สาธารณูปโภคและความช่วยเหลือด้านอื่นๆ อีกทั้งประเทศเวียดนามที่ยังคงรักษาความสัมพันธ์พิเศษและความร่วมมือรอบด้าน
สิ่งเหล่านี้ ได้ทำให้ลาวต้องการหลีกเลี่ยงอิทธิพลของประเทศเพื่อนบ้านที่มีอิทธิพลเพิ่มขึ้นต่อลาว โดยเฉพาะจีน ไทย และเวียดนาม และเพื่อเป็นการรักษาความสมดุลของความสัมพันธ์กับทุกประเทศ ดังนั้น การเข้าเป็นสมาชิกอาเซียนจึงเป็นหนทางที่ดีกว่าการที่ลาวจะสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านในลักษณะทวิภาคี ซึ่งอาจทำให้ลาวสูญเสียความเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง[4]
2) ความต้องการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจ สืบเนื่องจากในปี พ.ศ.2539 ลาวมีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเพียงร้อยละ 6.5 ซึ่งต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านอย่างไทย (ร้อยละ 8.4) และเวียดนาม (8.7) อีกทั้งยังมีโครงสร้างพื้นฐานไม่ได้รับการพัฒนา การคมนาคมไม่สะดวก และต้องเผชิญกับภัยธรรมชาติทั้งความแห้งแล้งในภาคเหนือ และน้ำท่วมในภาคกลางและภาคใต้ซึ่งเป็นแหล่งผลิตข้าว นอกจากนี้รัฐบาลยังคงประสบปัญหาการขาดแคลนงบประมาณสำหรับการพัฒนาปัจจัยโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน เทคโนโลยี และเงินทุนสำหรับพัฒนาโครงสร้างเศรษฐกิจพื้นฐานต่างๆ ลาวจึงมีความจำเป็นต้องดำเนินนโยบายต่างประเทศให้เข้ากับกระแสโลกาภิวัตน์และภูมิภาคนิยม โดยให้ความสนใจในการเข้าร่วมเป็นสมาชิกของกลุ่มอาเซียน และมีความหวังว่าชาติสมาชิกอาเซียนจะให้ความช่วยเหลือหรือเข้ามาลงทุน โดยเฉพาะในด้านโครงสร้างพื้นฐาน เมื่อลาวเข้าเป็นสมาชิกอาเซียน โครงการลงทุนต่างๆ ในอาเซียน ลาวจะได้รับผลประโยชน์ร่วมด้วย
3) ความต้องการพัฒนาทางด้านสังคม เมื่อเปรียบเทียบกับบรรดาประเทศสมาชิกในอาเซียนแล้ว ประเทศลาวยังคงมีมาตรฐานการดำรงชีวิตที่ต่ำกว่ามาตรฐานทั้งในด้านการศึกษา และสาธารณสุข โดยประชากรลาวกว่าครึ่งหนึ่งไม่รู้หนังสือ เด็กทารกเสียชีวิตตั้งแต่แรกเกิด 1 ใน 10 คน ครึ่งหนึ่งของเด็กต้องประสบกับภาวะทุโภชนาการและมีการระบาดของเชื้อมาเลเรีย อีกทั้งประสบปัญหาการขาดแคลนยาและเครื่องมือทางการแพทย์ สิ่งเหล่านี้ ได้ทำให้รัฐบาลลาวขณะนั้นมีความหวังที่จะดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศและความช่วยเหลือต่างๆ เพื่อมาพัฒนาประเทศ ซึ่งพัฒนาด้านสาธารณสุขและการศึกษาจะเป็นผลที่เกิดขึ้นตามมา[5]
บทบาทของลาวในอาเซียน
ในระยะของการพัฒนาประเทศก่อนเข้าสู่การเป็นสมาชิกอาเซียนนั้น ประเทศลาวได้มีนโยบายที่แสดงให้เห็นถึงการเตรียมความพร้อมเข้าสู่อาเซียนอย่างสำคัญ กล่าวคือ ประเทศลาวมีการปรับตัวนโยบาย