งานวิจัยนี้ศึกษาผลของวิธีการปรับสภาพยอดอ่อนและใบอ้อยก่อนการย่อยให้เป็นน้ำตาล โดยเอนไซม์ เพื่อนำไปใช้ในการผลิตเอทานอล จากการวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมีของยอดอ่อนและ ใบอ้อย พบเซลลูโลส เฮมิเซลลูโลส ลิกนิน และเถ้า 35.2, 23.43, 12.6 และ 6.59 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ งานวิจัยนี้ได้ทำการปรับสภาพโดยเปรียบเทียบ 3 วิธี คือ 1) ปรับสภาพด้วยสารละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์ ความเข้มข้น 2 เปอร์เซ็นต์ (น้ำหนักต่อปริมาตร) แล้วนำไปให้ความร้อนในหม้อนึ่งความดันไอ 2) ปรับสภาพด้วยสารละลายกรดซัลฟิวริก ความเข้มข้น 2 เปอร์เซ็นต์ (น้ำหนักต่อปริมาตร) และนำไป ให้ความร้อนในหม้อนึ่งความดันไอ 3) ปรับสภาพโดยใช้ 2 ขั้นตอนรวมกัน คือ ปรับสภาพด้วยสารละลาย โซเดียมไฮดรอกไซด์ ความเข้มข้น 2 เปอร์เซ็นต์ (น้ำหนักต่อปริมาตร) แล้วนำไปให้ความร้อน ในหม้อนึ่งความดันไอ และตามด้วยปรับสภาพด้วยสารละลายกรดซัลฟิวริก ความเข้มข้น 2 เปอร์เซ็นต์ (น้ำหนักต่อปริมาตร) นำไปให้ความร้อนในหม้อนึ่งความดันไอ จากผลการศึกษาพบว่า การปรับสภาพโดย ใช้ 2 ขั้นตอนรวมกันเป็นวิธีที่ดีที่สุด โดยปริมาณยอดอ่อนและใบอ้อยที่ใช้ 15 กรัม น้ำหนักแห้ง ได้ปริมาณน้ำตาลรีดิวซ์ 89.95 กรัมต่อลิตร และได้ปริมาณเอทานอลสูงที่สุด เท่ากับ 30.40 กรัมต่อลิตร ที่เวลา 48 ชั่วโมง นอกจากนี้เมื่อเปรียบเทียบขั้นตอนการล้างกากตะกอนและไม่ล้างกากตะกอน หลังการปรับสภาพ พบว่า การล้างกากตะกอนหลังการปรับสภาพสามารถลดสารพิษเฟอฟูรอลและ ไฮดรอกซีเมธิลเฟอฟูรอลได้ทั้ง 3 วิธีที่ทำการปรับสภาพ