ปัญหาสุขภาพถือว่าเป็นปัญหาที่นับวันยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะ แม้เราพยายามจะหลีกเลี่ยงความเสี่ยงเหล่านั้นในการดำเนินชีวิต แต่บางครั้งก็ไม่สามารถที่จะหลบพ้นแม้ในการทำงาน ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ปากกาเคมี
ปัจจุบันนี้ปากกาเคมีเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก ซึ่งมีกลิ่นเหม็นของสารเคมี ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพ สารเคมีสามารเข้าสู่ร่างกายคนเราได้ทางผิวหนังและการหายใจ เมื่อผ่านเข้าทางผิวหนังจะก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังอย่างรุนแรง ส่วนการหายใจเข้าสู่ร่างกาย จะถูกส่งไปยังปอด ผ่านเข้าสู่ระบบหมุนเวียนโลหิต ส่งผลต่อร่างกายได้หลายระดับ ตามปริมาณที่รับเข้าไป เช่น ทำให้มึนงง ปวดศีรษะ คลื่นเหียนอาเจียน เกิดการเสียวคอและหน้าอก เกิดการระคายเคืองตาและระบบทางเดินหายใจ ไอและน้ำมูกไหล นอกจากนี้การรับสารไซลีน ในปริมาณไม่มากต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานาน ก็สามารถส่งผลเสียต่อร่างกายได้เช่นกัน การสูดไอเคมีเข้าไปเรื่อยๆ จะไปกระตุ้นและกดระบบประสาทส่วนกลาง เช่น เกิดอาการชา สั่นกระตุก หวาดกลัว ความจำเสื่อม อ่อนเพลีย จิตใจกระวนกระวาย ทรงตัวลำบาก เบื่ออาหาร และท้องอืด ถือว่าเป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างมาก หากสูดดมเป็นเวลานานจะส่งผลต่อการกดสร้างเม็ดเลือดขาวและแดง ทำให้ป่วยเป็นโรคโลหิตจาง ไขกระดูกไม่ทำงานจนอาจถึงขั้นเป็นมะเร็งไขกระดูก เพราะในปากกาเคมีมีสารอินทรีย์ระเหยที่มีกลิ่นฉุน ชื่อ “ไตรคลอโรเอทธิลีน” ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกันกับตัวทำละลายที่มีกลิ่นและมีภัยต่อสุขภาพ เช่น เบนซิน ทินเนอร์ ฯลฯ
กลุ่มของข้าพเจ้าจึงมีแนวความคิดที่จะนำสีจากสารธรรมชาติมาทดแทนน้ำหมึกที่ทำจากสารเคมี โดยคำนึงถึงธรรมชาติที่มีอยู่ใกล้ตัวและไม่เป็นอันตราย จึงทำการศึกษาการสกัดสีจากพืชธรรมชาติที่มีอยู่ในท้องถิ่น