จากมุมมองทางการตลาดที่เป็นการแสวงหาวิธีที่ต้องตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญ ไม่ได้เน้นแต่กิจกรรมที่มุ่งเน้นทางแต่ทางด้านการขายแต่เพียงอย่างเดียว ทำให้บทบาทของการตลาดได้กลายเป็นตัวกำหนดและชี้นำแนวทางในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งผลที่ตามมาก็คือเป็นตัวกำหนดการทำงานของฝ่ายอื่นๆ ด้วย
การพัฒนาสินค้าต้องตรงกับความต้องการของลูกค้า การคัดเลือกพนักงานในการทำงานต้องมีทักษะสอดคล้องกับทิศทางการตลาด การเคลื่อนย้ายสินค้าหรือการพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารทั้งภายในและภายนอกขององค์กรก็ต้องสอดคล้องกับนโยบายของการตลาด เพราะในที่สุดแล้วการดำเนินธุรกิจโดยรวมทั้งหมดต้องอยู่ในทิศทางของธุรกิจ ที่สำคัญทุกกิจกรรมต้องสอดคล้องผ่านกลยุทธ์การสร้างแบรนด์
แบรนด์สินค้าจึงมีบทบาทและความสำคัญมากขึ้น จากเดิมที่มีความหมายเป็นแค่สัญลักษณ์ ตรายี่ห้อหรือชื่อของสินค้า แต่ในปัจจุบันการสร้างแบรนด์จึงเป็นเรื่องของการพัฒนาคุณค่าโดยรวมของทั้งธุรกิจเพราะในความหมายของการรับรู้ของผู้บริโภค การเลือกซื้อแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งนั้นมีความหมายถึงคุณค่าที่ผู้บริโภคคาดว่าจะได้รับจากแบรนด์สินค้านั้น และถ้ารับรู้ได้ว่ามีคุณค่ามากก็จะส่งผลให้ราคาของสินค้าสูงขึ้นตามมา
องค์กรธุรกิจในปัจจุบันจึงมีการมุ่งเน้นแบรนด์สินค้าให้มีคุณค่ามากขึ้นในสายตาและการรับรู้ของผู้บริโภค การพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพสามารถถูกลอกเลียนแบบได้ง่ายโดยคู่แข่งขัน แต่คุณค่าของแบรนด์ที่มีองค์ประกอบและความหมายในคุณค่าทั้งหมดนั้น ยากที่คู่แข่งขันจะสามารถเลียนแบบได้ เพราะองค์ประกอบของคุณค่าของแบรนด์ในสายตาของลูกค้าไม่ใช่แค่ประโยชน์ใช้สอยเท่านั้นแต่เป็นคุณค่าที่ลูกค้าสามารถรับรู้และสัมผัสได้ผ่านทางตราสินค้า