On average, agricultural commoditie

On average, agricultural commodities represent 19% of a company’s costs and packaging represents 8% of operating costs. The industry as a whole is suffering from volatile commodity prices, specifically oil prices and petroleum based packaging products. Prices for pulp, aluminum, nuts, and sugar have also increased in recent quarters. With yields on sugar beet crops already projected to be low, and with political changes in the European Union’s sugar policies, sugar prices have increased from $0.21 per pound to $0.30 per pound. For most companies, sugar represents 5-10% of raw material costs. Kraft has a particularly high exposure to sugar prices of firms within the industry. Cheese, coffee, cocoa, and sugar are Kraft’s most valuable input commodities and Kraft projects that these commodity costs will be $800 million more than 2004 levels. Despite the rising commodity costs, most firms are reluctant to change their product recipes to save money on rising input costs for the fear of losing volume and brand quality. While most companies use hedging to minimize their exposure to rising commodity costs, ultimately these costs are market determined. Due to hedging, the effect of rising input costs on a company’s financial health is lagged as derivatives expire and new derivatives are purchased at higher futures prices. Therefore, even though suppliers do not have significant power in setting prices and extracting profits, the current environment of rising commodity prices is of significant concern for the industry.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

โดยเฉลี่ยสินค้าเกษตรที่เป็นตัวแทนของ 19% ของค่าใช้จ่ายของ บริษัท และบรรจุภัณฑ์ที่แสดงให้เห็นถึง 8% ของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน อุตสาหกรรมโดยรวมเป็นทุกข์จากความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์โดยเฉพาะราคาน้ำมันและปิโตรเลียมที่ใช้ผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ ราคาเยื่อกระดาษอลูมิเนียม, ถั่ว, และน้ำตาลได้เพิ่มขึ้นในไตรมาสที่ผ่านมา ด้วยอัตราผลตอบแทนกับพืชผักชนิดหนึ่งน้ำตาลที่คาดการณ์ไว้อยู่แล้วจะต่ำและมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในสหภาพยุโรปนโยบายน้ำตาลราคาน้ำตาลเพิ่มขึ้นจาก $ 0.21 ต่อปอนด์ถึง $ 0.30 ต่อปอนด์ สำหรับ บริษัท ส่วนใหญ่น้ำตาลแสดงถึง 5-10% ของต้นทุนวัตถุดิบ คราฟท์มีการเปิดรับแสงสูงโดยเฉพาะอย่างยิ่งราคาน้ำตาลของ บริษัท ที่อยู่ในอุตสาหกรรม ชีส, กาแฟ, โกโก้และน้ำตาลเป็นสินค้าอินพุทที่มีค่าที่สุดของคราฟท์และโครงการคราฟท์ว่าสิ่งเหล่านี้ค่าใช้จ่ายในสินค้าโภคภัณฑ์จะเป็น $ 800,000,000 มากกว่า 2004 ระดับ แม้จะมีค่าใช้จ่ายในสินค้าโภคภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น บริษัท ส่วนใหญ่ไม่เต็มใจที่จะเปลี่ยนสูตรผลิตภัณฑ์ของตนเพื่อประหยัดเงินในการเพิ่มขึ้นของต้นทุนการผลิตสำหรับความกลัวของการสูญเสียปริมาณและคุณภาพของแบรนด์ ในขณะที่ บริษัท ส่วนใหญ่ใช้สัญญาเพื่อลดความเสี่ยงของพวกเขาการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในสินค้าโภคภัณฑ์ในที่สุดค่าใช้จ่ายเหล่าตลาดมีความมุ่งมั่น เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงผลกระทบของการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการป้อนข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพทางการเงินของ บริษัท มีการล่าช้าเป็นอนุพันธ์หมดอายุและอนุพันธ์ใหม่จะซื้อได้ในราคาฟิวเจอร์สที่สูงขึ้น ดังนั้นแม้ว่าซัพพลายเออร์ไม่ได้มีอำนาจอย่างมีนัยสำคัญในการกำหนดราคาและการสกัดผลกำไรสภาพแวดล้อมในปัจจุบันที่เพิ่มขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่เป็นกังวลที่สำคัญสำหรับอุตสาหกรรม

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เฉลี่ย สินค้าเกษตรเป็น 19% ของค่าใช้จ่ายของ บริษัท และบรรจุภัณฑ์ที่แสดงถึง 8% ของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน อุตสาหกรรมทั้งหมดทุกข์จากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ผันผวน โดยราคาน้ำมันและปิโตรเลียมที่ใช้บรรจุผลิตภัณฑ์ ราคาเยื่อกระดาษ , อลูมิเนียม , ถั่ว , น้ำตาล และยังมีเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส กับผลผลิตน้ำตาลในพืชแล้วคาดว่าจะต่ำและกับการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในนโยบายอุตสาหกรรมน้ำตาลของสหภาพยุโรป ราคาน้ำตาลได้เพิ่มขึ้นจาก $ 0.21 ต่อปอนด์ $ 0.30 ต่อปอนด์ สำหรับ บริษัท ส่วนใหญ่ น้ำตาลแสดงถึง 5-10% ของต้นทุนวัตถุดิบ คราฟท์ได้สูงโดยเฉพาะอย่างยิ่งความเสี่ยงราคาน้ำตาลของบริษัทภายในอุตสาหกรรม ชีส , กาแฟ , โกโก้และน้ำตาลเป็นสินค้าที่มีคุณค่ามากที่สุดของคราฟท์คราฟท์และเข้าโครงการที่ต้นทุนสินค้าเหล่านี้จะถูก $ 800 ล้านบาท มากกว่าปี 2547 ระดับ แม้จะมีเพิ่มขึ้น ต้นทุนสินค้า บริษัทส่วนใหญ่จะไม่เต็มใจที่จะเปลี่ยนสูตรของผลิตภัณฑ์เพื่อประหยัดเงินในค่าใช้จ่ายในการป้อนข้อมูลที่เพิ่มขึ้นสำหรับความกลัวของการสูญเสียปริมาณและคุณภาพแบรนด์ในขณะที่ บริษัท ส่วนใหญ่ใช้ประกันความเสี่ยงเพื่อลดความเสี่ยงของต้นทุนสินค้าที่เพิ่มขึ้น ในที่สุด เหล่านี้ค่าใช้จ่ายที่ตลาดกำหนด เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยง ผลที่เพิ่มขึ้นค่าใช้จ่ายในการป้อนข้อมูลสุขภาพทางการเงินของ บริษัท เป็นเจ้า เป็นอนุพันธ์ของหมดอายุและอนุพันธ์ใหม่ซื้อในราคาที่สูงขึ้นในอนาคต . ดังนั้นแม้ซัพพลายเออร์ไม่มีอำนาจในการกำหนดราคา และที่สำคัญแยกผลกำไรของสภาพแวดล้อมปัจจุบันของราคาโภคภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นคือความกังวลที่สำคัญสำหรับอุตสาหกรรม .