Staffan Herrström, Swedish ambassad

Staffan Herrström, Swedish ambassador to Thailand, is a man of vision.
With a distinguished career that has included stints as a political adviser and print journalist, along with postings in Tanzania, Vietnam and Poland, the veteran envoy does not hesitate to speak his mind.
In Thailand for under a year, his long term goal is to see that when his term is over, Sweden should be "well known, appreciated and a commercially successful friend and partner to a democratic Thailand".
Like other issues close to his heart, Herrström is upfront about his staunch support for women's rights.
He duly credits his mother for this.
"My mother was a delegate to the Church congress in 1958 when women finally received the right to become priests," he said. "Now we even have a female archbishop, but then almost 60 years ago this decision was very controversial and many men questioned and obstructed it for a long time. Over the years I have realised that my mother's engagement in this matter, taking a clear stand and also being active in the women's movement, probably influenced me much more than I realised when I was young."
The Swedish envoy grew up in an era when men dominated politics, while women to a large extent, were homemakers. As he grew older and became politically active, he realised women should have equal rights to enable society to develop to its full potential.
Today Swedish women enjoy the same rights as men. However, this is far from true in many other countries where lack of basic rights for females is still widely practised.
Having two daughters, aged 20 and 18, makes him shudder at the thought that their chances in life would be more limited than young men of their same age because of their gender.
Ambassador Herrström finds immense pride working in, what he termed, "a feminist government".
"Women work two-thirds of the world's total working hours but earn only a tenth of the world income. Women make up half of the world's population, yet represent 70% of the world's poor. Only one in five parliamentarians in the world is a woman. And as much as one in three women in the world is physically abused in their lifetime.
"A feminist foreign policy places these and other similar issues at the core of decision making, focusing on rights, representation and resources for women. I feel proud to be part of that undertaking," he said.
The Swedish emissary said gender equality is one of the cornerstones of Swedish society. There is literally nothing a Swedish women is not allowed to do today, he said, and women are treated no differently than their male compatriots both at work and home.
Besides sharing equal responsibilities at home, he said, men are also allowed maternity leave to enable them to share the duties of being a father. In a way gender equality has enabled Swedish families to grow closer as parents share equal responsibilities with the children.
Splitting parental duties from the time the child is born enables the father to become more engaged in the daily welfare of his offspring as he grows older.
Additionally, he said, acceptance towards gender-based domestic violence in the country has also decreased, thanks Swedish government making sure that women had rights and were protected against violence. The eventual aim is to see the acceptance rate for the crime to eventually reach zero, he remarked.
One of the major drives of change in Sweden was the women's movement, which was very vocal in promoting and playing an instrumental role in implementing a child care system which is high quality, yet affordable. Ambassador Herrström remarked that in the 1970s, child care and parental leave for men was non-existent, and took two decades to accomplish what they have today.
Ambassador Herrström acknowledged that his approach towards fatherhood would have been very different had he not had the experience of bonding with his infant daughter during his parental leave after her birth.
The two months he spent with his eldest daughter Sofia helped to develop a closer bond between father and daughter, teaching him that fatherhood meant patience and sacrifice.
He also continues to support the HeForShe campaign, a movement for gender equality which was originally conceived as a struggle led only by women for women.
Explaining why he decided to get involved, he said: "Because we men need to speak out and stand up for gender equality. I am in favour of equal rights and against gender-based violence. It is our responsibility to carry this message to the world. This is also a win-win situation for both women and men. This is what the HeForShe-campaign is all about."
The ambassador concluded the interview by sharing his thoughts on whether it was appropriate for ambassadors in Thailand to voice their opinion on the host country's political situation, remarking: "Global norms about human rights and democracy are valid and important for all countries. Sweden is a member of the European Union, and it is not uncommon that we exp

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Staffan Herrström สวีเดนประจำประเทศไทย มีคนเห็นมีอาชีพแตกต่างที่ได้รวม stints เป็นที่ปรึกษาทางการเมืองและนักข่าวพิมพ์ พร้อมลงในแทนซาเนีย เวียดนาม และประเทศ โปแลนด์ ราชทูตทหารผ่านศึกไม่ลังเลที่จะพูดจิตใจของเขาในประเทศไทย ภายใต้ปี เป้าหมายระยะยาวของเขาเป็นไป เห็นว่าเมื่อเงื่อนไขของเขามากกว่า สวีเดนควร "รู้จัก ชื่นชม และประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์เพื่อนและหุ้นส่วนในประเทศไทยเป็นประชาธิปไตย"เช่นปัญหาอื่น ๆ ใกล้กับหัวใจ Herrström เป็นตะวันเกี่ยวกับเขาสนับสนุนสิทธิสตรี staunchเขาดูแลเครดิตลูกนี้"แม่ของฉันถูกมอบหมายให้สภาคริสตจักรใน 1958 เมื่อผู้หญิงสุดท้ายได้รับสิทธิในการเป็น ปุโรหิต เขากล่าวว่า "ตอนนี้ เราได้เป็นหญิงอาร์ชบิชอปแห่ง แต่แล้ว เกือบ 60 ปีที่ผ่านมาตัดสินใจนี้ถูกแย้งมาก และหลายคนไต่สวน และกีดขวางเป็นเวลานาน ปี ฉันได้เองก็ยังคิดว่า แม่หมั้นในเรื่อง การยืนชัดเจน และยัง มีการใช้งานในการเคลื่อนไหวของผู้หญิง คงมีอิทธิพลต่อผมมากมากกว่าผมเองก็ยังคิดเมื่อสมัยหนุ่ม"ราชทูตสวีเดนและเติบโตในยุคเมื่อผู้ชายครอบงำการเมือง ในขณะที่ผู้หญิงไปขอบเขตขนาดใหญ่ มีเพศพวกนี้ เขาเติบโตเก่า และเป็นงานทางการเมือง เขาเองก็ยังคิดผู้หญิงควรมีสิทธิที่เท่าเทียมกันเพื่อให้สังคมพัฒนาให้เต็มศักยภาพวันนี้ผู้หญิงสวีเดนกับสิทธิ์เดียวกันเป็นคน อย่างไรก็ตาม นี้ไม่เป็นความจริงในประเทศอื่น ๆ ที่ยังคงแพร่หลายได้ปฏิบัติขาดสิทธิพื้นฐานสำหรับหญิงมีสองลูกสาว อายุ 20 และ 18 ทำให้เขา shudder ที่คิดว่า โอกาสในชีวิตของพวกเขาจะจำกัดมากขึ้นกว่าคนอายุเดียวกันของพวกเขาเนื่องจากเพศของตน แอมบาสซาเดอร์ Herrström พบความภาคภูมิใจอันยิ่งใหญ่ที่ทำงาน ที่เขาเรียกว่า "รัฐบาล feminist""ผู้หญิงทำงานสองสามชั่วโมงทำงานทั้งหมดในโลก ได้รายได้เพียงสิบของรายได้ของโลก ผู้หญิงทำให้ค่าครึ่งหนึ่งของประชากรโลก ได้แสดงถึง 70% ของคนจนในโลก สมาชิกรัฐสภา 1 ใน 5 เท่านั้นในโลกคือ ผู้หญิง และผู้หญิงจำนวนหนึ่งในสามในโลกจริงจะถูกในชีวิตของพวกเขา"นโยบายต่างประเทศ feminist สถานเหล่านี้และปัญหาอื่น ๆ ที่คล้ายกันของการตัดสินใจ เน้นสิทธิ การนำเสนอ และทรัพยากรสำหรับผู้หญิง รู้สึกภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งของกิจการที่ เขากล่าวว่าทูตไปยังสวีเดนว่า เท่าเทียมทางเพศเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญของสังคมที่สวีเดน ไม่มีอักษรอะไรผู้หญิงสวีเดนไม่อนุญาตให้ทำวันนี้ เขากล่าว และผู้หญิงจะถือว่าไม่แตกต่างจากของผู้ชายทั้ง ที่ทำงานและบ้านนอกจากการร่วมกันรับผิดชอบเท่าที่บ้าน เขากล่าว ชายยังได้ลาคลอดจะทำให้สามารถแบ่งหน้าที่ของการเป็นพ่อ ในทาง เพศความเสมอภาคมีเปิดครอบครัวสวีเดนจะเติบโตใกล้ชิดกับผู้ปกครองร่วมรับผิดชอบเท่ากับเด็ก แบ่งหน้าที่ผู้ปกครองจากเวลาเกิดลูกให้พ่อเพื่อเป็นมากหมกมุ่นสวัสดิการประจำวันของลูกหลานของเขาขณะที่เขาอายุมาก นอกจากนี้ เขากล่าว ยอมรับไปตามเพศความรุนแรงในครอบครัวในประเทศยังลด ขอบคุณรัฐบาลสวีเดนทำให้แน่ ใจว่า ผู้หญิงมีสิทธิขึ้นกับความรุนแรง จุดมุ่งหมายในการจะดูอัตราการยอมรับสำหรับอาชญากรรมไปในที่สุดถึงศูนย์ เขากล่าวหนึ่งไดรฟ์หลักของการเปลี่ยนแปลงในสวีเดนเป็นผู้หญิงของความเคลื่อนไหว ซึ่งเป็น vocal มากในการส่งเสริม และการเล่นบทบาทเป็นเครื่องมือในการปฏิบัติตามระบบการดูแลเด็กที่มีคุณภาพสูง ราคาไม่แพงแต่ แอมบาสซาเดอร์ Herrström กล่าวว่า ในทศวรรษ 1970 ดูแลเด็กและผู้ปกครองปล่อยให้สำหรับคนไม่มีอยู่ และเอาสองทศวรรษเพื่อให้บรรลุสิ่งที่พวกเขามีวันนี้แอมบาสซาเดอร์ Herrström ยอมรับว่า วิธีของเขาต่อความเป็นพ่อจะได้รับแตกต่างกันมากมีเขาไม่มีประสบการณ์งานลูกสาวทารกระหว่างลาโดยผู้ปกครองของเขาหลังคลอดของเธอ สองเดือนที่เขาใช้เวลากับลูกสาวคนโตของเขาโซเฟียช่วยพัฒนาตราสารหนี้ที่ใกล้ชิดระหว่างพ่อและลูกสาว สอนเขาว่า ความเป็นพ่อหมายถึง ความอดทนและเสียสละเขายังสนับสนุนแคมเปญ HeForShe เคลื่อนไหวเท่าเทียมทางเพศที่ถูกรู้สึกเดิมเป็นการต่อสู้ที่นำ โดยผู้หญิงสำหรับผู้หญิงเท่า นั้นเขาอธิบายว่า ทำไมเขาตัดสินใจจะเกี่ยวข้องกับ กล่าวว่า: "เพราะคนเราจำเป็นต้องพูด ออก แล้วยืนขึ้นเท่าเทียมทางเพศ ผม ลงสิทธิที่เท่าเทียมกัน และความรุนแรงตามเพศ มันเป็นความรับผิดชอบของเราจะมีข้อความนี้ไปทั่วโลก นี้ยังเป็นสถานการณ์ที่ชนะทั้งผู้หญิงและผู้ชาย นี้เป็นสิ่งเสริม HeForShe นี้"แอมบาสเดอร์สรุปการสัมภาษณ์ โดยการแชร์ความคิดของเขาบนว่าก็เหมาะสมกับแอมบาสเดอร์ไทยเพื่อแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองของประเทศเจ้าภาพ เสียง remarking: "บรรทัดฐานสากลเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยได้ถูกต้อง และมีความสำคัญสำหรับทุกประเทศ สวีเดนเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป และมันไม่ใช่เราที่ประสบการณ์

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

Staffan Herrströmเอกอัครราชทูตสวีเดนประจำประเทศไทยเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์ก.
กับงานที่โดดเด่นที่ได้รวมถูกคุมขังในฐานะที่ปรึกษาทางการเมืองและนักข่าวพิมพ์พร้อมกับการโพสต์ในแทนซาเนียเวียดนามและโปแลนด์, นักการทูตที่มีประสบการณ์ไม่ลังเลที่จะพูดความคิดของเขา .
ในเมืองไทยภายใต้ปีเป้าหมายระยะยาวของเขาคือการเห็นว่าเมื่อระยะเวลาของเขามีมากกว่าสวีเดนควรจะเป็น "ที่รู้จักกันดีชื่นชมและเป็นเพื่อนที่ประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์และพันธมิตรเพื่อประชาธิปไตยประเทศไทย".
เช่นเดียวกับปัญหาอื่น ๆ ใกล้กับหัวใจของเขา , Herrströmเป็นล่วงหน้าเกี่ยวกับการสนับสนุนอย่างแข็งขันของเขาเพื่อสิทธิสตรี.
เขารับรองสำเนาถูกต้องให้เครดิตแม่ของเขาสำหรับเรื่องนี้.
"แม่ของฉันเป็นตัวแทนไปประชุมคริสตจักรในปี 1958 เมื่อผู้หญิงจนได้รับสิทธิ์ในการเป็นพระสงฆ์" เขากล่าว "ตอนนี้เรายังมีบาทหลวงหญิง แต่แล้วเกือบ 60 ปีที่ผ่านมาการตัดสินใจครั้งนี้เป็นที่ถกเถียงกันมากและหลายคนถามและขัดขวางมันเป็นเวลานาน. กว่าปีที่ผมได้ตระหนักว่าการมีส่วนร่วมของแม่ของฉันในเรื่องนี้การยืนที่ชัดเจน และยังมีการใช้งานในการเคลื่อนไหวของผู้หญิงอาจจะมีอิทธิพลต่อผมมากขึ้นกว่าที่ฉันรู้ตอนที่ผมยังเป็นเด็ก.
"ทูตสวีเดนเติบโตขึ้นมาในยุคที่ผู้ชายครอบงำการเมืองในขณะที่ผู้หญิงในระดับใหญ่เป็นแม่บ้าน เมื่อเขาโตขึ้นและกลายเป็นที่ใช้งานทางการเมืองเขาก็ตระหนักว่าผู้หญิงควรมีสิทธิเท่าเทียมกันที่จะช่วยให้สังคมในการพัฒนาเต็มศักยภาพ.
วันนี้ผู้หญิงสวีเดนได้รับสิทธิเช่นเดียวกับผู้ชาย แต่นี้อยู่ไกลจากความจริงในหลาย ๆ ประเทศที่ขาดสิทธิขั้นพื้นฐานสำหรับสตรียังคงปฏิบัติกันอย่างกว้างขวาง.
มีลูกสาวสองคนอายุ 20 และ 18 ทำให้เขาสั่นที่คิดว่ามีโอกาสในชีวิตของพวกเขาจะถูก จำกัด มากขึ้นกว่าที่ชายหนุ่ม อายุเดียวกันของพวกเขาเพราะเพศของพวกเขา.
เอกอัครราชทูตHerrströmพบความภาคภูมิใจอันยิ่งใหญ่ที่ทำงานในสิ่งที่เขาเรียกว่า "รัฐบาลเรียกร้องสิทธิสตรี".
"ผู้หญิงทำงานสองในสามของชั่วโมงการทำงานโดยรวมของโลก แต่ได้รับเพียงหนึ่งในสิบของรายได้ทั่วโลก. ผู้หญิง ทำขึ้นครึ่งหนึ่งของประชากรโลกที่ยังเป็นตัวแทนของ 70% ของโลกที่น่าสงสาร. เพียงหนึ่งในห้าพระบรมวงศานุวงศ์ในโลกคือผู้หญิงคนหนึ่ง. และเท่าที่หนึ่งในสามของผู้หญิงในโลกที่มีการทำร้ายร่างกายในชีวิตของพวกเขา.
"สตรี นโยบายต่างประเทศสถานที่ปัญหาที่คล้ายกันเหล่านี้และอื่นที่เป็นแกนหลักของการตัดสินใจโดยมุ่งเน้นที่สิทธิการเป็นตัวแทนและทรัพยากรสำหรับผู้หญิง ผมรู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินการที่ "เขากล่าว.
ทูตสวีเดนกล่าวว่าความเสมอภาคทางเพศเป็นหนึ่งในเสาหลักของสังคมสวีเดน. ไม่มีอะไรที่แท้จริงผู้หญิงสวีเดนไม่ได้รับอนุญาตให้ทำในวันนี้เขากล่าวว่าและหญิงจะได้รับการรักษา ไม่แตกต่างจากเพื่อนร่วมชาติชายของพวกเขาทั้งที่ทำงานและที่บ้าน.
นอกจากการแบ่งปันความรับผิดชอบเท่ากันที่บ้านเขากล่าวว่าคนที่จะได้รับอนุญาตนอกจากนี้ยังมีการลาคลอดเพื่อให้พวกเขาร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ของการเป็นพ่อ. ในความเท่าเทียมทางเพศวิธีที่ได้เปิดใช้งานครอบครัวสวีเดนเพื่อ ใกล้ชิดมากขึ้นกับผู้ปกครองมีส่วนร่วมรับผิดชอบที่เท่าเทียมกันกับเด็ก.
หน้าที่ของผู้ปกครองที่แยกจากเวลาที่เด็กเกิดมาจะช่วยให้พ่อที่จะกลายเป็นส่วนร่วมมากขึ้นในการจัดสวัสดิการประจำวันของลูกหลานของเขาในขณะที่เขาเติบโตเก่า.
นอกจากนี้เขากล่าวว่าได้รับการยอมรับไปทางเพศที่ใช้ ความรุนแรงในครอบครัวในประเทศได้ลดลงนอกจากนี้ยังขอบคุณรัฐบาลสวีเดนให้แน่ใจว่าผู้หญิงมีสิทธิและได้รับการปกป้องต่อต้านความรุนแรง. จุดมุ่งหมายในที่สุดคือการเห็นอัตราการยอมรับสำหรับการก่ออาชญากรรมในที่สุดถึงศูนย์เขาตั้งข้อสังเกต.
หนึ่งในไดรฟ์ที่สำคัญของ การเปลี่ยนแปลงในสวีเดนเคลื่อนไหวของผู้หญิงซึ่งเป็นแกนนำในการส่งเสริมและมีบทบาทเป็นเครื่องมือในการดำเนินการระบบการดูแลเด็กซึ่งเป็นที่มีคุณภาพสูง แต่ราคาไม่แพง เอกอัครราชทูตHerrströmตั้งข้อสังเกตว่าในปี 1970, การดูแลเด็กและการลาเพื่อเลี้ยงดูบุตรสำหรับผู้ชายก็ไม่ได้มีอยู่และใช้เวลาสองทศวรรษที่ผ่านมาเพื่อให้บรรลุสิ่งที่พวกเขามีวันนี้.
เอกอัครราชทูตHerrströmยอมรับว่าวิธีการของเขาที่มีต่อพ่อจะได้รับแตกต่างกันมากเขาไม่ได้มีประสบการณ์ ของพันธะกับลูกสาวทารกของเขาในระหว่างการลาของผู้ปกครองของเขาหลังจากที่เธอคลอด.
สองเดือนที่เขาใช้เวลากับลูกสาวคนโตของเขาโซเฟียช่วยในการพัฒนาความผูกพันใกล้ชิดระหว่างพ่อและลูกสาวของการเรียนการสอนให้เขารู้ว่าพ่อหมายถึงความอดทนและเสียสละ.
เขายังคงให้การสนับสนุน . แคมเปญ HeForShe
การเคลื่อนไหวเพื่อความเท่าเทียมกันทางเพศซึ่งได้รู้สึกเดิมเป็นการต่อสู้ที่นำโดยเฉพาะผู้หญิงสำหรับผู้หญิงอธิบายเหตุผลที่เขาตัดสินใจที่จะมีส่วนร่วมเขากล่าวว่า: "เพราะคนเราต้องพูดออกมาและยืนขึ้นเพื่อความเท่าเทียมทางเพศผม. ในความโปรดปรานของสิทธิที่เท่าเทียมกันและต่อต้านการใช้ความรุนแรงทางเพศที่ใช้. มันเป็นความรับผิดชอบของเราที่จะนำข้อความนี้ไปทั่วโลก. นี้ยังเป็นสถานการณ์ win-win สำหรับทั้งผู้หญิงและผู้ชาย นี่คือสิ่งที่ HeForShe แคมเปญคือทั้งหมดที่เกี่ยวกับ ".
ทูตสรุปการสัมภาษณ์ด้วยการแบ่งปันความคิดของเขาในไม่ว่าจะเป็นที่เหมาะสมสำหรับการทูตในประเทศไทยที่จะแสดงความคิดเห็นของพวกเขาเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองของประเทศเจ้าภาพตั้งข้อสังเกต" บรรทัดฐานทั่วโลกเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนและ การปกครองระบอบประชาธิปไตยที่ถูกต้องและมีความสำคัญสำหรับทุกประเทศ สวีเดนเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรปและมันก็ไม่แปลกที่เรา exp