บทคัดย่อ: การศึกษาเปรียบเทียบองค์ประกอบของต้นทุนและผลตอบแทนจากการเลี้ยงกุ้งขาวแวนนาไมที่ระดับความหนาแน่นแตกต่างกันในน้ำความเค็มต่ำ โดยฟาร์มทั้ง 2 ที่ทำการศึกษานี้เข้าร่วมกลุ่มสหกรณ์ผู้เลี้ยงกุ้งลุ่มน้ำท่าจีนซึ่งทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้ากับโรงงานแปรรูป ฟาร์มที่ 1 ทำการปล่อยลูกกุ้งขาวแวนนาไมระยะ โพสลาร์วา 13 ในอัตราความหนาแน่น 80,000 ตัวต่อไร่ จำนวน 3 บ่อ (ขนาดบ่อ 4 ไร่) ส่วนฟาร์มที่ 2 ปล่อย ลูกกุ้งขาวแวนนาไมระยะโพสลาร์วา 10 อัตราความหนาแน่น 100,000 ตัวต่อไร่ จำนวน 3 บ่อ (ขนาดบ่อ 3 ไร่) ระดับความเค็มของน้ำในบ่อทดลองทุกบ่ออยู่ในช่วงประมาณ 2-5 พีพีที ตลอดระยะเวลาการเลี้ยง สำหรับฟาร์ม ที่ 1 ทำการจับกุ้งหลังจากเลี้ยงเป็นเวลา 129 วัน พบว่ามีน้ำหนักเฉลี่ย 20.70+-0.65 กรัม ผลผลิตเฉลี่ย 1,108.33+-52.04 กิโลกรัมต่อไร่ และอัตราการรอดตายเฉลี่ย 67.02+-5.11 เปอร์เซ็นต์ ต้นทุนการผลิตเฉลี่ย 85,000 บาทต่อไร่ และได้กำไรสุทธิเฉลี่ย 72,000 บาทต่อไร่ ส่วนฟาร์มที่ 2 หลังจากเลี้ยงเป็นเวลา 106 วัน จึงทำการจับกุ้ง พบว่ามีน้ำหนัก ผลผลิตและอัตราการรอดตายเฉลี่ยเท่ากับ 14.30+-0.41 กรัม 977.78+-19.24 กิโลกรัมต่อไร่ และ 68.47+-3.21 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ มีต้นทุนการผลิตเฉลี่ย 76,667 บาทต่อไร่ และได้กำไร สุทธิเฉลี่ย 45,555 บาทต่อไร่ โดยจากการเปรียบเทียบราคาขายกุ้งขาวแวนนาไมที่ทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้ากับโรงงานแปรรูปผ่านสหกรณ์กับราคาขายที่ตลาดทะเลไทย ณ วันเวลาที่จับกุ้ง พบว่าราคากุ้งขาวแวนนาไมที่ขายผ่านสหกรณ์สูงกว่าราคาจากตลาดทะเลไทยประมาณ 22-23 บาทต่อกิโลกรัม สำหรับค่าคุณภาพน้ำตลอดระยะเวลาการเลี้ยงของทั้ง 2 ฟาร์ม พบว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสมต่อการเลี้ยงกุ้งขาวแวนนาไม จากผลการศึกษาครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าการเลี้ยงกุ้งขาวแวนนาไมที่ความหนาแน่นต่ำเพื่อที่จะผลิตกุ้งให้ได้ขนาดใหญ่น่าจะเหมาะสมและให้ผลตอบแทนดีกว่าการเลี้ยงกุ้งขาวแวนนาไมด้วยความหนาแน่นสูงแต่ได้กุ้งขนาดเล็กกว่า การทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในลักษณะที่เป็นสมาชิกสหกรณ์สามารถลดความเสี่ยงจากปัญหาราคาที่ไม่แน่นอนได้
บทคัดย่อ: โดยฟาร์มทั้ง 2 ฟาร์มที่ 1 ทำการปล่อยลูกกุ้งขาวแวนนาไมระยะโพสลาร์วา 13 ในอัตราความหนาแน่น 80,000 ตัวต่อไร่จำนวน 3 บ่อ (ขนาดบ่อ 4 ไร่) ส่วนฟาร์มที่ 2 ปล่อยลูกกุ้งขาวแวนนาไมระยะโพสลาร์วา 10 อัตราความหนาแน่น 100,000 ตัวต่อไร่จำนวน 3 บ่อ (ขนาดบ่อ 3 ไร่) 2-5 พีพีทีตลอดระยะเวลาการเลี้ยงสำหรับฟาร์มที่ 1 ทำการจับกุ้งหลังจากเลี้ยงเป็นเวลา 129 วันพบว่ามีน้ำหนักเฉลี่ย 20.70 + -0.65 กรัมผลผลิตเฉลี่ย 1,108.33 + -52.04 กิโลกรัมต่อไร่และอัตราการรอดตายเฉลี่ย 67.02 + -5.11 เปอร์เซ็นต์ต้นทุนการผลิตเฉลี่ย 85,000 บาทต่อไร่และได้กำไรสุทธิเฉลี่ย 72,000 บาทต่อไร่ส่วนฟาร์มที่ 2 หลังจากเลี้ยงเป็นเวลา 106 วันจึงทำการจับกุ้งพบว่ามีน้ำหนัก 14.30 + -0.41 กรัม 977.78 + -19.24 กิโลกรัมต่อไร่และ 68.47 + -3.21 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับมีต้นทุนการผลิตเฉลี่ย 76,667 บาทต่อไร่และได้กำไรสุทธิเฉลี่ย 45,555 บาทต่อไร่ ณ วันเวลาที่จับกุ้ง วันที่ 22-23 บาทต่อกิโลกรัม 2 ฟาร์ม
การแปล กรุณารอสักครู่..
