This paper aimed at exploring the r

This paper aimed at exploring the relationship between FDI growth and human capital development in the indian context. A bidirectional causality between them was hypothesised. Besides, the impact of four other macroeconomic variables, namely WPI inflation, real GDP growth, and growth in exports and imports, on FDI growth was examined. The results showed that though human capital development did not facilitate FDI growth, the latter had an impact on the former defined as percentage changes in All Indian Student Enrolment and Expenditure on Higher Edu-cation. Amongst the macroeconomic variables, inflation was found to contribute most significantly to FDI inflow. However, a positive impact of inflation on FDI growth indicated that inflation might have been viewed as a factor that would boost the profits of the MNCs, rather than offering economic instability.
Results based on correlation coefficients indicated that the number of primary, middle and higher secondary schools might have played some role in determining FDI destination across 16 zones consisting of the states and the union territories during 2010-2011. Similarly, for these zones, the amount of FDI inflow during 2010-2011 had significant correlation coefficients with respect to the number of high schools and colleges for professional education. However, the number of universities and other institutes of higher education did not seem to have a significant impact in determining zonal distribution of FDI inflows. With respect to enrolments in different PG programmes, FDI inflows appeared to have significant influence on PG commerce followed by Ph.D./M.Phil. Enrolments in PG Medicine and undergraduate programmes did not have any significant correlation with FDI inflows.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เอกสารนี้มุ่งสำรวจความสัมพันธ์ระหว่างการเจริญเติบโตของ FDI และพัฒนาทุนมนุษย์ในอินเดีย Causality แบบสองทิศทางระหว่างพวกเขาถูก hypothesised นอก ผลกระทบของสี่เศรษฐกิจมหภาคแบบ คือ WPI อัตราเงินเฟ้อ เศรษฐกิจจริง และเติบโตในการส่งออกและนำเข้า บนเติบโต FDI ถูกตรวจสอบ ผลลัพธ์แสดงให้เห็นว่า แม้ว่าการพัฒนาทุนมนุษย์ได้ง่ายเจริญเติบโตของ FDI หลังมีผลกระทบในอดีตกำหนดเป็นเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงในการลงทะเบียนนักอินเดียทั้งหมดและรายจ่ายใน Edu cation สูง ท่ามกลางตัวแปรเศรษฐกิจมหภาค เงินเฟ้อพบมีส่วนร่วมมากที่สุดเข้า FDI อย่างไรก็ตาม ผลกระทบของอัตราเงินเฟ้อในเจริญเติบโตของ FDI ระบุว่า อัตราเงินเฟ้ออาจถูกแสดงเป็นตัวคูณที่จะเพิ่มผลกำไรของ MNCs ใน แทนที่นำเสนอความไม่มีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ผลลัพธ์ตามค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระบุว่า จำนวนโรงเรียนมัธยมหลัก กลาง และสูงอาจมีบทบาทบางอย่างในการกำหนดจุดหมายปลายทางของ FDI ในเขต 16 ประกอบด้วยรัฐและดินแดนสหภาพระหว่างปี 2010-2011 ในทำนองเดียวกัน ในโซนเหล่านี้ จำนวนกระแส FDI ในระหว่างปี 2010-2011 มีสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญเกี่ยวกับจำนวนสูงโรงเรียนและวิทยาลัยการศึกษามืออาชีพ อย่างไรก็ตาม จำนวนของมหาวิทยาลัยและสถาบันอุดมศึกษาอื่น ๆ ไม่ได้ดูเหมือนไม่ มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญในการกำหนดกระแสเข้า FDI ยังกระจาย เกี่ยวกับ enrolments ในโครงการ PG ต่าง ๆ กระแสเข้า FDI ปรากฏมีอิทธิพลสำคัญในการค้า PG ตาม Ph.D./M.Phil. Enrolments ในยา PG และโปรแกรมปริญญาตรีไม่มีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญใด ๆ กับกระแสเข้า FDI

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

งานวิจัยนี้มุ่งศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการลงทุนโดยตรงจากการเจริญเติบโตและการพัฒนาทุนมนุษย์ในบริบทของอินเดีย มีความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเป็นสองวิชา . นอกจากนี้ ผลกระทบของตัวแปรทางเศรษฐกิจมหภาคอื่น ๆ สี่ คือ ต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อ การขยายตัวของเศรษฐกิจจริง และเติบโตในการส่งออกและนำเข้า โดยมีการตรวจสอบผลการศึกษาพบว่า การพัฒนาทุนมนุษย์ไม่ได้อำนวยความสะดวกในการเจริญเติบโต การลงทุนจากต่างประเทศ หลังได้รับผลกระทบจากอดีต เช่นการเปลี่ยนแปลงเปอร์เซ็นต์ในอินเดียนักศึกษาลงทะเบียนเรียนและค่าใช้จ่ายในการ การศึกษาที่สูงขึ้น ระหว่างตัวแปรทางเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ พบว่ามีส่วนร่วมมากที่สุดเพื่อการลงทุนโดยตรงไหลเข้า . อย่างไรก็ตามผลกระทบเชิงบวกของเงินเฟ้อจากอัตราการเจริญเติบโต พบว่า อาจถูกมองว่าเป็นปัจจัยที่จะช่วยเพิ่มผลกำไรของบริษัทข้ามชาติ แทนที่จะเสนอเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
ผลขึ้นอยู่กับสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ พบว่า จำนวนของหลักกลางและโรงเรียนมัธยม อาจจะเล่น บทบาทในการกำหนดปลายทางการลงทุนทั่ว 16 โซน ประกอบด้วยรัฐและดินแดนสหภาพในช่วง 2010-2011 . ในทำนองเดียวกัน สำหรับโซนนี้ ปริมาณการลงทุนโดยตรงไหลเข้าในระดับมีสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญเกี่ยวกับหมายเลขของโรงเรียนมัธยมและวิทยาลัยการศึกษาอาชีพ อย่างไรก็ตามจำนวนของมหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษาชั้นสูงอื่น ๆที่ไม่ได้ดูเหมือนจะมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญในการกำหนดเขตการกระจายของกระแสการลงทุนโดยตรง . ด้วยการสมัครในโครงการ PG แตกต่างกัน กระแสการลงทุนโดยตรง ดูเหมือนจะมีอิทธิพลต่อใน PG พาณิชย์ ตามด้วย D / m.phil .สมัครในยา PG และปริญญาตรีโครงการไม่ได้มีความสัมพันธ์กับกระแสการลงทุนโดยตรง .