Study 1: Understanding DrivingSteer

Study 1: Understanding Driving
Steering is required in various driving contexts, for example,
parking, stopping at an intersection and turning into another
lane. However, in these situations the vehicle is moving at
a low speed and –when blinded– the driver can simply stop
the vehicle without jeopardizing the safety of other drivers.
Steering at higher speeds typically happens when changing
lanes or taking an exit, in which case the driver only has to
steer for a very brief period (less than a few seconds). Steering
for longer periods at a constant speed only occurs when
there is a curvature in the road, with the most extreme case
when a driver has to take a 270 loop ramp when driving over
a cloverleaf highway interchange. Haptic feedback would be
the most useful in this context as drivers have a greater risk of
getting blinded due to the significant change in direction and
a greater risk of an accident due to having to steer for a prolonged
period. For this study, we therefore analyze driving
behavior when driving on a curved road.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ศึกษาที่ 1: เข้าใจขับพวงมาลัยจำเป็นต้องใช้ในบริบทที่มีการขับขี่ต่าง ๆ เช่นที่จอดรถ การหยุดที่สี่แยก และเป็นอีกเลน อย่างไรก็ตาม ในกรณีนี้ รถจะเคลื่อนที่ความเร็วต่ำและ เมื่อมองไม่เห็น – ก็สามารถหยุดการไดรเวอร์รถไม่ มี jeopardizing ความปลอดภัยของโปรแกรมควบคุมอื่น ๆพวงมาลัยที่ความเร็วสูงมักจะเกิดขึ้นเมื่อการเปลี่ยนแปลงถนนหนทางหรือการออก ในกรณีโปรแกรมควบคุมใดเพียงแต่มีคัดท้ายเป็นระยะเวลาสั้น ๆ (น้อยกว่าไม่กี่วินาที) พวงมาลัยพาวเวอร์สำหรับรอบระยะเวลาที่ยาวความเร็วคงเท่านั้นที่เกิดขึ้นเมื่อมีความโค้งในถนน กับกรณีมากที่สุดเมื่อโปรแกรมควบคุมมีการใช้ทางลาดวน 270 เมื่อขับรถผ่านการแลกเปลี่ยนทางหลวง cloverleaf ความคิดเห็น haptic จะมีความเสี่ยงมากกว่าของที่ประโยชน์มากที่สุดในบริบทนี้เป็นโปรแกรมควบคุมการมองไม่เห็นเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทิศทาง และความเสี่ยงที่มากขึ้นของอุบัติเหตุเนื่องจากต้องคัดท้ายสำหรับการเป็นเวลานานรอบระยะเวลา สำหรับการศึกษานี้ เราจึงวิเคราะห์การขับพฤติกรรมเมื่อขับรถบนถนนโค้ง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การศึกษาที่ 1: การทำความเข้าใจการขับรถพวงมาลัยจะต้องขับรถในบริบทต่างๆเช่นที่จอดรถหยุดที่สี่แยกและกลายเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ อย่างไรก็ตามในสถานการณ์เหล่านี้รถที่มีการเคลื่อนไหวที่ความเร็วต่ำและเมื่อมี blinded- คนขับก็สามารถหยุดรถได้โดยไม่เป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่อื่นๆ . พวงมาลัยที่ความเร็วสูงมักจะเกิดขึ้นเมื่อมีการเปลี่ยนเลนหรือการออกซึ่งในกรณีนี้คนขับเท่านั้นที่มีการคัดท้ายเป็นระยะเวลาที่สั้นมาก (น้อยกว่าไม่กี่วินาที) พวงมาลัยสำหรับระยะเวลานานความเร็วคงเกิดขึ้นเมื่อมีความโค้งในถนนที่มีกรณีที่มากที่สุดเมื่อคนขับรถจะต้องใช้เวลา270? ทางลาดห่วงเมื่อขับรถในช่วงการแลกเปลี่ยนทางหลวงโคลเวอร์ลี สัมผัสความคิดเห็นที่จะเป็นประโยชน์มากที่สุดในบริบทนี้เป็นคนขับมีความเสี่ยงมากขึ้นจากการได้รับการตาบอดเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในทิศทางและความเสี่ยงมากขึ้นของการเกิดอุบัติเหตุเนื่องจากมีการคัดท้ายเป็นเวลานานระยะเวลา สำหรับการศึกษานี้เราจึงขับรถวิเคราะห์พฤติกรรมการขับรถบนถนนที่โค้ง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

1 : การทำความเข้าใจขับรถ
พวงมาลัยต้องมีบริบทต่าง ๆการขับเช่น
จอดรถ หยุดที่สี่แยกไฟแดง และกลายเป็นช่องทางอื่น

อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์เหล่านี้ยานพาหนะกำลังเคลื่อนที่ในความเร็วต่ำ และเมื่อ
( ตาบอด ) ผู้ขับขี่สามารถหยุดรถโดยไม่ jeopardizing
ความปลอดภัยของไดรเวอร์อื่น ๆขับที่ความเร็วสูงโดยทั่วไปเกิดขึ้น

เมื่อเปลี่ยนเลน หรือใช้ทางออกในกรณีที่คนขับเท่านั้นมี
คัดท้ายสำหรับรอบระยะเวลาที่สั้นมาก ( น้อยกว่าไม่กี่วินาที ) พวงมาลัย
สำหรับระยะเวลานานด้วยความเร็วคงที่เท่านั้นเกิดขึ้นเมื่อ
มีความโค้งในถนนที่มีมากที่สุดกรณี
เมื่อไดรเวอร์มีการใช้ 270  ห่วงทางลาดเมื่อขับรถผ่าน : โคลฟเวอร์ ลีฟ ทางหลวง การแลกเปลี่ยน ข้อเสนอแนะ haptic จะ
มากที่สุดเป็นประโยชน์ในบริบทนี้เป็นไดรเวอร์มีความเสี่ยงมากขึ้นของ
การตาบอดเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในทิศทางและ
มากขึ้นความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุเนื่องจากต้องคัดท้ายสำหรับระยะเวลานาน

ครั้งนี้เราจึงวิเคราะห์พฤติกรรมการขับรถเมื่อขับรถบนถนนโค้ง