Since production and the biennial c

Since production and the biennial cycle are strictly related to the offer of photoassimilates, several authors have tried to select productive plants based on the photosynthetic rate. Despite some differences having been observed among species and varieties from the same species, in particular in C. arabica, it was not possible to establish a significant correlation between productivity and photosynthesis (Nunes et al. 1969; Söndahl et al. 1976). Photosynthesis in productive and less productive plants is similar, although less productive plants have a biennial cycle less pronounced than productive plants (Mazzafera et al. 1995).

Photosynthesis in coffee is well studied and several studies showed that above 30°C it starts to decrease significantly (Rena and Maestri 1984). Photosynthesis in coffee begins to saturate with radiation between 600 and 1000 μmol photons m-2-1s , a light intensity usually found in sunny days during the summer, between 9 and 10 am. Thus, considering that temperatures above 30°C are usual during the hottest months of the year and that this luminosity is
easily reached in days of full sun, coffee production in tropical areas would theoretically be impractical. Production occurs because the plant canopy has to be considered as one whole object. Cannel (1985) suggested that an adult coffee plant could be divided into three photosynthetic layers, namely: a) an external one, which receives high luminosity and temperature, and as a consequence, presents inhibition of photosynthesis almost all day long; b) a second layer that receives indirect and diffuse light with lower temperature in which photosynthesis is satisfactory; c) an inner layer, which would has low rates of photosynthesis due to low light availability. In the second layer, besides diffuse light, rays of light which penetrate the canopy due to sun movement (sun flecks) would reach the leaves, permitting higher photosynthesis rates. Thus, correlating productivity to photosynthesis would only be possible if the entire plant was placed into a chamber and the CO consumption was measured. Since the accumulation of dry mass basically represents a difference between carbon input in photosynthesis and its loss in respiration, monitoring dry mass variation would be as trustworthy as sampling the whole plant; however the material would be inconveniently destroyed.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ตั้งแต่การผลิตและวงจรล้มลุกอย่างเคร่งครัดเกี่ยวข้องกับข้อเสนอของ photoassimilates ผู้แต่งหลายคนได้พยายามที่จะเลือกผลิตพืชใช้อัตราสังเคราะห์แสง แม้ มีความแตกต่างที่มีการสังเกตชนิดและสายพันธุ์จากสายพันธุ์เดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอาราบิก้า C. ไม่ได้สร้างความสัมพันธ์ที่สำคัญระหว่างการผลิตและการสังเคราะห์ด้วยแสง (Nunes et al. 1969 Söndahl et al. 1976) สังเคราะห์แสงในพืชที่มีประสิทธิภาพ และมีประสิทธิผลน้อยจะคล้ายกัน แม้ว่าจะผลิตน้อยลงพืชล้มลุกรอบน้อยกว่าผลผลิตพืช (Mazzafera et al. 1995) การออกเสียง สังเคราะห์แสงในกาแฟที่มีศึกษาดี และหลายการศึกษาพบว่า มากกว่า 30 องศาเซลเซียส นั้นเริ่มลดลงอย่างมีนัยสำคัญ (เรและ 1984 ใหม่) สังเคราะห์แสงในกาแฟเริ่มเปียกโชก ด้วยรังสีระหว่าง 600 และ 1000 ไมโครโมลโฟตอน m-ทู ความสว่างมักจะพบในวันที่มีแดดช่วงฤดูร้อน ระหว่าง 9 และ 10 am ดังนั้น พิจารณาว่า อุณหภูมิสูงกว่า 30° C เป็นปกติในช่วงเดือนร้อนที่สุดของปี และความสว่างนี้เป็น เดินทางไปในวันของดวงอาทิตย์เต็ม การผลิตกาแฟในพื้นที่เขตร้อนในทางทฤษฎีจะทำไม่ การผลิตเกิดขึ้นเนื่องจากมีหลังคาโรงงานจะถือว่าเป็นวัตถุเดียวทั้งหมด ริม (1985) แนะนำว่า กาแฟที่ผู้ใหญ่สามารถแบ่งออกเป็นสามชั้นดำรง คือ: การ) มีหนึ่งภายนอก ซึ่งได้รับความสว่างสูงและอุณหภูมิ และเป็นผล แสดงการยับยั้งการสังเคราะห์แสงเกือบตลอดทั้งวัน ข) สองชั้นที่ได้รับทางอ้อม และกระจายแสงกับอุณหภูมิต่ำที่สังเคราะห์ด้วยแสงน่าพอใจ ค) มีชั้น ซึ่งจะมีราคาถูกที่สุดของการสังเคราะห์แสงเนื่องจากความพร้อมแสงต่ำ ในชั้นที่สอง นอกจากการกระจายแสง รังสีของแสงที่เจาะหลังคาเนื่องจากการเคลื่อนไหวดวงอาทิตย์ (sun เกล็ด) จะถึงใบ เอื้ออำนวยอัตราการสังเคราะห์แสงสูง ดังนั้น กำลังรวบรวมสำหรับประสิทธิภาพการสังเคราะห์แสงเท่านั้นจะเป็นไปได้หากพืชทั้งหมดถูกวางไว้ในห้อง และโดยวัดปริมาณ CO เนื่องจากการสะสมของมวลแห้งโดยทั่วไปแสดงถึงความแตกต่างระหว่างอินพุตคาร์บอนในการสังเคราะห์แสงและการสูญเสียในการหายใจ การตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงมวลแห้งจะเป็นที่น่าเชื่อถือเป็นการเก็บตัวอย่างพืชทั้งหมด อย่างไรก็ตาม วัสดุจะถูกทำลาย inconveniently

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เนื่องจากการผลิตและวงจรล้มลุกที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดเพื่อเสนอ photoassimilates หลายผู้เขียนได้พยายามที่จะเลือกพืชที่ผลิตขึ้นอยู่กับอัตราการสังเคราะห์แสง แม้จะมีความแตกต่างบางอย่างที่มีการตั้งข้อสังเกตในหมู่สายพันธุ์และพันธุ์จากสายพันธุ์เดียวกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งใน C. อาราบิก้ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่สำคัญระหว่างการผลิตและการสังเคราะห์แสง (Nunes et al, 1969;.. Söndahl et al, 1976) การสังเคราะห์แสงในพืชที่มีประสิทธิผลและมีประสิทธิภาพน้อยที่คล้ายกันแม้ว่าโรงงานผลิตน้อยมีวงจรล้มลุกน้อยเด่นชัดกว่าพืชที่มีประสิทธิผล (Mazzafera et al. 1995)

การสังเคราะห์แสงในกาแฟมีการศึกษาดีและการศึกษาหลายแห่งพบว่าสูงกว่า 30 องศาเซลเซียสมันเริ่มที่จะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ (Rena และ Maestri 1984) การสังเคราะห์แสงในกาแฟจะเริ่มเปียกโชกด้วยรังสีระหว่าง 600 และ 1000 ไมโครโมลโฟตอน M-2-1s มีความเข้มของแสงมักจะพบในวันที่มีแดดในช่วงฤดูร้อนระหว่างวันที่ 9 และ 10:00 ดังนั้นการพิจารณาว่ามีอุณหภูมิสูงกว่า 30 องศาเซลเซียสเป็นปกติในช่วงเดือนที่ร้อนที่สุดของปีและที่ผ่องใสนี้จะ
เข้าถึงได้อย่างง่ายดายในวันที่ดวงอาทิตย์เต็มการผลิตกาแฟในเขตร้อนจะในทางทฤษฎีจะทำไม่ได้ เกิดขึ้นเนื่องจากการผลิตหลังคาโรงงานได้รับการพิจารณาเป็นวัตถุหนึ่งทั้ง Cannel (1985) ชี้ให้เห็นว่าเป็นพืชกาแฟผู้ใหญ่สามารถแบ่งออกเป็นสามชั้นสังเคราะห์ ได้แก่ ก) ภายนอกหนึ่งซึ่งได้รับการส่องสว่างสูงและอุณหภูมิและเป็นผลให้มีการจัดการยับยั้งการสังเคราะห์แสงเกือบตลอดทั้งวัน; ข) ชั้นที่สองที่รับแสงทางอ้อมและกระจายอุณหภูมิที่ต่ำกว่าในการสังเคราะห์แสงซึ่งเป็นที่น่าพอใจ; ค) ชั้นซึ่งจะมีอัตราที่ต่ำของการสังเคราะห์เนื่องจากมีแสงน้อย ในชั้นที่สองนอกเหนือจากการกระจายแสงรังสีของแสงที่เจาะหลังคาเนื่องจากการเคลื่อนไหวของดวงอาทิตย์ (เกล็ดอาทิตย์) จะถึงใบอนุญาตให้อัตราการสังเคราะห์แสงที่สูงขึ้น ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างการผลิตเพื่อการสังเคราะห์แสงเท่านั้นที่จะเป็นไปได้ถ้าทั้งโรงงานถูกวางอยู่ในห้องและการบริโภค CO ถูกวัด เนื่องจากการสะสมของมวลแห้งโดยทั่วไปหมายถึงความแตกต่างระหว่างการป้อนข้อมูลคาร์บอนไดออกไซด์ในการสังเคราะห์แสงและการสูญเสียในการหายใจการตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงมวลแห้งจะเป็นที่น่าเชื่อถือการเก็บตัวอย่างพืชทั้ง; แต่วัสดุที่จะถูกทำลายลำบาก

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ตั้งแต่การผลิตและวงจรล้มลุกเป็นอย่างเคร่งครัดที่เกี่ยวข้องกับข้อเสนอของ photoassimilates หลายผู้เขียนได้พยายามเลือกการผลิตพืชตามอัตราการสังเคราะห์ด้วยแสง . แม้จะมีความแตกต่างกันบ้าง เคยสังเกตตามชนิดและพันธุ์มาจากสายพันธุ์เดียวกัน โดยเฉพาะใน C . อาราบิก้านั้น มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผลผลิตและการสังเคราะห์แสง ( นูนส์ et al . 1969 ; S ö ndahl et al . 1976 ) การสังเคราะห์แสงในพืช มีประสิทธิภาพ และประสิทธิผลน้อยใกล้เคียงกัน แม้ว่าพืชมีประสิทธิภาพน้อยมีล้มลุกรอบน้อยออกกว่าพืชการผลิต ( mazzafera et al . 1995 )การสังเคราะห์แสงในกาแฟมีการศึกษาหลายการศึกษา พบว่า เกิน 30 องศา C จะเริ่มลดลง ( เรนะ และคำนามพหูพจน์ของ maestro 1984 ) การสังเคราะห์แสงในกาแฟเริ่มเปียกโชกด้วยรังสีระหว่าง 600 และ 1000 μ mol โฟตอน m-2-1s , ความเข้มแสง มักจะพบในวันแดดในช่วงฤดูร้อนระหว่าง 9 และ 10 โมงเช้า ดังนั้น การพิจารณาที่อุณหภูมิสูงกว่า 30 องศา C เป็นปกติในช่วงเดือนที่ร้อนที่สุดของปี และความสว่างนี้เข้าถึงได้ง่ายในวันอาทิตย์เต็มการผลิตกาแฟในพื้นที่เขตร้อนในทางทฤษฎีจะถูกใช้งานไม่ได้ การผลิตที่เกิดขึ้น เนื่องจากพืชทรงพุ่มได้จะถือว่าเป็นหนึ่งของวัตถุทั้งหมด ชุมชน ( 1985 ) แนะนำว่า ผู้ใหญ่กาแฟพืชสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ระยะ คือ 1 ) ชั้นภายนอกหนึ่งซึ่งได้รับความสว่างและอุณหภูมิสูงและเป็นผล , แสดงการยับยั้งการสังเคราะห์ด้วยแสงเกือบทั้งวัน ; B ) 2 ชั้นที่ได้รับทางอ้อมและกระจายแสงกับอุณหภูมิที่สังเคราะห์แสง น่าพอใจ ; C ) ชั้นใน ซึ่งมีอัตราต่ำของการสังเคราะห์แสงเนื่องจากใช้งานแสงน้อย ในชั้นที่สอง นอกจากกระจายแสง , แสงที่เจาะหลังคาเนื่องจากการเคลื่อนไหวที่ดวงอาทิตย์ ( Sun จุด ) จะถึงใบอนุญาต อัตราการสังเคราะห์แสงสูง ดังนั้นความสัมพันธ์การผลิตเพื่อการสังเคราะห์แสงจะเป็นไปได้ถ้าพืชทั้งหมดถูกใส่เข้าไปในตำหนัก และจำกัดการบริโภค วัด เนื่องจากการสะสมของมวลแห้งโดยทั่วไปแสดงถึงความแตกต่างระหว่างคาร์บอนใส่ในการสังเคราะห์แสงและการหายใจของการสูญเสียการเปลี่ยนแปลงมวลแห้งจะเชื่อถือเป็นพืชทั้งหมด ตัวอย่าง แต่วัสดุจะกุกกักทำลาย