The theoretical thrust of governanc

The theoretical thrust of governance research varies depending on which sector
is under investigation. Within corporate governance theory the dominant paradigm is
that of a stewardship model of governance (Muth and Donaldson, 1998) which
emphasises “the capacity and willingness of managers to balance different interests in
the professional pursuit of company strategy” (Clarke, 2005, p. 604). In most if not all
cases the company strategy is financial maximisation either through sales, share value,
dividends or other financial measures. Whichever measure is used the aim is the same
– to maximise the wealth of shareholders. The concept of stewardship emphasises the
role of the board in their capacity as agents of shareholders and whose primary task is
to utilise share capital in ways that will result in increased value. The board are
believed to have a duty to act in the interests of the owners of the corporation and so
are responsible for facilitating organisational performance through effective
decision-making which is achieved by electing board members on the basis of their
expertise (Iecovich, 2005).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

กระตุกทฤษฎีวิจัยกำกับแตกภาคใดอยู่ภายใต้การตรวจสอบ ภายในทฤษฎีกำกับ เป็นกระบวนทัศน์หลักที่แบบกำกับดูแลการปกครอง (Muth และ Donaldson, 1998) ซึ่งเน้น "การผลิตและความตั้งใจของผู้จัดการสมดุลสนใจแตกต่างกันในแสวงหามืออาชีพของบริษัทกลยุทธ์" (คลาร์ก 2005, p. 604) ส่วนใหญ่ถ้าไม่ทั้งหมดกรณีกลยุทธ์บริษัทเป็นเงิน maximisation ใดถึงขาย มูลค่าหุ้นเงินปันผลหรือมาตรการทางการเงินอื่น ๆ วัดใดจะใช้เป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน-เพื่อเพิ่มความมั่งคั่งของผู้ถือหุ้น เน้นแนวคิดของใครบทบาทของคณะกรรมการในความเป็นตัวแทนของผู้ถือหุ้นและมีภารกิจหลักคือการใช้ทุนในวิธีที่จะทำให้เกิดมูลค่าเพิ่ม มีคณะกรรมการเชื่อว่ามีหน้าที่ที่จะดำเนินการในผลประโยชน์ของเจ้าของบริษัทและมีหน้าที่ในการอำนวยความสะดวกประสิทธิภาพ organisational ผ่านมีประสิทธิภาพตัดสินใจซึ่งสามารถทำได้ โดย electing บอร์ดสมาชิกบนพื้นฐานของ ความความเชี่ยวชาญ (Iecovich, 2005)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

แรงผลักดันทางทฤษฎีของการวิจัยการกำกับดูแลแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับภาคที่อยู่ภายใต้การตรวจสอบข้อเท็จจริง
ภายในการกำกับดูแลกิจการทฤษฎีกระบวนทัศน์ที่โดดเด่นเป็นที่ของรูปแบบของการกำกับดูแล (Muth และโดนัลด์ 1998) ซึ่งเน้น"ความสามารถและความตั้งใจของผู้บริหารเพื่อความสมดุลของผลประโยชน์ที่แตกต่างกันในการแสวงหามืออาชีพของกลยุทธ์ของ บริษัท " (คล๊าร์ค 2005 พี 604) ในที่สุดหากไม่ได้ทั้งหมดกรณีกลยุทธ์ของ บริษัท เป็นสูงสุดทั้งทางการเงินผ่านการขายมูลค่าหุ้น, ปันผลหรือมาตรการทางการเงินอื่น ๆ วัดไหนที่จะใช้จุดมุ่งหมายคือเดียวกัน- เพื่อเพิ่มความมั่งคั่งของผู้ถือหุ้น แนวคิดของการดูแลเน้นบทบาทของคณะกรรมการในความสามารถของพวกเขาเป็นตัวแทนของผู้ถือหุ้นและมีงานหลักคือการที่จะใช้ทุนในรูปแบบที่จะส่งผลให้มูลค่าเพิ่มขึ้น คณะกรรมการจะเชื่อว่าจะมีหน้าที่ที่จะต้องทำหน้าที่ในความสนใจของเจ้าของของ บริษัท และเพื่อให้มีความรับผิดชอบในการอำนวยความสะดวกประสิทธิภาพขององค์กรที่มีประสิทธิภาพผ่านการตัดสินใจที่จะทำได้โดยการเลือกตั้งคณะกรรมการบนพื้นฐานของพวกเขาความเชี่ยวชาญ(Iecovich 2005) .

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

แรงผลักดันทฤษฎีของการวิจัยการบริหารแตกต่างกันซึ่งขึ้นอยู่กับภาค
อยู่ภายใต้การสอบสวน ภายในทฤษฎีกระบวนทัศน์เด่นบรรษัทภิบาลเป็น
ของการจัดการรูปแบบการปกครอง ( มุธ และโดนัลด์ , 2541 ) ซึ่ง
เน้น " ความสามารถและความเต็มใจของผู้จัดการเพื่อความสมดุลของผลประโยชน์ที่แตกต่างกันในการแสวงหาของกลยุทธ์ของบริษัทมืออาชีพ
" ( คลาร์ก , 2548 , หน้า 604 )ส่วนใหญ่ถ้าไม่ทั้งหมด
กรณีกลยุทธ์บริษัทคือการมีจำนวนสูงสุดทางการเงิน ผ่านการขายมูลค่าหุ้น
เงินปันผลหรือมาตรการทางการเงินอื่น ๆ วัดใดจะใช้เป้าหมายคือ–เดียวกัน
เพื่อเพิ่มความมั่งคั่งของผู้ถือหุ้น แนวคิดของการดูแลเน้นบทบาทของคณะกรรมการในความสามารถของพวกเขาเป็นตัวแทนของผู้ถือหุ้นและมีงานหลักคือ
ใช้ทุนแลกเปลี่ยนในวิธีที่จะส่งผลในการเพิ่มมูลค่า คณะกรรมการมี
เชื่อว่ามีหน้าที่ต้องทำในความสนใจของเจ้าของของ บริษัท และรับผิดชอบการส่งเสริมประสิทธิภาพองค์กร

ผ่านที่มีประสิทธิภาพการตัดสินใจซึ่งทำได้โดยเลือกคณะกรรมการ บนพื้นฐานของความเชี่ยวชาญของพวกเขา
( iecovich , 2005 )