Video coding for storing movies on

Video coding for storing movies on CD-ROM with on the order of 1.2 Mbits/s
allocated to video coding and 256 kbits/s allocated to audio coding, which led to
the initial ISO MPEG-1 (Motion Picture Experts Group) standard [8].
s
Video coding for broadband ISDN, broadcast and for storing video on DVD
(Digital Video Disks) with on the order of 2–400 Mbits/s allocated to video and
audio coding, which led to the ISO MPEG-2 video coding standard [9]. The ITU
has given this standard the number H.262.
s
Video coding for object-based coding at rates as low as 8 kbits/s, and as high as
1 Mbits/s, or higher, which led to the ISO MPEG-4 video coding standard [10].
Key aspects of this standard include independent coding of objects in a picture; the
ability to interactively composite these objects into a scene at the display; the ability
to combine graphics, animated objects, and natural objects in the scene; and
finally the ability to transmit scenes in higher dimensionality formats (e.g., 3D).
Before delving in to details of standards, a few general remarks are in order. It is
important to note that standards specify syntax and semantics of the compressed bit
stream produced by the video encoder, and how this bit stream is to be parsed and
decoded (i.e., decoding procedure) to produce a decompressed video signal. However,
many algorithms and parameter choices in the encoding are not specified (such as
motion estimation, selection of coding modes, allocation of bits to different parts of
the picture, etc.) and are left open and depend greatly on encoder implementation.
However it is a requirement that resulting bit stream from encoding be compliant to
the specified syntax. The result is that the quality of standards based video codecs,
even at a given bitrate, depends greatly on the encoder implementation. This explains
why some implementations appear to yield better video quality than others.
In the following sections, we provide brief summaries of each of these video
standards, with the goal of describing the basic coding algorithms as well as the
features that support use of the video coding in multimedia applications.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

โค้ดวิดีโอสำหรับการเก็บภาพยนตร์ในซีดีรอมกับขั้น 1.2 Mbits/sปันส่วนเข้ารหัสวิดีโอและ 256 kbits/s การปันส่วนรหัสเสียง ซึ่งนำไปสู่เริ่มต้น ISO MPEG-1 (กลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านภาพเคลื่อนไหว) มาตรฐาน [8]sวิดีโอการเขียนโค้ดสำหรับ ISDN ความเร็วสูง ออกอากาศ และจัดเก็บวิดีโอบนดีวีดี(ดิจิทัลวิดีโอดิสก์) กับขั้น 2 – 400 Mbits/s ปันส่วนวิดีโอ และเสียงรหัส ที่วิดีโอ ISO mpeg-2 รหัสมาตรฐาน [9] ITUได้รับมาตรฐานนี้ H.262 หมายเลขsรหัสสำหรับวัตถุตามกำหนดที่ราคาต่ำสุด 8 kbits/s วิดีโอ และสูงที่สุด1 Mbits/s หรือสูงกว่า ที่นำวิดีโอ ISO MPEG-4 รหัสมาตรฐาน [10]ลักษณะสำคัญของมาตรฐานนี้ประกอบด้วยรหัสอิสระของวัตถุในภาพ ที่ความสามารถในการคอมโพสิตสำหรับวัตถุเหล่านี้เป็นฉากในการแสดงผล ความสามารถในรวมรูปภาพ วัตถุเคลื่อนไหว และธรรมชาติวัตถุในฉาก และในที่สุดความสามารถในการส่งข้อมูลในรูปแบบ dimensionality สูง (เช่น 3D)ก่อน delving ในรายละเอียดของมาตรฐาน หมายเหตุทั่วไปกี่อยู่ในใบสั่ง จึงโปรดทราบว่า มาตรฐานระบุไวยากรณ์และความหมายของบิตการบีบอัดสตรีมที่ผลิต โดยเข้ารหัสวิดีโอ และวิธีนี้บิตสตรีมจะสามารถแยกวิเคราะห์ และถอดรหัส (เช่น ถอดรหัสขั้นตอน) เพื่อสร้าง decompressed สัญญาณวิดีโอ อย่างไรก็ตามอัลกอริทึมและเลือกพารามิเตอร์ในการเข้ารหัสจำนวนมากไม่ได้ระบุ (เช่นการประเมินการเคลื่อนไหว เลือกโหมด รหัสการปันส่วนของบิตไปยังส่วนต่าง ๆ ของในรูปภาพ ฯลฯ) มีซ้ายเปิด และขึ้นอยู่อย่างมากในการเข้าใช้งานอย่างไรก็ตาม มันเป็นความต้องการที่เกิดบิตสตรีมจากการเข้ารหัสเป็นระบบไวยากรณ์ที่ระบุ ผลที่ได้คือ ว่า คุณภาพมาตรฐานโดยใช้ตัวแปลงสัญญาณวิดีโอแม้ที่บิตเรตที่กำหนด ขึ้นอยู่มากในการนำเข้า นี้อธิบายทำไมใช้งานบางอย่างปรากฏให้คุณภาพวิดีโอดีกว่าผู้อื่นในส่วนต่อไปนี้ เรามีสรุปโดยย่อของแต่ละเหล่านี้วิดีโอมาตรฐาน โดยมีเป้าหมายเพื่ออธิบายอัลกอริทึมรหัสพื้นฐานรวมทั้งคุณลักษณะที่สนับสนุนใช้เขียนโค้ดในโปรแกรมประยุกต์มัลติมีเดียที่มีการแสดงผล

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การเข้ารหัสวิดีโอสำหรับการจัดเก็บภาพยนตร์บนแผ่น CD-ROM ที่มีการสั่งซื้อ 1.2 Mbits / s
ที่จัดสรรให้กับการเข้ารหัสวิดีโอและ 256 กิโลบิต /
วินาทีจัดสรรให้กับการเข้ารหัสเสียงซึ่งนำไปสู่การเริ่มต้นISO MPEG-1 (Motion Picture Experts Group ซึ่ง) มาตรฐาน [8 ].
s
วิดีโอการเข้ารหัสสำหรับ ISDN บรอดแบนด์กระจายเสียงและสำหรับการจัดเก็บวิดีโอในรูปแบบดีวีดี
(ดิสก์วีดีโอดิจิตอล) ที่มีคำสั่งของ 2-400 Mbits / s
ที่จัดสรรให้กับวิดีโอและการเข้ารหัสเสียงซึ่งนำไปสู่มาตรฐานISO วิดีโอ MPEG-2 มาตรฐานการเข้ารหัส [9] งาน ITU
ได้รับมาตรฐานนี้จำนวน H.262.
s
วิดีโอการเข้ารหัสสำหรับการเข้ารหัสวัตถุที่ใช้ในอัตราที่ต่ำที่สุดเท่าที่ 8 kbits / s และสูงถึง
1 Mbits / s หรือที่สูงขึ้นซึ่งจะนำไปสู่มาตรฐาน ISO MPEG-4 . การเข้ารหัสวิดีโอมาตรฐาน [10]
ลักษณะสำคัญของมาตรฐานนี้รวมถึงการเข้ารหัสที่เป็นอิสระของวัตถุในภาพ;
ความสามารถในการโต้ตอบคอมโพสิตวัตถุเหล่านี้เข้าฉากที่จอแสดงผล;
ความสามารถในการที่จะรวมกราฟิกวัตถุเคลื่อนไหวและวัตถุธรรมชาติในที่เกิดเหตุนั้น และในที่สุดความสามารถในการส่งผ่านฉากในรูปแบบมิติที่สูงขึ้น (เช่น 3D). ก่อน delving ในรายละเอียดของมาตรฐานเป็นคำพูดไม่กี่ทั่วไปอยู่ในลำดับที่ มันเป็นสิ่งสำคัญที่จะทราบว่ามาตรฐานการระบุไวยากรณ์และความหมายของการบีบอัดบิตสตรีมที่ผลิตโดยเข้ารหัสวิดีโอและวิธีการที่กระแสบิตนี้คือการแยกวิเคราะห์และถอดรหัส(เช่นขั้นตอนการถอดรหัส) ในการผลิตสัญญาณภาพแตก แต่ขั้นตอนวิธีการและทางเลือกหลายพารามิเตอร์ในการเข้ารหัสที่ไม่ได้ระบุไว้(เช่นการประมาณค่าการเคลื่อนไหว, การเลือกโหมดการเข้ารหัสการจัดสรรบิตไปยังส่วนต่างๆของภาพและอื่น ๆ ) และมีการเปิดทิ้งไว้และขึ้นอย่างมากในการดำเนินการเข้ารหัส. อย่างไรก็ตาม เป็นความต้องการที่กระแสบิตที่เกิดจากการเข้ารหัสจะตามไปไวยากรณ์ที่ระบุ ผลที่ได้คือคุณภาพของมาตรฐานตามตัวแปลงสัญญาณวิดีโอ, แม้ที่บิตเรตที่กำหนดขึ้นอยู่มากในการดำเนินการเข้ารหัส นี้จะอธิบายว่าทำไมการใช้งานบางอย่างปรากฏให้ผลผลิตคุณภาพของวิดีโอที่ดีกว่าคนอื่น. ในส่วนต่อไปนี้เราให้สรุปสั้น ๆ ของแต่ละวิดีโอเหล่านี้มาตรฐานมีเป้าหมายในการอธิบายขั้นตอนวิธีการเข้ารหัสขั้นพื้นฐานเช่นเดียวกับที่มีคุณสมบัติที่รองรับการใช้งานของวิดีโอเขียนโปรแกรมในการใช้งานมัลติมีเดีย