Beef cattle feedlots are estimated

Beef cattle feedlots are estimated to contribute 26% of U.S. agricultural greenhouse gas (GHG) emissions, and future climate change policy could target reducing these emissions. Life cycle assessment (LCA) of GHG emissions from U.S. grain-fed beef cattle was conducted based on industry statistics and previous studies to identify the main sources of uncertainty in these estimations. Uncertainty associated with GHG emissions from indirect land use change, pasture soil emissions (e.g. soil carbon sequestration), enteric fermentation from cattle on pasture, and methane emissions from feedlot manure, respectively, contributed the most variability to life cycle GHG emissions from beef production. Feeding of coproducts from ethanol production was estimated to reduce life cycle emissions by 1.7%, but could increase emissions by 0.6–2.0% with higher feeding rates. Monte Carlo simulation found a range of life cycle emissions from 2.52 to 9.58 kg CO2 per kg live weight (5th and 95th percentiles), with a calculated average of 8.14, which is between recent estimates. Current methods used by the U.S. Environmental Protection Agency (EPA) associated with beef production in feedlots were found to account for only 3–20% of life cycle GHG emissions.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Feedlots เนื้อวัวมีประมาณ 26% ของการปล่อยก๊าซ (GHG) เรือนกระจกเกษตรสหรัฐฯ มีส่วนร่วม และนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในอนาคตสามารถกำหนดเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเหล่านี้ ประเมินวงจรชีวิต(ผลิตภัณฑ์ LCA) ของการปล่อยก๊าซ GHG จากสหรัฐอเมริกาเลี้ยงข้าวเนื้อวัวถูกดำเนินตามสถิติอุตสาหกรรมและการศึกษาก่อนหน้านี้ในการระบุแหล่งมาหลักของความไม่แน่นอนในการประเมินเหล่านี้ ความไม่แน่นอนเกี่ยวข้องกับการปล่อยก๊าซ GHG จากที่ดินทางอ้อมใช้เปลี่ยน พาสเจอร์ดินปล่อย (เช่นดินคาร์บอน sequestration), หมัก enteric จากวัวในพาสเจอร์ และการปล่อยก๊าซมีเทนจากมูล feedlot ตามลำดับ ส่วนความแปรผันมากที่สุดการปล่อย GHG วงจรจากการผลิตเนื้อ อาหารของ coproducts จากการผลิตเอทานอลได้ประมาณจะลดวงจรชีวิตปล่อย 1.7% แต่สามารถปล่อยก๊าซเพิ่มขึ้น 0.6-2.0% ด้วยราคาอาหารสูงขึ้น จำลอง Carlo มอนพบช่วงของวงจรชีวิตปฏิกิริยาเคมีต่อจาก 2.52 9.58 kg CO2 ต่อกิโลกรัมสดน้ำหนัก (5 และ 95th percentiles), ด้วยการคำนวณเฉลี่ย 8.14 ซึ่งอยู่ระหว่างการประเมินล่าสุด วิธีใช้โดยสหรัฐอเมริกาด้านสิ่งแวดล้อมป้องกันหน่วย (EPA) เกี่ยวข้องกับการผลิตเนื้อใน feedlots ปัจจุบันพบบัญชีเพียง 3 – 20% ของการปล่อยก๊าซ GHG วงจรชีวิต

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

โคเนื้อ feedlots คาดว่าจะมีส่วนร่วม 26% ของสหรัฐก๊าซเรือนกระจกการเกษตร (GHG) และในอนาคตนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่สามารถกำหนดเป้​​าหมายลดการปล่อยก๊าซเหล่านี้ การประเมินวัฏจักรชีวิต (LCA) ของปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากสหรัฐข้าวเลี้ยงโคเนื้อได้ดำเนินการตามสถิติอุตสาหกรรมและการศึกษาก่อนหน้านี้ที่จะระบุแหล่งที่มาหลักของความไม่แน่นอนในการประมาณการเหล่านี้ ความไม่แน่นอนที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินทางอ้อมการปล่อยดินทุ่งหญ้า (เช่นดินกักเก็บคาร์บอน) หมักลำไส้จากวัวในทุ่งหญ้าและการปล่อยก๊าซมีเทนจากมูลขุนตามลำดับส่วนความแปรปรวนมากที่สุดเพื่อให้วงจรชีวิตปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการผลิตเนื้อวัว การให้อาหารของ coproducts จากการผลิตเอทานอลเป็นที่คาดกันเพื่อลดการปล่อยวงจรชีวิตขึ้น 1.7% แต่จะสามารถเพิ่มการปล่อยก๊าซจาก 0.6-2.0% มีอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมที่สูงขึ้น การจำลอง Monte Carlo พบช่วงของการปล่อยก๊าซวงจรชีวิต 2.52-9.58 กิโลกรัม CO2 ต่อกิโลกรัมน้ำหนัก (ที่ 5 และ 95 เปอร์เซนต์) โดยมีค่าเฉลี่ย 8.14 จากการคำนวณของซึ่งอยู่ระหว่างประมาณการล่าสุด วิธีการที่ใช้ในปัจจุบันโดยหน่วยงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของสหรัฐ (EPA) ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตเนื้อใน feedlots พบว่าบัญชีเพียง 3-20% ของวงจรชีวิตของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

โคเนื้อ feedlots ประมาณ 26 % ของสหรัฐฯสนับสนุนก๊าซเรือนกระจก ( GHG ) การเกษตร และนโยบายการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศในอนาคตสามารถกำหนดเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเหล่านี้ การประเมินวัฏจักรชีวิตผลิตภัณฑ์ ( LCA ) ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากธัญพืชสหรัฐหีบศพดำเนินการตามสถิติอุตสาหกรรมและการศึกษาก่อนหน้านี้ระบุแหล่งที่มาหลักของความไม่แน่นอนในภาคนี้ความไม่แน่นอนที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินโดยอ้อม มลพิษดิน เช่น ดิน หญ้า ที่มีการกักเก็บคาร์บอน ) , หมักจากวัวในทุ่งหญ้า และการปล่อยก๊าซมีเทนจากมูลสัตว์ การผลิต ตามลำดับ ส่วนการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดในวงจรชีวิตการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการผลิตเนื้ออาหาร coproducts จากการผลิตเอทานอลอยู่ที่ประมาณในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์โดย 1.7% แต่อาจเพิ่มขึ้น 0.6 ร้อยละ 2.0 โดยการปล่อยและราคาอาหารที่สูงขึ้น การจำลองมอนติคาร์โลพบช่วงของการปล่อยวงจรชีวิตจาก 2.52 เพื่อ 9.58 กิโลกรัม CO2 ต่อกิโลกรัมน้ำหนัก ( 5 และ 95 เปอร์เซนต์ไทล์ ) กับค่าเฉลี่ย 8.14 ซึ่งอยู่ระหว่างประเมินล่าสุดในปัจจุบันวิธีที่ใช้โดยหน่วยงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมสหรัฐอเมริกา ( EPA ) ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตโคเนื้อใน feedlots พบบัญชีเพียง 3 – 20 % ของวงจรชีวิตการปล่อยก๊าซเรือนกระจก .