แก๊สชีวภาพ
พ.ศ. 2522 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริทดลองผลิตแก๊สชีวภาพจากมูลโคนม โดยนำเศษวัสดุจากการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร เศษพืช และมูลสัตว์มาหมักในถังหรือบ่อที่มีสภาพไร้อากาศในช่วงเวลาหนึ่งเพื่อให้เกิดแก๊สชีวภาพ ซึ่งกว่าร้อยละ 50 โดยปริมาตร เป็นแก๊สมีเทนที่มี6 คุณสมบัติจุดติดไฟและให้ความร้อนได้ มีน้ำหนักเบากว่าอากาศและไม่มีกลิ่น ส่วนแก๊สที่เหลือ
ประกอบด้วยแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ แก๊สซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และแก๊สอื่น ๆ อีกหลายชนิด ต่อจากนั้นนำแก๊สชีวภาพที่ได้จากการหมักมาใช้เป็นเชื้อเพลิงในการให้ความร้อนแก่ระบบการผลิตโรงงานแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร ภายในโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา เป็นการสร้างประโยชน์จากวัสดุเหลือใช้และได้พลังงานทดแทนแบบยั่งยืน เพื่อให้เกิดการทดแทนการใช้พลังงานจากฟอสซิล และเป็นแหล่งพลังงานสำรองในคราวที่จะเกิดวิกฤติการณ์พลังงานขาดแคลนในอนาคตข้างหน้า
เชื้อเพลิงเขียว
พ.ศ. 2530 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำริให้ทำการศึกษาวิจัยการผลิตเชื้อเพลิงเขียวจากผักตบชวาในบริเวณบึงมักกะสัน พบว่าเชื้อเพลิงเขียวจากผักตบชวามีค่าความร้อนประมาณ 2,800 กิโลแคลอรีต่อกิโลกรัมของเชื้อเพลิงเขียว และเมื่อนำเชื้อเพลิงเขียวจากผักตบชวาไปเผาถ่านแบบอิฐก่อ พบว่าถ่านเชื้อเพลิงเขียวจะมีค่าความร้อนประมาณ 3,000 กิโลแคลอรีต่อกิโลกรัมของถ่านเชื้อเพลิงเขียว การผลิตเชื้อเพลิงเขียวจากผักตบชวา นอกจากจะเป็นประโยชน์ในด้านเชื้อเพลิงแล้ว ยังเป็นการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมทางน้ำอีกด้วย ใน พ.ศ. 2532 งานวิจัยและพัฒนา โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา ได้ทำการศึกษาวิจัยการผลิตเชื้อเพลิงเขียวผสมกับขี้เลื่อยจากถุงเพาะเห็ดภายหลังจากที่เก็บดอกเห็ดในอัตราส่วน 1 ต่อ 1 พบว่ามีค่าความร้อนประมาณ 3,500 กิโลแคลอรีต่อกิโลกรัมของเชื้อเพลิงเขียวนอกจากนี้ โครงการส่วนพระองค์ยังสนใจพัฒนาเชื้อเพลิงแท่งจากวัสดุเหลือใช้จากการเกษตร ซึ่งได้แก่ ชานอ้อย และเปลือกส้ม เป็นต้น