บทที่ 15The Productive Nature of Us

บทที่ 15The Productive Nature of Using Rituals
Chapter Preview
Using Rituals in Teaching
Why Use Rituals?
Using Rituals to Solve Problems
How Do I Get Started?
during most of the twentieth century, students sat quietly in classrooms and were asked to not talk to one another. This structure created a constant stress for the teacher, who tried to maintain enthusiasm and participation and still have students quietly face the front of the room and avoid their neighbors. Our recent understanding of the brain and the nature of social dynamics have changed our point of view. Socialization influences learners in many ways, some of which can be good: it alters our levels of stress, our confidence, and even our content knowl edge. This chapter focuses on a particular type of socialization: classroom rituals.
USING RITUALS IN TEACHING
Most classrooms have some type of ritual. For example, taking attendance seems pretty ritualized and automatic. This leads us to our simple definition of a classroom ritual: a highly predictable, prearranged activity. Classroom rituals are just one form of socialization. As a general rule, you should make it a habit to constantly seek appropriate levels of social interaction for your students. Whe you do this, you'll be able to increase or decrease interactions and influence noise and motivation. You might be wondering, though, what makes something a Consult the criteria in Figure 15.1
FIGURE 15.1 Criteria for a class ritual
1. It must solve a recurring problem.
2. It must include and engage everyone.
3. It must be simple and easy to do.
4. It must be highly predictable- the students know when it's going to happen.
5. It must put students in a positive emotional state.
There are several primary benefits that social rituals bring to our culture. First, they provide "social glue" so that we feel more connected and bound to each other. This glue is what allows us to feel empathetic toward others and be willing to help others in a time of need. But it also increases our moral outrage when someone breaks society's rules that we all adhere to. The second benefit is that social rituals help us convey values to each other, especially to the younger generations.
Why Use Rituals?
Every day, you make hundreds of micro decisions as a teacher, and a few big ones, too. Many of the decisions are done to solve a classroom problem such as the following:
How can I quiet things down?
How can I help students feel appreciated?
How can we do a daily review of the previous day's learning?
How do I minimize or even take advantage of the problem instead of having it be a burden?
There are of course, many, many more problems to solve. You may not have thought of them as problems, but they are, and they usually trigger the following:
1. You need to use your ability to assess that something's needed ASAP
2. You experience stress over what to do, when, and how.
3. A decision must be made
4. A strategy must be carried out
5. The effect of the strategy must be monitored to ensure that the desired result is achieved.
Problem solving, no matter the seriousness of the issue, is draining. It consumes your time, energy, and emotional reserve. need a You way to streamline problem solving so that you only need to solve a given problem once (if the is where is a recurring one). Wouldn't that a huge load off your shoulders? This is where rituals come in handy: they help you get a handle on potential problems and even prevent them from occurring.
What Makes a Good Ritual?
Let's "unpack" each of the criteria listed in Figure 15.1. First, the ritual must solve a recurring problem, You deal with problems every day in your job, and (e.g., needing to get your students' n a week or a month's time some problems occur every single day tion before you speak). Others occur predictably within a week or a month’s time frame, sometimes dozens of times (e.g., a student's birthday). This distinction i important; there's no reason to even bother creating a ritualun it will save you grief on more than one occasion. The grief it saves is that you don't have to vent the wheel: already have a prearranged solution.
Remember, rituals are for the long haul, for onetime use
Second, the ritual must include and engage everyone in class. If you a actively engaged in the train whistle to get your students' attention, they aren't But if you want their attention and stle is your ritual, not theirs. ritual: the train w t becomes a productive you say, "If you can hear me, clap your hands once ritual because the students are doing it with you. It's not something that you are to them: it's a experience. This criterion reminds you that the s not about you. It's about a collective effort to solve a group problem, which is essential for community building.
Third, the ritual has to be so simple and easy to do that everyone in your class can do it. This means that, in an inclusive class, it's accessible to students with di abilities as well as kids who are hungry, stressed, or unfocused. Use rituals that either involve a conditioned response (think Pavlov's experiment) or are pretty close to automatic. That means they must incorporate behaviors such as hand rais ing, cheers, consolidations, stretching, high fives, and team meetings. Avoid ritu ls that require constant novel or complex input from students. Those won't work or last. Students get lost, and the task won't get done.
Fourth, the ritual must be highly predictable. Students should know when it's going to happen. They should know. for example, that the day always starts with stretching, which is followed by a class meeting and then a review

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

บทที่ 15The ธรรมชาติที่ประสิทธิภาพของการใช้พิธีกรรม ตัวอย่างบท ใช้พิธีกรรมในการเรียนการสอน ใช้พิธีกรรมทำไม ใช้พิธีกรรมเพื่อแก้ปัญหา วิธีทำจะเริ่มต้นอย่างไร ระหว่างส่วนใหญ่ของศตวรรษที่ยี่สิบ นักศึกษานั่งในห้องเรียน และได้ขอให้ไม่คุยกัน โครงสร้างนี้สร้างความเครียดคงที่สำหรับครู ที่พยายามที่จะรักษาความกระตือรือร้นและมีส่วนร่วม และยัง มีนักเรียนที่หน้าด้านหน้าของห้องพัก และหลีกเลี่ยงบ้านของพวกเขา ความเข้าใจของเราล่าสุดของสมองและลักษณะของ dynamics สังคมมีการเปลี่ยนแปลงเจตคติของเรา การขัดเกลาทางสังคมมีผลต่อผู้เรียนในหลาย ๆ ซึ่งอาจจะดี: จะเปลี่ยนแปลงระดับของความเครียด ความมั่นใจของเรา และแม้แต่ของเราขอบ knowl ที่เนื้อหาของเรา บทนี้เน้นประเภทเฉพาะของการขัดเกลาทางสังคม: ห้องเรียนพิธีกรรม ใช้พิธีกรรมในการเรียนการสอน ห้องเรียนส่วนใหญ่มีบางชนิดของพิธีกรรม ตัวอย่าง การเข้างานเหมือนสวย ritualized และอัตโนมัติ นี้ของเราไปสู่คำจำกัดความของเราเรื่องของพิธีกรรมห้องเรียน: ความสูงได้ prearranged กิจกรรม ห้องเรียนพิธีกรรมเป็นรูปแบบหนึ่งของการขัดเกลาทางสังคม เป็นกฎทั่วไป คุณควรทำให้เป็นนิสัยเพื่อค้นหาระดับที่เหมาะสมของสังคมสำหรับนักเรียนของคุณตลอดเวลา ไหนคุณทำเช่นนี้ คุณจะสามารถเพิ่ม หรือลดการโต้ตอบ และมีอิทธิพลต่อเสียงรบกวนและแรงจูงใจ คุณอาจจะสงสัยว่า แม้ว่า สิ่งที่ทำให้สิ่งปรึกษาเงื่อนไขในรูปที่ 15.1 รูปที่ 15.1 เงื่อนไขสำหรับพิธีกรรมคลาส 1.ต้องแก้ปัญหาที่เกิดซ้ำ 2.ต้องมี และทุกคนมีส่วนร่วม 3. จะต้องง่าย และง่ายต่อการทำ 4. จะต้องสูงได้-นักเรียนทราบว่าเมื่อมันเกิดขึ้น 5.ต้องให้นักเรียนในสถานะอารมณ์บวก มีประโยชน์หลักหลายที่พิธีกรรมทางสังคมวัฒนธรรมของเรา ครั้งแรก พวกเขาให้ "กาวทางสังคม" เพื่อให้เรารู้สึกเชื่อมต่อ และผูกกันมากขึ้น กาวนี้มีอะไรให้เรารู้สึก empathetic ต่อผู้อื่น และเต็มใจที่จะช่วยผู้อื่นในยามจำเป็น แต่ยังเพิ่มข่มขืนทางศีลธรรมของเราเมื่อคนแบ่งกฎของสังคมที่เราทุกคนยึดติด ประโยชน์ที่สองคือ ว่า พิธีกรรมทางสังคมช่วยให้เราถ่ายทอดค่ากัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับรุ่นอายุ ใช้พิธีกรรมทำไม ทุกวัน คุณได้นับร้อยตัดสินใจไมโครเป็นครู และกี่คนใหญ่ เกินไป ของการตัดสินใจทำเพื่อแก้ปัญหาในชั้นเรียนต่อไปนี้: วิธีสามารถฉันเงียบสงบสิ่งลง ฉันจะช่วยนักเรียนที่รู้สึกชื่นชอบหรือไม่ วิธีเราจึงสามารถทำการตรวจทานของวันก่อนหน้านี้เรียนทุกวัน ฉันลด หรือแม้แต่เอารัดเอาเปรียบปัญหาแทนที่จะเป็น ภาระหรือไม่ แน่นอน มีมาก หลายหลายปัญหาแก้ คุณอาจไม่ได้คิดว่า พวกเขาเป็นปัญหา แต่พวกเขา และพวกเขามักจะเรียกต่อไปนี้:คุณจำเป็นต้องใช้ความสามารถในการประเมินว่า มีบางสิ่งบางอย่างที่จำเป็นโดยเร็ว2. คุณพบความเครียดมากกว่าสิ่งที่ต้องทำ เวลา และ3. การตัดสินใจต้องทำ 4 ต้องดำเนินการกลยุทธ์ 5. ผลของกลยุทธ์ที่ต้องตรวจสอบเพื่อให้แน่ใจว่า ผลที่ต้องทำ ระบายการแก้ปัญหา ความรุนแรงของปัญหา ไม่ สิ้นเปลืองเวลาของคุณ พลังงาน และสงวนอารมณ์ ต้องคุณวิธีการปรับปรุงการแก้ปัญหาให้คุณต้องแก้ปัญหาให้ทันที (ถ้าจะเป็นที่หนึ่งเกิด) ไม่ที่โหลดขนาดใหญ่ออกจากไหล่ของคุณหรือไม่ โดยที่พิธีกรรมมาสะดวก: ช่วยคุณได้รับการจัดการในปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และยังป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น สิ่งที่ทำให้พิธีกรรมดี ลอง "สามารถแยก" แต่ละเกณฑ์ที่แสดงในรูปที่ 15.1 ครั้งแรก พิธีกรรมต้องแก้ปัญหาที่เกิดซ้ำ คุณจัดการกับปัญหาทุกวันในงานของคุณ และ (เช่น ต้องรับปัญหาของนักเรียน n หนึ่งสัปดาห์หรือหนึ่งเดือนเวลาเกิดสเตรชันทุกวันเดียวก่อนที่คุณพูด) อื่น ๆ เกิดฉายภายในหนึ่งสัปดาห์หรือหนึ่งเดือนเวลา บางครั้งหลายสิบครั้ง (เช่น วันของนักเรียน) ความแตกต่างฉันสำคัญ มีเหตุผลไม่ตื๊อจะสร้าง ritualun ที่นำความเศร้าโศกมากกว่าหนึ่งครั้ง ความเศร้าโศกที่จะบันทึกเป็นที่คุณไม่จำเป็นต้องระบายล้อ: มีโซลูชัน prearranged จำ มีพิธีกรรมในการลากยาว ใช้ onetimeสอง พิธีกรรมต้องรวม และมีส่วนร่วมของทุกคนในชั้นเรียน ถ้าคุณมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในรถไฟ whistle จะได้รับความสนใจของนักเรียน พวกเขาไม่ได้แต่ถ้าคุณต้องการความสนใจ และ stle เป็นพิธีกรรมของคุณ กินไม่ พิธีกรรม: รถไฟ w t จะ มีประสิทธิภาพที่คุณพูด "ถ้าคุณได้ยินฉัน ตบมือเมื่อพิธีกรรมเนื่องจากนักเรียนทำอย่างกับคุณ มันไม่ใช่สิ่งที่คุณจะไป: มันเป็นประสบการณ์ที่ เกณฑ์นี้จะแจ้งเตือนคุณที่ s ไม่เกี่ยวกับคุณ มันกำลังพยายามรวมการแก้ปัญหากลุ่ม ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการสร้างชุมชน ที่สาม พิธีได้ง่ายมาก และง่าย ๆ ที่ทุกคนในชั้นเรียนของคุณสามารถทำได้ ซึ่งหมายความ ว่า ในการเรียนรวม เป็นถึงนักเรียนที่มีความสามารถดีเป็นเด็กที่หิว เครียด หรือ unfocused ใช้พิธีกรรมที่อาจเกี่ยวข้องกับการตอบสนองการปรับ (คิดว่า การทดลองของ Pavlov) หรือสวยมักอัตโนมัติ นั่นหมายความว่า พวกเขาต้องรวมพฤติกรรมมือไร่ ing เชียร์ รวม ยืด fives สูง และประชุมทีม หลีกเลี่ยงการ ls ritu ที่ต้องป้อนคงซับซ้อน หรือนวนิยายจากนักเรียน ผู้ที่จะไม่ทำงาน หรือล่าสุด นักเรียนได้รับหายไป และจะไม่ทำงาน สี่ พิธีกรรมจะต้องสูงได้ นักเรียนควรรู้เมื่อมันเกิดขึ้น พวกเขาควรทราบ ตัวอย่าง ที่วันเสมอเริ่มต้น ด้วยยืด ซึ่งตาม ด้วยการประชุมชั้นเรียน แล้วทบทวน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

บทที่ 15The ผลผลิตธรรมชาติของการใช้พิธีกรรมบทแสดงตัวอย่างการใช้พิธีกรรมในการเรียนการสอนทำไมพิธีกรรมการใช้งาน? ใช้พิธีกรรมการแก้ปัญหาฉันจะเริ่มต้นได้อย่างไรในช่วงศตวรรษที่ยี่สิบนักเรียนนั่งเงียบๆ ในห้องเรียนและได้ขอให้ได้พูดคุยกับอีกคนหนึ่ง . โครงสร้างนี้สร้างความเครียดคงที่สำหรับครูที่พยายามที่จะรักษาความกระตือรือร้นและมีส่วนร่วมและยังมีนักเรียนอย่างเงียบ ๆ ต้องเผชิญกับด้านหน้าของห้องและหลีกเลี่ยงเพื่อนบ้านของพวกเขา ความเข้าใจของเราที่ผ่านมาของสมองและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงมุมมองของเรา การขัดเกลาทางสังคมที่มีอิทธิพลต่อการเรียนรู้ในหลาย ๆ ด้านซึ่งบางส่วนสามารถที่ดีมันจะเปลี่ยนแปลงระดับของความเครียดความเชื่อมั่นและแม้กระทั่งขอบ knowl เนื้อหาของเรา ในบทนี้จะมุ่งเน้นไปที่ประเภทเฉพาะของการขัดเกลาทางสังคม:. พิธีกรรมห้องเรียนใช้พิธีกรรมในการสอนห้องเรียนส่วนใหญ่มีรูปแบบของพิธีกรรมบางอย่าง ยกตัวอย่างเช่นการเข้าร่วมประชุมดูเหมือนสวย ritualized และอัตโนมัติ นี้นำเราไปสู่ความหมายง่ายๆของเราของพิธีกรรมห้องเรียน: คาดการณ์สูงกิจกรรมจัดแจงไว้ก่อน พิธีกรรมในชั้นเรียนเป็นเพียงหนึ่งในรูปแบบของการขัดเกลาทางสังคม ตามกฎทั่วไปคุณควรจะทำให้มันเป็นนิสัยในการแสวงหาอย่างต่อเนื่องในระดับที่เหมาะสมของการปฏิสัมพันธ์ทางสังคมสำหรับนักเรียนของคุณ Whe คุณทำเช่นนี้คุณจะสามารถที่จะเพิ่มหรือลดการมีปฏิสัมพันธ์และเสียงรบกวนอิทธิพลและแรงจูงใจ คุณอาจจะสงสัย แต่สิ่งที่ทำให้บางสิ่งบางอย่างให้คำปรึกษาหลักเกณฑ์ในรูปที่ 15.1 รูปที่ 15.1 เกณฑ์สำหรับการเรียนพิธีกรรม1 มันจะต้องแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นปัญหา. 2 มันจะต้องมีส่วนร่วมของทุกคนและ. 3 มันจะต้องเป็นที่เรียบง่ายและง่ายที่จะทำ. 4 มันจะต้องสูง predictable- นักเรียนรู้ว่าเมื่อไหร่มันจะเกิดขึ้น. 5 มันจะต้องนำนักเรียนในสภาวะอารมณ์บวก. มีประโยชน์หลักหลายอย่างที่ประกอบพิธีกรรมทางสังคมนำไปสู่วัฒนธรรมของเรามี ครั้งแรกที่พวกเขาให้ "กาวสังคม" เพื่อให้เรารู้สึกผูกพันและเชื่อมต่อกับแต่ละอื่น ๆ กาวนี่คือสิ่งที่ช่วยให้เราสามารถที่จะรู้สึกเห็นอกเห็นใจต่อผู้อื่นและพร้อมที่จะช่วยเหลือผู้อื่นในยามจำเป็น แต่มันก็ยังเพิ่มความชั่วร้ายทางศีลธรรมของเราเมื่อมีคนแบ่งกฎของสังคมที่เราทุกคนเป็นไปตาม ประโยชน์ที่สองคือพิธีกรรมทางสังคมที่ช่วยให้เราถ่ายทอดค่ากับแต่ละอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรุ่นน้อง. ทำไมพิธีกรรมการใช้งาน? ทุกวันให้คุณหลายร้อยของการตัดสินใจของไมโครเป็นครูและไม่กี่คนใหญ่เกินไป หลายคนในการตัดสินใจที่จะทำในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในห้องเรียนเช่นต่อไปนี้:? ฉันจะเงียบลงสิ่ง? ฉันสามารถช่วยให้นักเรียนรู้สึกชื่นชมวิธีการที่เราสามารถทำทานที่ในชีวิตประจำวันของการเรียนรู้ของวันก่อนหน้าฉันจะลดหรือแม้กระทั่งใช้ประโยชน์จากปัญหาที่เกิดขึ้นแทนที่จะต้องมันเป็นภาระหรือไม่มีแน่นอนหลายปัญหาอื่น ๆ อีกมากมายที่จะแก้ปัญหา คุณอาจจะไม่ได้คิดว่าพวกเขาเป็นปัญหา แต่พวกเขาและพวกเขามักจะเรียกต่อไปนี้: 1 คุณจำเป็นต้องใช้ความสามารถในการประเมินว่าสิ่งที่จำเป็นโดยเร็ว2 คุณพบความเครียดมากกว่าว่าจะทำอย่างไรเมื่อใดและวิธีการที่. 3 การตัดสินใจจะต้องทำ4 กลยุทธ์ที่จะต้องดำเนินการ5 ผลกระทบของกลยุทธ์ที่จะต้องมีการตรวจสอบเพื่อให้แน่ใจว่าผลที่ต้องการจะประสบความสำเร็จ. การแก้ปัญหาไม่ว่าความรุนแรงของปัญหาที่มีการระบายน้ำ มันเปลืองเวลาของคุณพลังงานและสำรองทางอารมณ์ ต้องเป็นวิธีที่คุณเพื่อปรับปรุงการแก้ปัญหาเพื่อที่คุณจะต้องแก้ปัญหาที่กำหนดครั้งเดียว (ถ้าเป็นที่ที่เป็นที่เกิดขึ้นอย่างใดอย่างหนึ่ง) ไม่ว่าจะโหลดขนาดใหญ่ออกจากไหล่ของคุณ? นี่คือที่มาในพิธีกรรมที่มีประโยชน์ที่พวกเขาช่วยให้คุณได้รับการจัดการกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นและยังป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น. สิ่งที่ทำให้พิธีกรรมที่ดีหรือไม่ลอง "แกะ" ในแต่ละเกณฑ์ที่ระบุไว้ในรูปที่ 15.1 ครั้งแรกที่พิธีกรรมจะต้องแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นคุณจัดการกับปัญหาทุกวันในงานของคุณและ (เช่นจำเป็นต้องได้รับนักเรียนของคุณ 'na สัปดาห์หรือเวลาหนึ่งเดือนปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นทุกการวันเดียวก่อนที่คุณจะพูด) อื่น ๆ ที่คาดการณ์ที่เกิดขึ้นภายในสัปดาห์หรือกรอบเวลาหนึ่งเดือนบางครั้งหลายสิบครั้ง (เช่นวันเกิดของนักเรียน) ความแตกต่างนี้ฉันสำคัญ มีเหตุผลที่จะได้รำคาญสร้าง ritualun ไม่มีมันจะช่วยให้คุณประหยัดในความเศร้าโศกมากกว่าหนึ่งครั้ง ความเศร้าโศกมันจะช่วยประหยัดคือการที่คุณจะได้ไม่ต้องระบายล้อ:. มีวิธีการแก้ปัญหาจัดแจงไว้ก่อนจำไว้ว่าพิธีกรรมที่มีการลากยาวสำหรับการใช้งานเพียงครั้งเดียวสองพิธีกรรมจะต้องมีส่วนร่วมของทุกคนและในชั้นเรียน ถ้าคุณทำงานอย่างแข็งขันในนกหวีดรถไฟที่จะได้รับความสนใจของคุณของนักเรียนที่พวกเขาไม่ได้ แต่ถ้าคุณต้องการความสนใจและ stle เป็นพิธีกรรมของคุณไม่ใช่ของพวกเขา พิธีกรรม. น้ำหนักรถไฟกลายเป็นมีประสิทธิผลที่คุณพูดว่า "ถ้าคุณสามารถได้ยินฉันตบมือของคุณอีกครั้งพิธีกรรมเพราะนักเรียนกำลังทำกับคุณมันไม่ใช่สิ่งที่คุณมีให้กับพวกเขามันเป็นประสบการณ์เกณฑ์นี้จะแจ้งเตือนคุณว่า. ไม่เกี่ยวกับคุณ. มันเป็นเรื่องของความพยายามร่วมกันในการแก้ปัญหาของกลุ่มซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการสร้างชุมชน. สามพิธีกรรมจะต้องมีเพื่อให้ง่ายและง่ายที่จะทำว่าทุกคนในชั้นเรียนของคุณสามารถทำมันได้. ซึ่งหมายความว่า ในชั้นเรียนรวมก็สามารถเข้าถึงได้ให้กับนักเรียนที่มีความสามารถ di เช่นเดียวกับเด็กที่กำลังหิวเครียดหรือเลื่อนลอย. ใช้พิธีกรรมที่อาจเกี่ยวข้องกับการตอบสนองปรับอากาศ (ที่คิดว่าการทดลอง Pavlov ของ) หรือจะสวยใกล้กับอัตโนมัติ. นั่นหมายความว่าพวกเขาต้องรวม พฤติกรรมเช่นไร่มือไอเอ็นจี, ไชโย, การรวมยืดห้าสูงและการประชุมทีม. หลีกเลี่ยงการ Ritu ที่ต้องใช้คำสั่ง ls นวนิยายอย่างต่อเนื่องหรือการป้อนข้อมูลที่ซับซ้อนจากนักเรียน. เหล่านั้นจะไม่ได้ทำงานหรือที่ผ่านมา. นักเรียนได้หายไปและงานที่ได้รับรางวัล ' ทีได้ทำ. ประการที่สี่พิธีกรรมจะต้องคาดเดาได้อย่างมาก นักเรียนควรทราบว่าเมื่อมันจะเกิดขึ้น พวกเขาควรจะรู้ เช่นว่าวันเสมอเริ่มต้นด้วยการยืดซึ่งตามมาด้วยการประชุมระดับและจากนั้นความคิดเห็น

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

บทที่ 15the ผลผลิตธรรมชาติของการใช้พิธีกรรม

บทตัวอย่างใช้พิธีกรรมในการสอน
ทำไมใช้พิธีกรรม ?

ใช้พิธีกรรมเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างไรจะเริ่มอย่างไร
ระหว่างที่สุดของศตวรรษที่ยี่สิบ , นักศึกษา นั่งเงียบๆ ในห้องเรียนและถูกถามที่จะไม่พูดคุยกัน โครงสร้างนี้ได้สร้างความเครียดคงที่ สําหรับครูที่พยายามรักษาความกระตือรือร้นและการมีส่วนร่วม และยังมีนักเรียนเงียบๆ ด้านหน้าของห้องและหลีกเลี่ยงเพื่อนบ้านของพวกเขา ล่าสุดของเราเกี่ยวกับสมองและธรรมชาติของพลวัตทางสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงมุมมองของเรา . การขัดเกลาทางสังคมของผู้เรียนในหลายวิธี ที่สามารถดีได้เปลี่ยนแปลงระดับของความเครียด ความมั่นใจของเรา และแม้แต่เนื้อหาของเรา knowl ขอบบทนี้จะเน้นที่ประเภทเฉพาะของการถ่ายทอด : พิธีกรรม พิธีกรรมในการใช้ห้องเรียน

ห้องเรียนส่วนใหญ่มีบางประเภทของพิธีกรรม ตัวอย่างเช่น การเข้าดู ritualized และอัตโนมัติ นี้นำเราให้นิยามง่ายๆของเราเรียนพิธีกรรม : ขอทาย ซึ่งจัดแจงไว้ก่อนกิจกรรม พิธีกรรมในชั้นเรียนเป็นเพียงรูปแบบหนึ่งของการขัดเกลาทางสังคม เป็นกฎทั่วไปคุณควรทำให้เป็นนิสัยตลอดเวลาหาระดับที่เหมาะสมของการปฏิสัมพันธ์ทางสังคมสำหรับนักเรียนของคุณ เมื่อคุณทำเช่นนี้คุณจะสามารถที่จะเพิ่มหรือลดเสียงการโต้ตอบและอิทธิพลและแรงจูงใจ คุณอาจจะสงสัยว่า อะไรทำให้มีเรื่องปรึกษาเกณฑ์ในรูป ( รูป
( เกณฑ์ระดับพิธีกรรม
1 มันต้องแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น .
2 .มันต้องรวมและมีส่วนร่วมทุกคน
3 มันคงง่ายและง่ายที่จะทำ .
4 มันต้องสูงได้ - นักเรียนรู้เมื่อมันเกิดขึ้น .
5 มันต้องใส่นักเรียนในบวกอารมณ์ .
มีหลักประโยชน์หลายพิธีกรรมทางสังคมให้กับวัฒนธรรมของเรา ครั้งแรกที่พวกเขาให้สังคม " กาว " เพื่อให้เรารู้สึกผูกพันและผูกมัดซึ่งกันและกันกาวนี้คือสิ่งที่ช่วยให้เรารู้สึกเห็นอกเห็นใจต่อผู้อื่น และเต็มใจที่จะช่วยเหลือผู้อื่นในเวลาที่ต้องการ แต่มันยังเพิ่มความชั่วร้ายทางศีลธรรมของเราเมื่อมีคนแบ่งกฎเกณฑ์ทางสังคมที่เรายึดติด ประโยชน์ที่สองคือพิธีกรรมทางสังคมที่ช่วยให้เราถ่ายทอดค่านิยมกับแต่ละอื่น ๆ โดยเฉพาะกับรุ่นน้องที่
ทำไมใช้พิธีกรรม ?
ทุกๆวันคุณทำให้หลายใจ ไมโคร เป็นครู และไม่กี่ครั้งด้วย จำนวนมากของการตัดสินใจจะทำเพื่อแก้ไขปัญหาในชั้นเรียน เช่น ดังต่อไปนี้
ฉันจะเงียบหน่อย ?
วิธีการที่ฉันสามารถช่วยให้นักเรียนรู้สึกชื่นชม ?
ทำไมเราทำรีวิวทุกวัน จากเดิมวันเรียน
แล้วจะลด หรือแม้แต่ใช้ประโยชน์จากปัญหาแทนที่จะเป็นภาระเหรอ ?