≤ 500 และ 1 ≤ N ≤ 500เหนือทิศตะวันตก

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

นักธรณีวิทยาเพิ่มเติม hypothesizes รอยแตกที่จะเกิดขึ้นจากเหนือไป
ใต้สุดของพื้นที่ก้นทะเล นอกจากนี้อีกหนึ่งอนุภูมิภาคในแต่ละแถวจะ
มีรอยแตกและรอยแตกแถวติดต่อกันจะต้องอยู่ติดกันในแนวตั้งหรือ
แนวทแยงมุม ซึ่งหมายความว่าทั้งสองรอยแตกที่อยู่ติดกันมีทั้งในคอลัมน์เดียวกันหรือใน
คอลัมน์ที่อยู่ติดกัน ส่วนสุดท้ายของสมมติฐานของนักธรณีวิทยาก็คือรอยแตกส่วนใหญ่มีแนวโน้ม
ที่จะเกิดขึ้นในทางที่จำนวนของพลังงานที่จำเป็นในการทำให้เกิดรอยแตกมีน้อย
ในหมู่รอยแตกเป็นไปได้ทั้งหมด ในตัวอย่างข้างต้น, รอยแตกมากที่สุดเกิดขึ้นใน
ที่ไฮไลต์อนุภูมิภาคและพลังงานทั้งหมดที่จะทำให้เกิดรอยแตกเป็น 2 + 5 + 1 + 5 + 1 + 2 + 2 + 2 หน่วย.
งานของคุณคือการเขียนโปรแกรมที่มีประสิทธิภาพ ในการคำนวณปริมาณพลังงานทั้งหมด
ที่จำเป็นในการทำให้เกิดรอยแตกมากที่สุด.
ป้อนข้อมูล
บรรทัดแรกมีจำนวนเต็ม T แสดงถึงจำนวนกรณีทดสอบ (1 ≤≤ T 10).
สำหรับการทดสอบแต่ละกรณีการป้อนข้อมูลที่อยู่ในรูปแบบต่อไป.
บรรทัดแรกมีจำนวนเต็ม M และไม่มีข้อความแสดงถึงจำนวนแถวและคอลัมน์ของ
อนุภูมิภาคในพื้นที่ก้นทะเลที่ 1 ≤ M ≤ 500 และ 1 ≤ N ≤ 500
ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
ทิศตะวันตก

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

นักธรณีวิทยาเพิ่มเติม hypothesizes ที่รอยแตกจะเกิดขึ้นจากเหนือสุดไปใต้สุดของพื้นที่
ก้นทะเล นอกจากนี้ อีกหนึ่งภูมิภาคย่อยในแต่ละแถวจะ
ประกอบด้วยร้าวและรอยแตกในแถวติดกันต้องติดกัน
, แนวตั้งหรือแนวทแยงมุม ซึ่งหมายความว่าสองรอยแตกติดกันเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งในคอลัมน์เดียวกันหรือใน
คอลัมน์ที่อยู่ติดกันส่วนสุดท้ายของสมมติฐานของนักธรณีวิทยาที่รอยแตกส่วนใหญ่
จะเกิดขึ้นในลักษณะที่ปริมาณพลังงานที่ต้องใช้เพื่อก่อให้เกิดรอยแตกน้อย
ระหว่างรอยแตกที่เป็นไปได้ทั้งหมด ในตัวอย่างข้างต้น รอยแตกที่มักเกิดขึ้นใน
เน้นภูมิภาคย่อยและพลังงานที่จะก่อให้เกิดรอยร้าว 2 5 1 5 1 2 2
2 หน่วยงานของคุณคือการ เขียนโปรแกรมที่มีประสิทธิภาพในการคำนวณปริมาณพลังงานรวม
ต้องเพราะรอยแตกมากที่สุด
.
ข้อมูลบรรทัดแรกประกอบด้วยจำนวนเต็มไม่แสดงถึงจำนวนของกรณีทดสอบ ( 1 ≤ T ≤ 10 ) .
สำหรับแต่ละกรณีทดสอบ , การป้อนข้อมูลในรูปแบบดังต่อไปนี้ .
บรรทัด แรกประกอบด้วยจำนวนเต็ม และแสดงถึงจำนวนแถวและคอลัมน์ของ
ภูมิภาคย่อยในพื้นที่ทะเล ,ที่ 1 ≤ M ≤ 500 และ 1 ≤ N ≤ 500

ตะวันตกเหนือ